ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 28
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเขาได้หัวใจคริสตัลมาแล้ว!
ของในมือองค์หญิงแอนคล้ายคริสตัลเวทมนตร์ทั่วไป แต่ก็ค่อนข้างมีความแตกต่าง คริสตัลเวทมนตร์ทั่วไปมีเพียงสีของธาตุเวทมนตร์ แต่คริสตัลนี้กลับแตกต่าง แม้ว่าภายนอกเป็นโครงสร้างของคริสตัล แต่กลับโปร่งใส
มีเพียงส่วนตรงกลางที่ส่องแสงมันวาวเล็กน้อย
และความมันวาวตรงกลางคริสตัลนี้เป็นสีน้ำเงิน
“องค์หญิงแอน ขอผมดูหน่อยได้ไหม?”
ถ้าอยากยืนยันว่าจริงหรือปลอมก็ง่ายมาก ขอเพียงผมสัมผัสมันก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติได้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“เรียนองค์หญิง หากเจ้าชั้นต่ำนี่ฉวยโอกาสขโมยไป…”
มือขององค์หญิงเพิ่งยื่นมากลางอากาศ อีเลนที่อยู่ข้างหลังก็ชิงก้าวมาตรงหน้าพวกเรา
ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม ฉันกับพวกนายชนชั้นสูงมีความแค้นอะไรกันเหรอ? เรื่องอะไรก็อยากมีส่วนร่วมไปหมด? อยากปล่อยอุกกาบาตน้ำแข็งใส่หน้าแกจริงๆ ดูซิว่าหน้าแกจะหนาแค่ไหนกัน
แต่ผมเป็นคนมีอารยธรรม ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนมากมาย
ยังไงซะหมากัดคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปกัดตอบใช่ไหมล่ะ? แล้วจากที่ผมสังเกตหมอนี่แล้ว หมอนี่ดูแข็งแกร่งกว่าแองเจล่า แค่เมื่อกี้ไม่ได้ลงมือโจมตี
นี่ก็อธิบายได้ว่าหมอนี่ใจเย็นกว่าแองเจล่ามาก
“เซอร์อีเลน ได้ยินว่านายกำลังจะเป็นนักเวทราชสำนักแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
“เอ๋…”
อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าจู่ๆ ผมจะพูดแบบนี้ออกมา
“ทำไม…เจ้าถึงรู้ได้?”
“อีเลน ซิสเบล ฉันย่อมรู้จักตระกูลซิสเบลแห่งอาณาจักรวิทอยู่แล้ว แล้วในฐานะที่นายเป็นสมาชิกสำรองของนักเวทราชสำนัก การที่นายกลายเป็นนักเวทราชสำนักก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้วนี่?”
“อ่า…นั่น…นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว!”
อย่างที่คิดไว้ เหมือนชนชั้นสูงที่เคยเห็นในเกมเมื่อก่อน ขอเพียงทำให้เขามีความรู้สึกเหนือกว่าเขาก็จะพอใจ เหมือนกับตอนนี้ ถึงแม้หมอนี่จะพยายามทำให้ท่าทางตัวเองดูเป็นธรรมชาติ แต่กลับกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่ได้
“ในฐานะที่นายกำลังจะเป็นนักเวทราชสำนักแล้ว น่าจะมองความแข็งแกร่งของผู้หญิงข้างๆ องค์หญิงคนนั้นออก พวกเราทุกคนรวมกันก็คงถูกฆ่าได้ในไม่กี่วินาทีใช่ไหม? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะขโมยของไปจากองค์หญิงได้ยังไง? นายว่าไหมล่ะ?”
“ใช่ๆ!”
คราวนี้หมอนี่กลับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พูดแล้วยังหลีกทางให้อีกด้วย
องค์หญิงแอนส่งยิ้มเล็กน้อย จากนั้นส่งหัวใจคริสตัลไว้ในมือผม
หัวใจคริสตัลแห่งน้ำแข็ง หนึ่งในสิบหัวใจคริสตัล (ไอเทมเควสต์ เควสต์ย่อย : ฝึกฝนนอกสถานที่) เอฟเฟกต์ติดตั้ง : ผลเวทน้ำแข็งเพิ่มขึ้น 50% (มีผลต่อเลเวลต่ำกว่า 20)
พระเจ้า! นี่คือไอเทมเควสต์? เอฟเฟกต์นี้ฝ่าฝืนกฎธรรมชาติไปแล้ว? ถึงจะมีผลแค่คนที่เลเวลต่ำกว่า 20 แต่ว่าผลการโจมตีด้วยเวทน้ำแข็ง 1.5 เท่า โดยพื้นฐานแล้วก็เท่ากับเพิ่มไป 2 ถึง 3 เลเวลเลย!
ตอนนี้ผมอยากขโมยมันจริงๆ แต่สติสัมปชัญญะบอกผมว่า ถ้าทำแบบนั้นคงถูกฆ่าแน่
แล้วการยั่วยุองค์หญิงของอาณาจักรหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องล้อเล้นแน่นอน ถูกอาณาจักรเล็กๆ ประกาศจับก็น่าสังเวชแล้ว ถ้ายังถูกองค์หญิงเคียดแค้นคงเป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ…
“ถึงข้าเข้าใจว่าเจ้าดูให้ความสำคัญกับความสามารถของฟีล แต่ว่า…ทำไมต้องให้หัวใจคริสตัลข้าด้วยล่ะ ถ้าจะให้ก็ให้ฟีลสิ”
ฮีล…นายพูดได้ยอดเยี่ยมเลย! ฉันจะหาอีกอันให้นายแน่นอน! ชิ้นนี้ฉันขอรับมันไว้อย่างสง่าผ่าเผยแล้วกัน!
แต่ผมไม่กล้าพูดออกมา ไม่งั้นคงได้รับการสบประมาทแน่นอน
“เอ๋ หรือว่าเขาไม่รู้ว่าเจ้าคือใคร?”
องค์หญิงแอนถามฮีลอย่างประหลาดใจ
หืม? ฮีลเป็นใคร? ผมมองทางฮีลอย่างประหลาดใจเหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็มองทางฉายาของเขา…ไม่มีความเปลี่ยนแปลงนี่? แล้วก็ไม่มีเครื่องหมายคำถาม หรือว่าจำเป็นต้องบรรลุเงื่อนไขพิเศษถึงจะมองเห็นได้
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ น่าสนใจ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้แล้วทำไมถึงช่วยเจ้า หรือว่าอีกฝ่ายมีความชื่นชอบแบบนั้น?”
“ถึงผมจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฮีล แต่ผมก็ไม่ได้มีความชื่นชอบแบบนั้น!”
ผมพูดค้าน โธ่เอ๊ย อย่าทำเหมือนผมเป็นเกย์สิ
“งั้นข้าคงเสียมารยาทไปจริงๆ”
องค์หญิงแอนหัวเราะ แล้วมองทางฮีล
“หาเพื่อนได้แล้วช่างยอดเยี่ยมซะจริงๆ แต่เป็นแบบนี้เจ้าไม่คิดว่ามันไม่เป็นธรรมต่อเขาเหรอ?”
“แอน เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่งได้ไหม? ถึงจะให้เขารู้ ก็ไม่มีอะไรดีต่อเขาไม่ใช่เหรอ?”
“…นั่นสินะ”
เอาล่ะ บทสนทนาของทั้งสองคนสะกิดต่อมความสนใจของผมจริงๆ ฮีลเป็นใครกันแน่ ผมชักอยากรู้จริงๆ แล้ว
เห็นผมมองทางเขา ฮีลจึงเกาศีรษะอย่างเขินอาย จากนั้นก็พูดอย่างเสียใจ
“คือว่า…เรื่องตัวตนของข้า ฟีลเจ้าอย่ารู้จะดีซะกว่า…อย่างน้อยก็อย่ารู้ตอนนี้เลย มิฉะนั้น…เจ้าจะเป็นอันตราย เชื่อข้าเถอะ”
“อืม ฉันเชื่อนาย”
ช่วยไม่ได้ ถึงเซ้าซี้ไปตอนนี้ก็คงไม่มีทางได้ผลลัพธ์ออกมา แล้วถ้าเซ้าซี้ไปก็ชัดเจนว่าเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดในการลดความรู้สึกดีๆ
สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ผมถือว่าฮีลเป็นเพื่อนซี้จริงๆ แล้ว ในเมื่อเขาไม่เต็มใจพูดผมก็ไม่ใส่ใจ ยังไงซะความลับบนตัวผมก็มีไม่น้อย
แล้วผมก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้
“เรื่องของฮีลผมไม่สนใจหรอก แต่ผมกลับสงสัยว่าถึงความแข็งแกร่งผมจะพอได้ แต่ไม่ใช่ว่าคุณยังมี…เด็กสาวลึกลับอยู่แล้วนี่?”
ถึงจะได้ยินองค์หญิงแอนเรียกเธอว่า ซิกซ์ แต่ชื่อของเธอกลับไม่ได้เปลี่ยนไป นี่ก็แปลว่านี่ไม่ใช่ชื่อของเธอ
“เจ้าพูดถึงซิกซ์จังสินะ นางแค่รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยของข้า ไม่ได้ช่วยให้ข้าสำเร็จภารกิจ นี่เป็นเงื่อนไขที่ทำให้นางเข้าร่วมได้ แล้วพวกเราก็ต้องช่วยหาส่วนแบ่งของนาง มิฉะนั้นนางก็ไม่อาจไปด่านต่อไป เพราะงั้นข้าจำเป็นต้องหาคนที่ช่วยเหลือได้ ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งดี”
ขณะอธิบาย บนใบหน้าเด็กสาวที่ถูกเรียกว่า ซิกซ์ ก็ยังคงมีรอยยิ้ม เหมือนเรื่องที่พูดไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย
อย่างนี้นี่เอง ก็หมายความว่าเป็นแค่ผู้คุ้มกันปกป้องชีวิตสินะ? อยากฝ่าฝืนกฎก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไงซะข้างหลังพวกเขาก็น่าจะมีอาจารย์ติดตามอยู่
แล้วผมก็มองชื่ออีกฝ่ายไม่เห็น แต่ก็รู้สึกว่าย่อมเป็นแบบนั้น นั่นคืออีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าผม
จากนั้นองค์หญิงแอนก็เดินมาทางผม แล้วหยิบไม้คทาจากในแหวนเก็บของของเธอออกมา
ถึงแม้สัญชาตญาณจะบอกผมว่านี่คือไม้คทา เพราะคริสตัลสีฟ้าที่ฝังอยู่ยอดสุดของมัน แล้วยังมีด้ามจับที่ยาวมาก…ไม่ อันที่จริงความยาวนี้น่าจะถือว่าอยู่ในประเภทไม้คทาสั้น
แต่ว่า ทำไมส่วนหน้าสุดของไม้คทาสั้นนี้ถึงมีใบมีดล่ะ?
“ของชิ้นนี้น่าจะเหมาะสมกับเจ้าสินะ? เมื่อครู่เห็นเจ้าแอบเก็บไม้คทาสองด้ามนั้นที่หมอนั่นโยนทิ้ง แล้วตอนต่อสู้ก็ไม่ใช้ไม้คทาเลย คงเป็นเพราะไม่พบอาวุธที่เหมาะสมสินะ?”
“นี่…”
นึกไม่ถึงเลยว่ายัยนี่จะเห็น น่าขายหน้าจริงๆ อุตส่าห์เก็บไม้คทาสองด้ามนั้นเข้าแหวนเก็บของไปแบบเงียบๆ แท้ๆ
ผมรับไม้คทาแล้วมองดูคุณสมบัติ มันทำให้ผมตกใจจริงๆ
ผู้ดูหมิ่นสีครามแห่งห้วงลึก เพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ 1,000 หน่วย เพิ่มเวทมนตร์น้ำแข็ง 500 หน่วย เพิ่มพลังโจมตี 700 หน่วย การโจมตีกายภาพมีความเป็นไปได้ 40% ที่จะติดสถานะแช่แข็ง การโจมตีเวทมนตร์มีความเป็นไปได้ 60% ที่จะติดสถานะแช่แข็ง
สุดยอดมาก แม้ว่าพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นการรวมกันของอาวุธเวทและต่อสู้ระยะประชิด!
“ข้ารู้สึกว่าวิธีการต่อสู้ของเจ้าน่าจะใกล้เคียงกับนักฆ่าเวทมนตร์ อาวุธชิ้นนี้น่าจะเหมาะสมกับเจ้า เดิมทีต้องให้ซิกซ์ใช้ แต่ตอนนี้นางไม่อาจลงมือได้ ของชิ้นนี้จึงมีประโยชน์ต่อนางไม่มากนัก ยังไงซะการปกป้องผู้อื่นก็ไม่ต้องใช้อาวุธฆ่าฟัน”
ขณะพูดแบบนี้องค์หญิงแอนก็มองเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ คนที่ถูกมองก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เป็นการยอมรับคำพูดเธอ
“เพราะงั้น เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ?”
“คุณทำถึงขนาดนี้ ผมไม่ตอบรับก็คงดูแล้งน้ำใจเกินไป แต่ผมก็อยากฟังความคิดเห็นของฮีล ยังไงซะเขาก็เป็นเพื่อนของผม เรื่องการทอดทิ้งเพื่อนผมคงทำไม่ได้”
สายตาขององค์หญิงคนนี้เฉียบคมจริงๆ มองแวบเดียวก็สามารถใช้วิธีที่ทำให้คนอื่นตอบรับความเห็นของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ว่า แม้เป็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากตอบรับส่งเดช ยังไงซะความเห็นของฮีลก็สำคัญ
“ฟีล…”
ฮีลมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย ทำให้ผมเขินอายเล็กน้อย
“แม้ว่าได้รับหัวใจคริสตัลแล้วจะสามารถขอขึ้นไปพักผ่อนบนเรือเหาะได้ แต่ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น ขอให้ข้าไปด้วยเถอะ”
นึกไม่ถึงว่าฮีลจะพูดแบบนี้
“เพราะข้าอยากยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง!”
ฮีล ถ้าชนชั้นสูงเป็นเหมือนกับหมอนี่ทุกคน ปัญหาบนโลกคงลดลงไม่น้อยเลย
“ผมก็คิดแบบนั้น ฝีมือการต่อสู้ของฮีลแย่ไปหน่อย ผมรู้สึกว่าการต่อสู้ระดับนี้มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับความสามารถ”
ผมเห็นด้วย แม้ว่าทำแบบนี้บางทีจะทำให้ฮีลกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายในการแข่งขันชั้นปี แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ การแข่งขันชั้นปีมีแต่พวกขยะก็คงไม่สนุกใช่ไหมล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาไม่ไป ผมก็คงยืมหัวใจคริสตัลได้แค่ชั่วคราว
“ดีมาก ตัดสินใจแบบนี้แล้ว พวกเจ้าทั้งคู่ไม่มีความเห็นสินะ?”
องค์หญิงแอนหมุนตัวไปมองทางสองคนที่อยู่ข้างหลัง
“ไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ข้าก็ยินดีที่ได้เดินทางพร้อมกันกับพลเมืองที่มีความคิดเช่นฟีล”
อีเลนพยักหน้าพร้อมพูด
“อืม…คือว่า…ข้ายืนยันว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งที่ไม่เลว เพราะงั้นไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”
แองเจลาดูเหมือนไม่อาจสลัดความอับอายที่พ่ายแพ้ต่อผมได้ แต่มองเห็นเพื่อนร่วมทีมทยอยกันยอมรับ เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้า
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ เซอร์แองเจล่าก็ต้องการคุ้มกันองค์หญิงตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของชนชั้นสูง ถ้าคนของตระกูลปอมเปอีรู้ถึงความกล้าของคุณในวันนี้ จะต้องภาคภูมิใจอย่างแน่นอน”
เอาเถอะ แม้ว่าผมไม่อยากประจบคนอื่น แต่ในเมื่อเป็นทีมเดียวกันก็ไม่อยากถูกเขาแทงข้างหลัง
“…เรียนองค์หญิง สามารถเดินร่วมกับพลเมืองที่ดีเช่นนี้ข้าก็รู้สึกยินดี! ฮีล ฟีล ขออภัยกับความหยาบคายของข้าเมื่อครู่ พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ”
อุ๊บ…
ผมได้ยินองค์หญิงแอนที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะกลั้นขำเอาไว้ แน่นอนว่าผมก็อดกลั้นไว้เช่นกัน
เพราะงั้น…ชนชั้นสูง…
ก็น่ารักมากทีเดียว…