ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 17
การแข่งขันเพิ่งสิ้นสุด แสงที่ผสมผสานกันก็โอบล้อมทั่วทั้งสนามแข่ง
ร่องรอยการต่อสู้เมื่อกี้กับสนามที่ถูกทำลายฟื้นฟูกลับสภาพเดิมทันที เหลือไว้เพียงลีกับฮิตที่นอนอยู่กลางสนาม
ผมกับองค์หญิงสโนว์มองหน้ากัน แล้วแปะมือกันเพื่อเฉลิมฉลอง
“ฟีล การต่อสู้เมื่อกี้เจ้าหล่อจริงๆ! เจ้าทำท่าทางที่ดูชำนาญขนาดนั้นได้อย่างไร?”
แอบเรียนรู้จากการเล่นเกมน่ะสิ ถึงผมจะอยากพูดแบบนี้ก็เถอะ
“อาจเป็นเพราะปกติผมชอบออกกำลังกายล่ะมั้ง”
ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญได้ยินผมพูดแบบนี้ต้องอยากตบผมสักสองฉาดแน่ เพราะการพูดเหลวไหลเป็นแบบนี้
และขณะเดียวกัน โล่บนสนามก็ถูกปลดออก เสียงเชียร์อันกึกก้องก็ดังออกมาจากทั่วทุกทิศทาง
ไม่เพียงแค่ทีมระดับต้น แม้แต่ระดับกลางกับระดับสูงก็ส่งเสียงออกมาอย่างอื้ออึง
“สหายทั้งหลาย! พวกเราได้เป็นพยานในการต่อสู้อันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ด้วยกัน! ฟีลที่มาจากทีมสายน้ำแข็งใช้ทักษะเวทมนตร์ที่ตัวเองชำนาญอย่างไม่มีใครเทียบเท่า มาโค่นล้มฮิตจากทีมสายเพลิงที่ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ผิดกติกาได้! นี่เป็นการต่อสู้เวทมนตร์ที่สวยงามที่สุดที่ข้าเคยพบมาเลย!”
พิธีกรคาร์โลส่งเสียงตะโกนขึ้นฟ้า เสียงเชียร์ของนักเรียนก็ยิ่งดังขึ้นอีก
เอ๋? หมอนั้นใช้ปลั๊กอินเป็นการฝ่าฝืนกฎเหรอ? บ้าเอ๊ย ถ้ารู้ก่อนคงไม่สู้แล้ว กลัวแทบตาย
เมื่อกี้แค่โชคดีที่ใช้สกิลได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ถ้าเกิดความคลาดเคลื่อนการต่อสู้เมื่อกี้ผมคงตกเข้าสู่ทะเลเพลิงแล้ว
อีกทั้ง ผมไม่เหมือนกับพวกเขา พวกเขาได้รับคุ้มครองจากเวทมนตร์สนาม แต่ถ้าผม HP หมเและไม่มีใครให้ยาฟื้นฟูกับผมในเวลาสั้นๆ ผมก็คงตายจริงๆ
แล้วความสามารถการต่อสู้ของผมก็จะถูกเปิดเผย
เผยออกมา การต่อสู้หลังจากนี้คงเสียเปรียบ…
ฉายา ความไม่ระมัดระวัง อัพเป็นเลเวล 7 ความต้านทานเพิ่มขึ้น 70 เปลี่ยนจากสกิลติดตัว (Passive skill) เป็นสกิลกดใช้ (Active skill)
สกิลกดใช้ (Active skill) โจมตีสวนกลับ (Counter Attack) หลังจากถูกโจมตีจะดูดซับพลังโจมตีของอีกฝ่าย 70% และเพิ่มในพลังโจมตีพื้นฐานของการโจมตีครั้งต่อไป
เอาเถอะ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เคยชินแล้วล่ะ
แต่ได้รับสกิล ก็ถือว่าไม่เสียหาย
และในขณะนั้นเอง ก็เห็นคนที่ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลรีบเข้ามาในสนาม จากนั้นก็วิ่งไปทางพวกฮิต อีกสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ก็เดินมาตรงหน้าผม จากนั้นใช้ไม้คทากวาดผ่านร่างกายผม
“โอ้ๆ เมื่อครู่อาจารย์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบได้รับข้อสรุปแล้ว…อืม ฟีลอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ใดในการพิชิตคู่ต่อสู้! ขอเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นให้ที!”
ภายใต้การบรรยายของคาร์โล บรรยากาศก็ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
และอาจารย์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ส่งรอยยิ้มให้ผม
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยฟีล การต่อสู้ของเจ้าเมื่อครู่ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินอาจารย์แมรี่บอกว่าความสามารถการต่อสู้จริงของเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ผลคะแนนทฤษฎีกลับย่ำแย่ ในตอนนั้นข้ายังไม่เชื่อ แต่พอเห็นวันนี้แล้ว ช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
ผู้ที่พูดคืออาจารย์ที่ตรวจผมด้วยไม้คทาเมื่อกี้ มีผมสีฟ้าเป็นลอน แล้วยังสวมผ้าคลุมศีรษะ ดูคล้ายกับอาจารย์แมรี่นิดหน่อย
แต่ชื่อของอีกฝ่ายกลับยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม เลเวลคงต้องสูงจนน่าตกใจแน่ๆ
“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ผมแค่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วนิดหน่อยเท่านั้น”
ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ข้าว่าไม่ใช่แค่นั้นนะ? เจ้าเอาโล่น้ำแข็งป้องกันบอลไฟ แล้วยังใช้โทเท็มน้ำแข็งเพื่อเคลื่อนไหว การกระทำสองอย่างนี้น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ข้าไม่เคยเห็นนักเรียนคนไหนที่สามารถคำนวณระยะเวลาการร่ายได้อย่างแม่นยำแบบนี้มาก่อน”
“เอ่อ…”
ผมไม่มีระยะเวลาการร่ายเวทน่ะ สุดท้ายถูกคนนึกว่าคาดเดาด้วยตัวเอง น่าอายจริงๆ
“แล้วเจ้ายังสามารถทำแบบนั้นได้ คนที่ไม่มีความกล้าคงไม่กล้าทำ สำหรับเรื่องนี้แล้ว เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก”
“ขอบคุณครับ…”
“การทดสอบเวทมนตร์คราวก่อนของเข้า…คือหนึ่งเดือนก่อนใช่ไหม? ในตอนนั้นเจ้าอยู่ในระดับชั้นต้น แต่จากการตวรจสอบเมื่อครู่ เจ้าอยู่ในระดับชั้นกลางแล้ว ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก แต่วางใจได้ พวกเราไม่ได้จะให้เจ้าไปที่การแข่งขันของทีมชั้นกลางทันที แต่สำหรับเรื่องการเพิ่มระดับ หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันก็สามารถดำเนินการได้”
“ได้ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณครับ”
“ดี ตอนนี้ก็มากับข้า การแข่งขันครั้งต่อไปเป็นวันมะรืน ก่อนหน้านั้นก็พักผ่อนให้ดี”
“วันมะรืน? ทำไมไม่ใช่พรุ่งนี้ล่ะ?”
อีกฝ่ายมองผมอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้ม
“ดูเหมือนกำลังเจ้าจะเต็มเปี่ยมเลยนะ หรือไม่รู้สึกเหนื่อยเลย?”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ผมถึงสังเกตเห็นค่าความเหนื่อยล้าที่ใต้หลอด HP
อย่างที่คิดเลย ลดลงไป 2/3 แล้ว ดูเหมือนการต่อสู้เมื่อกี้จะให้ผมเหนื่อยมากจริงๆ
แต่ผมกลับไม่สังเกตว่ามันลดจนเหลืออยู่นิดเดียว ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่รู้สึก
“ได้ยินคุณพูดแบบนี้ก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ พักผ่อนสักวันคงจะดีกว่า”
“นั่นสิ”
อีกฝ่ายยิ้ม จากนั้นก็นำทางพวกเราออกจากสนามแข่ง
“ฟีล เจ้าต้องบอกเทคนิคการต่อสู้ของเจ้ากับข้า! เก่งเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่ออกมาก็ได้ยินฮีลตะโกนเสียงดัง
“นั่นสิ เจ้าชี้แนะวิธีการต่อสู้ให้ข้าด้วย”
“เซ็นลายเซ็นให้ข้าด้วย!”
“เมื่อครู่เจ้าหลบบอลไฟได้อย่างไร? เท่เกินไปแล้ว!”
“นั่นสิ บอกข้าด้วย! แล้วก็เซ็นให้ข้าด้วย!”
ทางออกแน่นแออัด ดูแล้วคล้ายกับการแจกลายเซ็นของดารา ทำให้ชั่วขณะนั้นผมไม่รู้จะทำยังไงดี
“อย่าวุ่นวาย พวกเจ้าจะไม่ให้ฟีลพักผ่อนบ้างเหรอ?”
ญารินที่สวมชุดเกราะเบียดเข้ามาจากข้างนอก จับผมแล้วดึงออกไป
“องค์หญิงสโนว์ เจ้าก็รีบตามมาสิ ไม่งั้นอีกเดี๋ยวเจ้าคงออกมาไม่ได้!”
องค์หญิงสโนว์ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นมองเห็นผมถูกดึงออกไป หลังจากได้สติก็รีบตามพวกเราพุ่งออกจากกลุ่มฝูงชน
แต่คนที่อยู่ข้างหลังยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ
ในที่สุดผมก็ได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นดารา พูดตามจริงแล้ว รู้สึกแย่จริงๆ
“เอาล่ะ พวกเจ้าให้ผู้เข้าแข่งขันพักผ่อนเถอะ!”
ทันใดนั้น มีสามคนก็พุ่งมาขวางทางคนที่ตามมาข้างหลัง
หันกลับไปมอง เป็นฟาลัน ยูบริลและลาน่า
แสงสว่างสีขาวบนตัวยูบริลขวางทางไปของคนเหล่านั้น สมกับเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันจริงๆ
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หากต้องการซื้อภาพสุดคมชัดของการต่อสู้ครั้งนี้ก็มาทางนี้เลย~ 500 เหรียญทองต่อคน โปรดต่อแถวด้วย~”
มองเห็นกระเป๋าที่อัดแน่นของลาน่า มุมปากผมก็กระตุก
ยัยบ้า อย่าเอาฉันไปเป็นช่องทางทำเงินสิ! ยิ่งกว่านั้นฉันยังเป็นคนต่อสู้ เป็นคนลงแรงแท้ๆ!
“รีบไปเถอะ!”
ผมไม่มีเวลามาบ่น ญารินดึงผมออกไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเราจะไปที่ไหน?”
“อืม…พวกเราไปหาร้านอาหารกินสักร้านไหม”
“เห็นด้วย!”
นี่เป็นคำตอบที่มาจากก้นบึ้งหัวใจผม วันนี้ไม่มีการตัดสินใจอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว
เล่ม 3