ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 12
ปีกเทวดาเลเวล 1 (พิเศษสำหรับเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย) ปีกคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์ เอฟเฟกต์เพิ่มเติม : การใช้เวทมนตร์แสงและเวทมนตร์คุณสมบัติลวงตาใช้ค่ามานา 0 ใช้เอฟเฟกต์อยู่ได้นานสุดหนึ่งชั่วโมง เวลาคูลดาวน์สามชั่วโมง ไม่ใช้เอฟเฟกต์อยู่ได้นานสุดสิบสองชั่วโมง เวลาคูลดาวน์สิบนาที เอฟเฟกต์เพิ่มเติม : การบินเลเวล 1 (เลเวลปีกที่ต้องการ เลเวล 3) วิธีอัพเลเวล : ใช้เอฟเฟกต์เป็นระยะเวลาเกินสิบชั่วโมง
ปีกอันเดดเลเวล 1 (พิเศษสำหรับเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย) ปีกคุณสมบัติอันเดด เอฟเฟกต์เพิ่มเติม : การใช้เวทมนตร์อันเดดและเวทมนตร์คุณสมบัติความมืดใช้ค่ามานา 0 ใช้เอฟเฟกต์อยู่ได้นานสุดหนึ่งชั่วโมง เวลาคูลดาวน์สามชั่วโมง ไม่ใช้เอฟเฟกต์อยู่ได้นานสุดสิบสองชั่วโมง เวลาคูลดาวน์สิบนาที เอฟเฟกต์เพิ่มเติม : มลพิษเลเวล 1 (เลเวลปีกที่ต้องการเลเวล 3) วิธีอัพเลเวล : ใช้เอฟเฟกต์เป็นระยะเวลาเกินสิบชั่วโมง
การบินเลเวล 1 : บินเหนือพื้นดินสูงสุด 50 เมตร เร็วสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มลพิษเลเวล 1 : ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เลเวลต่ำกว่าตัวเอง 10 เลเวลเป็นอันเดด และควบคุมอีกฝ่าย ระยะเวลาที่ควบคุมได้ = ความต่างเลเวลต่อชั่วโมง ขีดจำกัดปริมาณมลพิษ : 1
อ่านคำแนะนำบนหน้าต่างเสมือนจริงจบ ผมก็เกือบโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ประสิทธิภาพของปีกทั้งสองยอดไปเลย ถึงมีแค่ข้างใดข้างหนึ่งก็สะดวกอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าจะเสียเปรียบเพราะไร้อาชีพ แต่พอมีปีกคู่นี้แล้วก็ถือว่าชดเชยความขาดแคลนของการไร้อาชีพได้
แต่ว่า ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือเวทแสง เวทคุณสมบัติลวงตา เวทอันเดด และเวทคุณสมบัติความมืด ผมทำไม่ได้เลยสักอย่าง…
พระเจ้า! ทำไมถึงเป็นสี่เวทนี้พอดี? ทำไมนะ!
ได้ปีกที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาอย่างไม่ง่ายดาย แต่ทำไมผมถึงใช้ไม่ได้ล่ะ!
และเป็นเพราะยังใช้เวททั้งสี่ไม่ได้ในตอนนี้ กางปีกออกมาก็ไม่คุ้ม ยังไงซะเวลาการคูลดาวน์เป็นสามเท่าก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้ากางออกมา ปีกที่กางออกได้ก็มีแค่ปีกเทวดา ถ้ากางปีกแห่งความตายออกมาตอนนี้ คงก่อเรื่องวุ่นวายที่ไม่จำเป็นแน่
แต่ตอนนี้การกางและหุบปีกสามารถใช้หน้าจอควบคุมได้ แบบนี้ก็สะดวกไม่น้อย จับดูปีกที่หุบไว้ก็เป็นเพียงรอยนูนเล็กๆ บนหลัง ถ้าใส่ชุดปิดบังย่อมมองไม่เห็น
ส่วนปีกอันเดดก็ดูเหมือนจะกางไม่ออกด้วยเวทของฟาลัน แบบนั้นก็ดี
แต่ผมก็ยังเก็บหน้าจอเสมือนจริงอยู่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้ปีกยืดออกมาเมื่อคลายเวท
ผมปิดไฟในห้องแล้ว ยังไงซะโพรงขนาดใหญ่ตรงนั้น ถ้าไม่ปิดไฟ ห้องนี้จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดแสงของสวนดอกไม้ด้านนอก
ผมไม่อยากให้คู่รักที่เจอกันกลางดึกในสวนดอกไม้ต้องอึดอัดใจ ผมนี่เป็นคนดีจริงๆ!
นอนอยู่บนเตียงสักพัก ในที่สุดประตูห้องก็มีเสียงเปิดออก ลืมตาดู ผมจึงเห็นชื่อของฟาลันลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางความมืด
“เธอมาจนได้? ฉันเกือบหลับไปแล้ว”
“น่าสงสารเจ้าจริงๆ ที่ต้องนอนในห้องโพรงใหญ่ขนาดนี้ จริงๆ นะ”
ฟาลันเดินเข้ามา ยืนอยู่ที่ปลายเตียง
“เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะสอนเวทควบคุมกลิ่นอันเดดบนตัวเจ้า อย่างไรซะข้าก็ไม่อาจอยู่ข้างๆ เจ้าตลอดได้นี่? วางใจเถอะ ข้าได้ร่ายเขตแดนเวทไว้ก่อนจะเข้ามาแล้ว แล้วเขตแดนเวทนี้ข้าจะสอนเจ้าด้วย”
“งั้นก็ขอบใจจริงๆ”
“ช่วยไม่ได้นี่ ที่เจ้ามีปีกอันเดดงอกออกมาก็เป็นเพราะข้าไม่ใช่เหรอ?”
ขณะที่พูดแบบนี้ เธอก็โยนเม็ดคริสตัลเล็กๆ สองลูกมาตรงหน้าผม
“ข้าบรรจุภาพเวทมนตร์ไว้ในนั้นแล้ว เจ้าค่อยๆ ลองดู คืนนี้ข้ามีธุระ ต้องไปก่อนล่ะ”
“มีธุระ? เธอจะออกจากสถาบันเหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ…”
“วางใจเถอะ เป็นเด็กก็พักผ่อนให้พอ หรืออยากให้พี่สาวอยู่เป็นเพื่อนจ๊ะ? คราว~หน้า~นะ~”
พูดจบ เงาร่างของฟาลันสว่างวาบ แล้วโดดออกไปจากโพรงในห้อง
จริงๆ เลย ยัยนี่เด็กกว่าผมชัดๆ…ผมหมายถึงอายุจิตใจน่ะ
ขณะที่ผมกดบนคริสตัลสองลูกนั้น หน้าต่างแจ้งการเรียนของผมก็เด้งออกมา แน่นอน ผมกดปุ่มยืนยันอย่างรวดเร็ว
คนตายผู้เงียบงัน เรียนรู้เพื่อจำกัดกลิ่นอายอันเดดบนตัวเป้าหมาย และจำกัดความสามารถของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน
ความเงียบของคนตาย เรียนรู้เพื่อตั้งเขตแดนในบริเวณเฉพาะ กลิ่นอายอันเดดจะไม่ฟุ้งออกไปนอกเขตแดน
หลังจากยืนยันสกิลบนแถบสกิลแล้ว ผมก็เดินไปตรงโพรงใหญ่
ในระยะไกล ชื่อของฟาลันกำลังห่างออกไปทางทิศตะวันตกของสถาบัน…ผมจำได้ว่าทางนั้นคือสนามต่อสู้จริง เดินออกไปอีกก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นแล้ว…กำแพงสถาบัน? หรือว่ายัยนั่นจะหนีออกไป?
“ถึงรู้สึกอันตราย แต่กลิ่นของเนื้อเรื่องย่อยแบบนี้ก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้นี่…ยิ่งกว่านั้นในบริเวณสถาบันก็ไม่สามารถอัพเลเวลได้ด้วย ออกไปดูสักหน่อยแล้วกัน”
ผมสามารถใช้ความคิดควบคุมสกิลนักเวทได้นิดหน่อย แต่ว่า สกิลอื่นกลับทำไม่ได้
เปิดแถบสกิลออก หลังลากมาตำแหน่งที่พอดี ผมก็กดที่สกิลโจร “เบาเหมือนขนนก” กับ “ลอบเร้น” และสกิลนักรบ “เพิ่มความเร็ว” ค่อยๆ โดดไปข้างหน้าเบาๆ ผมจึงเริ่มตามไปยังทางที่ฟาลันออกไป
เมื่อผ่านสนามต่อสู้จริง ผมยังเห็นแท่งน้ำแข็งขนาดมหึมาตั้งอยู่ตรงกลางสนาม ส่วนอีกด้านหนึ่ง บนกำแพงของสนามต่อสู้จริงยังเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกเผา
การกำจัดสิ่งของที่ใช้เวทมนตร์ควบแน่นธาตุออกมาดูค่อนข้างลำบากจริงๆ
ผมเคยทำการทดลองมาก่อนว่าน้ำแข็งที่เกิดจากเวทมนตร์ของโลกนี้ไม่อาจละลายได้เหมมือนน้ำแข็งที่เกิดตามธรรมชาติ วิธีการละลายคือต้องเจอกับธาตุของเวทไฟ หรืออีกอย่างก็คือรอให้ธาตุที่ควบแน่นออกมาของเวทน้ำแข็งในก้อนน้ำแข็งค่อยๆ หายไป ถึงแม้เป็นน้ำแข็งที่มีขนาดเท่าลูกเบสบอลก็ต้องใช้เวลาเป็นวันกว่าจะสลาย ส่วนสิ่งที่องค์หญิงสโนว์สร้างออกมานี้ สองสามเดือนก็คงยังไม่หายไป
เห็นชื่อสีแดงตรงหน้าไม่เคลื่อนไหว ผมจึงหยุดพิงกำแพงสนามต่อสู้จริง แล้วกดที่สกิล “ลอบเร้น”
ขณะที่ร่างกายของผมหายไป ผมอาศัยแสงจันทร์มองไปบริเวณที่ฟาลันยืนอยู่ไกลๆ อย่างระมัดระวังอยู่สักพัก เธอหมุนตัวไปจุดบนกำแพงข้างหลังห้าจุด
จุดที่ถูกวาดมีรัศมีสีเทาเล็กน้อย จากนั้นก็เชื่อมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นดวงดาวห้าแฉกที่เส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึงหนึ่งเมตร
หลังจากมั่นใจว่าไม่มีคนอยู่ข้างหลัง ฟาลันก็ลอดเข้าไปในวงเวทอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันวงเวทก็มืดลงทันที
ทว่า ผมยังคงเห็นชื่อของฟาลันกำลังเล็กลงเรื่อยๆ แปลว่าวงเวทนั้นเป็นเวทที่แค่ให้คนทะลุผ่านไปเท่านั้น
“เวทช่องว่าง…ฟาลันไม่มีฉายาที่เกี่ยวกับสายช่องว่างเลยนี่ หรือมันจะเป็นอุปกรณ์?”
ผมเดินไปริมกำแพงอย่างรวดเร็ว แล้วมองจุดแสงหลายจุดนั้นดีๆ
บนกำแพงเรียบลื่นเหมือนจะสัมผัสของแข็งอันแหลมคมได้ ดูเหมือนเป็นคริสตัลเล็กๆ เกาะอยู่บนนั้น คริสตัลเวทช่องว่าง? ถึงเคยได้ยินว่าสามารถใช้คริสตัลเวทสร้างสิ่งของที่คล้ายกับกลไกเวทได้ แต่ผมกลับเห็นของจริงเป็นครั้งแรก
ได้ยินว่าการเปิดกลไกต้องรู้จักขั้นตอนการเปิด แต่เมื่อกี้อยู่ไกลเกินไปจนเห็นไม่ชัดน่ะสิ…
เห็นชื่อฟาลันค่อยๆ ไกลออกไป ก็ไม่มีเวลาให้ผมคิดแล้ว
“โทเท็มน้ำแข็ง!”
โทเท็มปรากฏออกมาผลักผมไปยังจุดที่สูงกว่ากำแพงเล็กน้อย ผมกระโดดไปด้านหน้า แล้วโดดลงไป
ถึงไม่รู้ว่าทำไมผมถึงใช้สกิลนักรบกับสกิลโจรมาผลาญมานา แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อยาชูกำลัง
หยิบขวดยาเวทมนตร์ออกมาเทลงไป กดเพิ่มความเร็วกับลอบเร้นอีกครั้ง ผมก็ไล่ตามไปทางฟาลันอย่างรวดเร็ว
การติดตั้งเพิ่มเติม :
เบาเหมือนขนนก : สกิลโจร ใช้มานา 30 ทำให้ความเร็วลดลง ตกลงจากที่สุดในระยะ 50 เมตรโดยไม่บาดเจ็บ
ลอบเร้น : สกิลโจร ใช้มานา 50 ลดอัตราการพบเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่าง 70% เป็นเวลาสิบนาที
เพิ่มความเร็ว : สกิลนักรบ ใช้มานา 70 เพิ่มความคล่องแคล่ว 30% เป็นเวลาสิบนาที
ภาพแฝง : สกิลโจร ใช้มานา 30 ใช้เมื่ออยู่ในสภาวะไม่เคลื่อนไหว ทั้งร่างจะล่องหน ใช้ได้นานสุดสามสิบนาที