ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 25
ผมไม่เข้าใจมาตลอด
ว่าทำไมบางคนถึงชอบห่อตัวเองจนกลายเป็นของที่ดูคล้ายกับขนมบ๊ะจ่าง
ตัวอย่างเช่นคนตรงหน้านี้ที่ห่อด้วยชุดสีดำทั้งตัว แม้ว่าอยากปิดบังตัวตน ก็ไม่จำเป็นต้องห่อตัวเองจนกลายเป็นแบบนี้นี่? ดูคล้ายกับคนโรคจิตที่สวมชุดคนบ้าเลย
แน่นอน คนคนนี้ยังไม่ถือว่า ‘ห่อ’ เท่าไหร่ ยังไงซะบนตัวเขาก็ยังปกปิดด้วยชุดคลุมสีดำ
เพราะเป็นแบบนี้ ผมจึงมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
ทว่าเรื่องที่ผมสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเผ่าพันธุ์ของอีกฝ่าย
เอลฟ์!
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเอลฟ์!
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเอลฟ์ทุ่งหญ้า เอลฟ์ป่า หรือว่าเอลฟ์มืด แต่อย่างน้อยก็เป็นเอลฟ์!
ตามข้อมูลของสถาบัน เอลฟ์บนแผ่นดินนี้ติดต่อกับมนุษย์น้อยมาก นอกจากเอลฟ์ป่าที่ทรงพลังส่วนหนึ่งที่ใช้ป่าเป็นที่หนุนหลังและทำการค้าแลกเปลี่ยนกับมนุษย์แล้ว ส่วนที่เหลือก็มีเพียงเอลฟ์ที่เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้น
ตามข้อมูล ถึงแม้โดยรวมแล้วร่างกายเอลฟ์จะอ่อนแอกว่ามนุษย์ จำนวนก็น้อยกว่ามนุษย์ แต่พวกเขาก็มีอายุขัยที่ยืนยาวและมีความสัมพันธ์กับธาตุในธรรมชาติ
ถึงผมจะไม่รู้ว่าข้อมูลมีส่วนที่พูดเกินจริงหรือไม่ แต่ตามคำกล่าวข้างต้นแล้ว ลูกเอลฟ์จะใช้เวทมนตร์ได้ทันทีที่เกิดมา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสามารถใช้กาลเวลาที่ยาวนานค่อยๆ เพิ่มความสามารถของตัวเอง พลังต่อสู้จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แล้วยังดูเหมือนพวกเขาจะบรรลุศาสตร์ของธนูและลูกศรเป็นอย่างดี เพราะงั้นโดยพื้นฐานแล้วเอลฟ์จึงเป็นกลุ่มมือสังหารระยะไกล!
ถ้าเป็นผม ผมคงไม่อยากต่อสู้กับศัตรูแบบนี้ เพราะวิธีการต่อสู้กับพวกเขาก็คือต้องใช้อาชีพอย่างโจรแอบลอบเข้าใกล้เงียบๆ จากนั้นก็ฆ่าในการโจมตีเดียว ไม่งั้นหากถูกเขาไคท์(kite)ดึงระยะห่าง แบบนั้นก็คงทำได้เพียงอาบน้ำนอน1
เพราะงั้น พวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างใดก็มักได้รับการต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักเวทหรือนักธนู
แต่เรื่องที่ผมสนใจไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ยังไงซะผมก็เคยเห็นการต่อสู้ของเอลฟ์ในเกมมานับร้อยครั้งแล้ว เรื่องที่ผมอยากเห็นตอนนี้คือ พวกเขาหล่อสวยเหมือนในตำนานจริงๆ หรือไม่!
แน่นอน ผมอยากเห็นสาวสวยมากกว่าอยู่แล้ว
ผิวพรรณละเอียดนุ่มนวลราวกับจะกระเทาะได้ตลอดเวลา แล้วยังมีใบหูเรียวแหลมที่ทำให้แค่เห็นก็อยากเข้าไปสัมผัส เอลฟ์สาวเป็น NO.1 ผู้หญิงที่ไม่ใช่มนุษย์ในใจผมเลย!
ก่อนหน้านี้ยังคิดวิธีไปดูที่ทุ่งหญ้าทางเหนือ ลองเสี่ยงดวงดูว่าจะพบเอลฟ์หรือไม่ แต่ยังไงซะเอลฟ์มืดกับเอลฟ์ป่าก็แทบจะคล้ายกับผี
ส่วนเอลฟ์ทุ่งหญ้าก็ไม่ชอบมนุษย์เท่าไหร่
โอ้ ใช่แล้ว ผมก็ไม่ใช่มนุษย์ พอดีเลย ถึงตอนนั้นก็หาโอกาสสวมหน้ากาก สยายปีก ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้วไม่ใช่เหรอ?
น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าเผ่าเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายมีชื่อเสียงหรือไม่ ไม่งั้นถ้าคนอื่นไม่รู้จักคงเป็นปัญหา
ไม่ๆๆๆ ตอนนี้อย่าคิดมากแบบนี้จะดีกว่า ยังไงซะตรงหน้าก็มีเอลฟ์ปรากฏตัวแล้ว จากสถานการณ์ก่อนหน้า อย่างน้อยสิ่งที่ปรากฏก็เป็นเควสต์ย่อย!
ตราบใดที่มีเส้นทาง การหาเอลฟ์คงเป็นเรื่องที่เป็นจริงในไม่ช้า!
แม้ว่าพระเจ้ามาก็ขัดขวางผมไม่ได้ ถ้าให้ผมสัมผัสหูของเอลฟ์สาวได้ ถึงแม้พระเจ้าจะขวางอยู่ตรงหน้าผม ผมก็จะเก็บเลเวลจนจัดการเขาให้ได้!
“ฟีล…ฟีล…”
“มีอะไร? เบาเสียงหน่อย โดนจับได้คงไม่ดีแน่”
โชคดีที่ระยะห่างตอนนี้ไม่ถือว่าใกล้มาก ได้ยินว่าความสามารถการได้ยินของพวกเขาดีกว่ามนุษย์ทั่วไป ไม่งั้นอีกฝ่ายคงได้ยินแน่นอน
“คือว่า…พวกเรารีบหนีเถอะ คนคนนั้นดูเหมือนไม่ใช่คนดีอะไร”
อ่าๆๆๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันคงเปลี่ยนให้นายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้ว…ใช่แล้ว ฮีลมองไม่เห็นฉายาของคนคนนี้
“ฮีลฟังให้ดี ฉันรู้สึกว่าคนคนนั้นเป็นเอลฟ์”
“เอลฟ์!”
หมอนี่แทบร้องเสียงหลงออกมา โชคดีที่ผมหูตาไวจึงเอามือปิดปากเขาทันที ไม่งั้นคงแย่จริงๆ
“นายทำอะไร เบาเสียงหน่อยสิ!”
“…”
อีกฝ่ายขัดขืนอยู่สักพัก แต่มองเห็นผมไม่ปล่อยเขา จึงค่อยๆ สงบลง
หลังจากเห็นเขาไม่ขัดขืนอีกผมจึงปล่อยเขา
“นายทำอะไร! ตื่นเต้นอะไรกัน!”
ผมอยากตะโกน แต่สัญชาตญาณบอกให้ผมกดเสียงตัวเองให้เบาที่สุด
“เอลฟ์…อีกฝ่ายเป็นเอลฟ์!”
“เอลฟ์แล้วมันยังไงล่ะ?”
“เจ้าไม่รู้เหรอ…ใช่แล้ว เจ้าไม่ใช่ชนชั้นสูง”
“แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับชนชั้นสูงล่ะ…”
การพูดจาของหมอนี่ทำให้คนอื่นร้อนใจจริงๆ ถึงนายจะอยากอุบไว้ ก็อย่าอ้อมแอ้มแบบนี้สิ ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับละครยืดยาวที่อยากจะตัดจบแต่ก็กรอภาพไม่ได้เลย
“เพราะว่า…ข้างในชนชั้นสูง เอลฟ์ถูกค้าขายเหมือนกับสินค้า เพราะงั้นเอลฟ์จึงเกลียดมนุษย์มาก”
“นี่มัน…”
เดี๋ยวๆ ถึงผมจะคาดเดาได้ถึงเนื้อเรื่องแบบนี้ แต่ตอนที่ผมตรวจสอบข้อมูลกลับไม่เจอเลย ผมยังนึกว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องแบบนี้ซะอีก…
บ้าเอ๊ย ทำไมถึงเจอสถานการณ์แบบนี้ หรือเควสต์ย่อยจะให้ผมกำจัดชนชั้นสูง?
…
แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นชนชั้นสูงที่น่ารังเกียจจริงๆ พระเจ้าก็คงให้อภัยที่ผมทำลายมนุษยชาติใช่ไหม?
“แล้วตอนนี้พวกเรายังต้องไปค้นหาหัวใจคริสตัลอีก รีบออกจากที่นี่จะดีกว่า”
“…”
แม้ว่าผมไม่อยากเห็นด้วยกับเขา แต่คำพูดของเขาก็ถูกต้อง
บ้าเอ๊ย หรือว่าความปรารถนาในการสัมผัสหูเอลฟ์ของผมจะไม่มีทางเป็นจริงเหรอ? ทำไมกัน พระเจ้าคุณอยากลงโทษผมเหรอ?
แต่หมอนี่กลับเตือนผม จะว่าไปข้างหลังพวกเรายังมีอาจารย์แรนดอลตามอยู่ ถ้าเรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้ ผมรู้สึกว่าอนาคตคงน่าเป็นห่วง
…
เอาเถอะ ทำให้ถึงที่สุดแล้วกัน!
“นายหลบอยู่นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายก็วิ่งไปข้างหน้า อาจารย์แรนดอลอยู่ในป่าที่มีดอกไม้สีเหลือง บนต้นไม้ที่หนาที่สุดต้นนั้น”
“เดี๋ยว…”
ผมไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย กระโดดออกจากพงหญ้าทันที
เอลฟ์คนนั้นที่เดิมทีเดินอยู่อย่างเหม่อลอย มองเห็นผมกระโดดออกมาอย่างฉับพลัน ก็ดูตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หมุนตัวทันที กลายเป็นลำแสงหนีไป
นะ…หนีเหรอ?
อีกฝ่ายไม่ใช่นักบวชเหรอ สกิลหนีที่ประหลาดแบบนี้มันคืออะไร!
แล้วปัญหาตอนนี้คือ ผมพบว่าดูเหมือนผมจะไล่ตามความเร็วนั้นไม่ทัน…
“ฮีล…”
ผมกลับมามองฮีลแล้วถาม
“ฉันหน้าตาน่ากลัวเหรอ?”
ฮีลมองผมอยู่นานแล้วตอบ
“เปล่านี่”
“นายควรจะตอบกลับทันทีสิ ถึงกับมองตั้งนานกว่าจะตอบแบบนี้เนี่ยนะ!”
“เอ๋?”
อีกฝ่ายดูสับสนมึนงงอยู่บ้าง แต่แขวะเรื่องแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนปกติทำกัน
“เอาล่ะ ช่างมันเถอะ ตอนแรกแค่อยากทักทายดู ในเมื่อไม่เชื่อใจพวกเราก็ทำภารกิจต่อเถอะ จะว่าไป…”
ผมหยุดพูด ตั้งใจฟังเสียงรอบด้าน
“ฉันได้ยินเสียงน้ำ น่าจะหาแม่น้ำเจอแล้ว เริ่มแผนอีกครั้งเถอะ!”
หมายความว่า อย่าเสียแรงเปล่า