ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 9
“เฮ้ย ได้ยินข้าพูดไหม?”
ผมยังมองแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ดูไม่สมจริงที่ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า ทันใดนั้น เสียงเรียกอันดังก้องก็ลอดผ่านหูของผม
แต่ผมแยกแยะเสียงคนที่พูดอย่างรวดเร็ว
“ฟาลัน ทำไมคุณถึง…”
“อย่าลืมว่าข้าคือเนรโครแมนเซอร์ พูดคุยกับคนตายเป็นของถนัดข้าเลย แม้ว่าเป็นใกล้ตายก็คือการเข้าใกล้ความตายแล้ว งั้นข้าก็สามารถพูดคุยกับวิญญาณเจ้าได้ ไม่ใช่เหรอ~”
อีกฝ่ายมองผมที่อยู่กลางอากาศด้วยรอยยิ้ม ไม่ น่าจะบอกว่าวิญญาณของผมถึงจะถูก
“พูดแล้วก็ใช่…จะว่าไปพวกเธอเถียงอะไรกันอยู่?”
“คือว่า ข้าบอกได้แค่ว่าคนที่เจ้ารู้จักล้วนเป็นคนดี นอกจากคนที่ชื่อว่าอาร์ย่า ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่สนใจเรื่องอาการบาดเจ็บของเจ้าแม้แต่น้อย แต่คนอื่นต่างเป็นห่วงเจ้ามาก”
“มิน่าล่ะ พวกเธอกำลังลองใช้เวทรักษาผมอยู่เหรอ?”
แสงสีขาวบนสนามและแสงสีขาวสองเส้นที่ลงมาจากฟ้า นอกจากเวทรักษาผมก็คิดความเป็นไปได้อื่นไม่ออกอีกแล้ว
“ใช่แล้ว ทว่า พวกนางไม่มีทางทำได้”
ฟาลันพูดอย่างมั่นใจ
“ไม่มีทางทำได้?”
“ใช่แล้ว”
ฟาลันส่งยิ้มมีเลศนัยให้ผม จากนั้นก็พูดขึ้น
“ตามการสันนิษฐานของข้า เจ้าในตอนนี้ไม่ถือว่ามีชีวิตอยู่แล้ว ก็หมายความว่าเจ้าเป็นตายครึ่งหนึ่ง เวทรักษามีผลแค่กับคนที่มีชีวิตอยู่ หากตายไปแล้ว ก็อยู่ในเขตแดนของความตาย”
“ก็หมายความว่า คุณมีวิธีใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“ได้ๆ เคห์ลานีนักเวทนางฟ้าเนโครแมนเซอร์สุดสวยน่ารักผู้ยิ่งใหญ่ ขอถามว่าคุณมีวิธีช่วยให้ผมฟื้นคืนชีพได้ไหม?”
“ดูท่าเจ้าคงใจลอยตอนเรียนวิชาความรู้เวทมนตร์ทั่วไปสินะ เจ้าไม่รู้เหรอว่าในโลกนี้มีเพียงคาถาคืนชีพของเวทอันเดดของพวกเราที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้?”
“คาถาคืนชีพ?”
ผมก็ว่าทำไมไม่เคยเห็นของแบบนี้ในหนังสือเลย ที่แท้คาถาคืนชีพเป็นส่วนหนึ่งของเวทอันเดดนี่เอง?
แต่ผมต้องยอมรับจริงๆ ว่าผมนอนหลับในวิชาความรู้เวทมนตร์ทั่วไป
“แต่ตอนนี้คุณก็ใช้ไม่ได้สินะ? การใช้เวทอันเดดต่อหน้าผู้คนอะไรแบบนี้”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ข้าคิดว่าอีกไม่ช้าก็คงได้”
อีกฝ่ายหัวเราะอย่างมีความสุข ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ตามที่ผมรู้ ถ้ายัยนี่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร คงไม่ทำการเคลื่อนไหวแน่
แต่ผมรู้สึกแปลกใจต่อคาถาคืนชีพอย่างมาก ยังไงซะสำหรับคนบนโลกนี้แล้ว ถ้าจิตวิญญาณพวกเขาไม่แข็งแกร่ง กายเนื้อตายไปก็จะตายจริง
และเวทมนตร์ประหลาดอย่างคาถาคืนชีพ ทำไมถึงถูกประทับตรารวมกับเวทอันเดดล่ะ? ไม่เข้าใจจริงๆ
เรื่องราวไม่เกินความคาดหมายของฟาลัน หลังจากนั้นไม่นาน แสงสองเส้นที่ตกลงจากท้องฟ้าก็ค่อยๆ หายไป ขณะเดียวกัน เส้นสีขาวรอบพื้นที่ที่เชื่อมกับร่างของผมก็ค่อยๆ อ่อนแอลง
“พวกเขารู้แล้วว่าเวทรักษาธาตุแสงไม่ช่วยอะไรเจ้าสักนิด และกำลังจะย้ายเจ้าไปที่ห้องพยาบาลของสถาบัน”
มองไปตามสายตาของฟาลัน ผมก็มองไปที่ข้างๆ ร่างของผม
อาจารย์แมรี่กำลังพูดบางอย่างกับคนแก่ที่สวมชุดกันลมสีเข้มทั้งตัว แล้วชายกำยำสี่คนก็วิ่งเข้ามาในสนาม ยกร่างของผมขึ้น เดินออกไปจากสนาม
ขณะเดียวกัน คนแก่คนนั้นยังยื่นมือมาอัญเชิญเวทมนตร์บนร่างของผม ดูจากลวดลายแล้วคงเป็นเวทแสงแน่ๆ
สีหน้าของคนแก่ถูกหนวดเคราและเส้นผมปกคลุมจนเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่ว่า ดูจากการใช้เวทรักษาขั้นต้นแล้ว เขาดูเหมือนรู้ดีว่าเวทรักษาไม่ช่วยอะไรผม ตอนนี้เลยเพียงแค่ลองทำดูเท่านั้น
ผมมองไปที่แผ่นอกของเขาอย่างถี่ถ้วน ตรานักเวทบนนั้น…เขาเป็นนักเวทแสงแท้จริงด้วย
จะว่าไป ในโลกนี้นักเวทก็มีความแตกต่างด้านเลเวลอยู่ ผมไม่ได้ศึกษาจนมากมาย แต่เบื้องต้นแล้วคนที่อยู่ภายในเลเวล 20 จะได้รับตรานักเวทขั้นต้น ต่อมาก็คือนักเวทแท้ เลเวลสูงขึ้นอีกจะเป็นนักเวทปัญญาและนักเวทปฏิญาณ
แต่ว่า…ตอนนี้ไม่อาจตัดสินสถานะของเขาได้เลย เพราะตอนนี้แม้แต่ชื่อ สถานะ หรือข้อมูลอื่นของเขาก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เกินไปแล้ว! แถวเครื่องหมายคำถามนี่มันอะไรกัน!
ทว่า มันดูเหมือนตอบรับการสันนิษฐานเมื่อกี้ของผม เครื่องหมายคำถามบนศีรษะของอีกฝ่ายก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
??? ??? เลเวล ?? นักเวทแสง นักเวทแท้ ??? ???
โธ่เอ๊ย หรือผมต้องไปหาเวทที่สามารถมองเห็นสถานะของคนอื่นได้? อย่างเช่นเวทจำพวกวินิจฉัยหรือเวทสำรวจ ไม่งั้นความสามารถในการมองเห็นสถานะของคนอื่นก็เสียเปล่าสิ?
มันกลับอธิบายได้ว่าเบื้องต้นแล้วผมจะมองไม่เห็นคนเลเวล 30 ขึ้นไป ไม่ใช่ไม่มี แต่เป็นผมเองที่มองไม่เห็นเลเวล
ดูท่าเลเวลที่สามารถเห็นได้คงมีจำกัด ดูแล้วการมองเห็นอาชีพและฉายาของอีกฝ่ายคงต้องมีเลเวลที่ต่างกันเล็กน้อย
“ข้าไม่ชอบกลิ่นบนตัวไอ้หมอนั่นเลย”
ฟาลันพูดแบบนี้
“เขาคงมีความสามารถยับยั้งคุณสินะ?”
“ฮึ่ม ก็เป็นแค่พวกที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอเท่านั้นแหละ! วางใจเถอะ ข้าจะตามไปช่วยเจ้าเอง”
“คุณไม่รู้สึกว่าวันนี้คุณดูกระตือรือร้นไปหน่อยเหรอ?”
“ข้าแค่ต้องการใช้เวทอันเดดที่ไม่ได้ใช้มานานเท่านั้น”
ฟาลันยักไหล่ แล้วตามออกไป
ถึงผมจะไม่อาจควบคุมการลอยของวิญญาณผมได้ แต่ว่า หลังจากร่างของผมจากไปแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมคอยๆ ลอยตามไป
ไม่นาน พวกเราก็มาถึงห้องพยาบาลพิเศษของสถาบัน
ถึงบอกว่าเป็นห้องพยาบาล แต่ขณะเดียวกันยังเป็นอาคารวิจัยของนักเล่นแร่แปรธาตุ ถึงที่นี่จะมีห้องพยาบาล แต่ว่า การใช้ยาต่างๆ มารักษาในกรณีบางอย่างก็มีความจำเป็น ยังไงซะอาศัยเวทในการรักษาจนเกินไปจะไม่ดีต่อร่างกาย
ลองจินตนาการดูว่าคุณถูกคนฟันจนเป็นแผลแล้วใช้เวทมนตร์สมานแผลอย่างรวดเร็ว ฟันอีกครั้ง ก็สมานแผลอย่างรวดเร็วอีกครั้ง มันดูไม่ต่างอะไรจากการต้องโทษสูงสุดเลย
วางร่างของผมไว้บนเตียง ชายแก่ก็สั่งให้ชายกำยำพวกนั้นออกไป แล้วเดินมาข้างร่างของผม
พระเจ้า หมอนี่คงไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหม? เขาคิดจะทำอะไรกับร่างผม!
เห็นหนวดเคราที่สั่นไหวของเขา คงพูดบางอย่างแน่นอน แต่ผมไม่ได้ยินว่าไอ้หมอนี่พูดอะไรเลย บ้าเอ๊ย!
ผ่านไปสักพักหมอนั่นถึงพูดจบ พอเป็นคนแก่แล้วจะพูดมากงั้นเหรอ?
หมอนั่นส่ายศีรษะ แล้วหมุนตัวออกจากห้อง
ชื่อของเขาค่อยๆ ห่างออกจากห้องไป และอีกทางหนึ่ง ชื่อของอีกคนก็เข้ามาใกล้ช้าๆ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฟาลัน
“ความเงียบของคนตาย”
ขณะเข้าห้อง ฟาลันได้ร่ายเวทอยู่ที่ประตู แล้วเดินเข้ามา
“เอาล่ะ ภายใต้เขตแดนเวทมนตร์นี้ คนข้างนอกจะไม่รู้สึกถึงเวทอันเดดของข้า และแน่นอน เวลามีจำกัด มันมีผลแค่สิบนาที แต่มันก็เพียงพอแล้ว”
ไฟสีดำโผล่ออกมาจากตัวฟาลันจากล่างขึ้นบน จากนั้น เคห์ลานี เนโครแมนเซอร์สีดำทั้งตัวก็ปรากฏตรงหน้าผม
“อื้ม กลิ่นของคนตายนี่ดีที่สุดเลย มาเถอะ พวกเรา เริ่ม~ กัน~ เลย~”
ถึงเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกัน แต่รอยยิ้มของยัยนี่ในตอนนี้กลับทำให้ผมรู้สึกไม่ดี
อืม อันตรายสุดๆ!