ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 8
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคืออะไร ไม่ใช่เพราะผมมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ข้อมูลบนชื่ออีกฝ่านล้วนเป็นแค่เครื่องหมายคำถาม
ของแบบนั้นถึงผมอยากรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก?
เรื่องที่รู้มีแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือเลเวลของอีกฝ่ายสูงกว่าพวกเราไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองเลเวล แล้วยังฆ่าพวกเราได้รวดเร็วราวกับหั่นผัก
ทำไมศัตรูคราวนี้ถึงเป็นมอนสเตอร์แบบนี้?
แม้ว่าอยากสาปแช่ง ‘โลก’ นั่น แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น
ผมหยิบยาฟื้นฟู HP ออกมาส่งให้อาร์ย่าทันที หลังจากหลอด HP ของอีกฝ่ายกะพริบได้สองครั้งก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาช้าๆ
แม้ว่าอยู่ในเมืองจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ที่วิหาร แต่วิหารที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่ที่อีกด้านบของเมือง คงเป็นเรื่องลำบากที่จะกลับมาจากที่นั่นโดยไม่มีบลิงค์
และผมก็หยิบยา HP และ MP ออกมาดื่มลงไปทันที HP ที่เสียไปและหลอด MP ที่ใช้บลิงค์จนกลายเป็นศูนย์ก็เริ่มฟื้นฟูกลับมา
“อาร์ย่า อาร์ย่า ตื่นเร็ว เธอหลับทั้งๆ ที่ลืมตาได้ด้วยเหรอ?”
“…บ้าเอ๊ย เบาหน่อยสิ ถูกแทงท้องทะลุมันเจ็บมากนะ”
อาร์ย่าปัดมือผมอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งจากพื้น
เลือดตรงบาดแผลที่ท้องเธอก็เริ่มหยุดไหล บาดแผลค่อยๆ สมานตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
“ยานี้ไม่เลวเลย นายทำเองเหรอ? รู้สึกผลดีกว่ายาที่ขายข้างนอกมากเลย”
“จริงเหรอ ถ้าเอาไปบอกลาน่า เธอคงดีใจมาก”
“ลาน่า…ใครกัน?”
“เพื่อนน่ะ”
“จริงเหรอ…”
อาร์ย่าใช้สายตาสงสัยมองผม เหมือนกับผมพูดโกหก
“สายตาอะไรของเธอ?”
“ไม่มีอะไร~”
“…ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนี้ สิ่งเมื่อกี้คืออะไรกันแน่ เธอเคยเห็นมาก่อนไหม?”
“ไม่เลย แล้วความเร็วกับพลังโจมตีของสิ่งนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้วว่าไหม? พวกเราไม่มีโอกาสชนะเลย”
อาร์ยาแทงอาวุธลงพื้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“นั่นสิ ของแบบนี้ถึงให้รางวัลพวกเราขนาดนี้ ก็ไม่อยากทำเลย”
“จะว่าไปก็ใช่ ถึงกับให้เพิ่มสองเลเวล ถึงพวกเราผลักกันไปเก็บเลเวล ตายแล้วคืนชีพมาเก็บต่อก็คงชนะไม่ได้อยู่ดี?”
“มอนสเตอร์บนโลกนี้ไม่มีสิ่งที่จะเพิ่มเลือดอัตโนมัติ ถ้าลากมันไปใกล้ๆ วิหารได้ก็อาจจะสำเร็จ…”
“เฮ้ๆๆ นายคิดจะลองดูจริงเหรอ? ดูยังไงก็มีแต่หาที่ตายนะ? ถ้าเลือดของอีกฝ่ายมีหลายล้าน…ถึงมีแค่ล้านเดียว ให้พวกเราฟันทีละนิดคนละที อย่างน้อยก็ต้องฟันถึงประมาณสิบสองวันเชียวนะ”
“ไม่ ถ้าสองคนก็น่าจะหกวัน”
“นายคิดจะโค่นในหกวันจริงๆ?”
“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้มันจะไม่ฟื้น HP อัตโนมัติ แต่ถ้ามันฆ่าพวกเราก่อนลงมือล่ะ นั่นคงกลายเป็นพวกเราที่ถูกฆ่าไม่หยุด…”
“งั้นควรทำยังไง? ทิ้งเควสต์เหรอ?”
“ถึงฉันจะรู้สึกว่าการทิ้งเควสต์จะไม่ใช่อะไรไม่ดี แต่เธอดูทั้งสถาบันที่กลายเป็นแบบนี้สิ ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรหน่อย ต่อไปถ้ามอนสเตอร์นั่นบุกมาที่นี่คงกลายเป็นสถาบันแห่งความตายแน่”
“แต่นายก็ไม่มีวิธีอื่นไม่ใช่เหรอ?”
“…ก็ไม่เชิง”
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ
“เอ๋?”
อาร์ย่าทำท่าทางประหลาดใจ
“เธอลองคิดดู สิ่งที่ทำให้ทั้งสถาบันตกอยู่ในความหลับใหลได้คงเป็นอุปกรณ์ประเภทส่งที่ครอบคลุมทั่วทั้งสถาบัน ไม่งั้นในแจ้งเตือนเควสต์คงไม่บอกให้หาขอบเขตการครอบคลุม แล้วหาต้นตอหรอก”
“พูดแบบนี้ก็ใช่ แต่จะลงมือยังไงล่ะ? ตอนนี้แม้กระทั่งชายขอบพวกเรายังไม่เห็นเลย”
“ที่นั่นน่าจะเป็นชายขอบ”
“เอ๋?”
“ก็คือตำแหน่งของกำแพงนั้น เธอคิดดูสิ ถ้าที่นั่นไม่ใช่ชายขอบ ก็ไม่จำเป็นต้องมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่”
“นั่น…”
“จดตำแหน่งเมื่อกี้เอาไว้ จากนั้นก็หาสิ่งที่คล้ายกันอีกสองอย่างแล้วหาจุดศูนย์กลางที่พวกมันล้อมอยู่”
“นายต้องเป็นสายวิทยาศาสตร์แน่นอน”
“ทะลุมิติมาก็ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์ช่วยโลก”
ผมลุกขึ้นยืนมองดูรอบๆ จากนั้นพูดขึ้น
“กำแพงที่เรามองเห็นเมื่อกี้คือทางตะวันออก ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราแค่ตรงไปทางตะวันตกก็พอ…เดี๋ยวก่อน รีบหมอบลง!”
พูดจบผมก็กระโจนใส่อาร์ย่าที่อยู่ข้างๆ ทันที
“เฮ้ย นายทำบ้าอะไรเนี่ย ลุกจากตัวฉันเร็ว”
“ยัยโง่ เงียบเร็ว มองทางนั้น”
ทันทีที่อาร์ย่าเงยหน้ามองก็หยุดขัดขืน
ดูเหมือนเธอก็เห็นแล้ว
มีวัตถุไม่รู้จักลอยอยู่กลางอากาศ
สีเหมือนกับสีกำแพงเมื่อกี้ แต่โครงสร้างกลับไม่ใช่แบบเมื่อกี้
มันในตอนนี้มีรูปร่างเป็นทรงสามเหลี่ยมกลับหัว แต่ละด้านมีของที่คล้ายกับดวงตากำลังเคลื่อนที่ขึ้นลง
ของสิ่งนี้ทำให้ผมนึกถึงของที่คล้ายกันอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเครื่องบินสอดแนม แต่เครื่องบินสอดแนมที่สร้างได้ละเมิดกฎฟิสิกส์และให้ความรู้สึกรุนแรงแบบนี้ผมกลับเห็นเป็นครั้งแรก
มันไม่ใช่เพราะโครงสร้างของสิ่งสิ่งนี้ดูบิดเบี้ยวเกินไป แต่ของสิ่งนี้จะดูยังไงก็รู้สึกเหมือนมันมีต้นกำเนิดจากลัทธิปิกัสโซ1เลย
เมื่อกี้ผมเห็นจุดสีแดงที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนมินิแมพจึงเตือนอาร์ย่าให้หมอบลง และมันก็เพิ่งปรากฏที่อีกด้านหนึ่งของหัวมุมพอดี ดังนั้นจึงไม่เห็นพวกเรา
“หลับตาแกล้งทำเป็นหลับ”
พูดคำพูดจบผมก็หลับตา
แต่ผมยังจ้องจุดสีแดงที่เคลื่อนที่ช้าๆ อยู่บนมินิแมพ ยังไงซะผมก็ทำได้แค่ยืนยันตำแหน่งของเจ้าสิ่งนี้ผ่านทางมินิแมพนี่
ยังไงซะขณะเจ้าสิ่งนี้บินก็ไม่มีเสียง
จุดสีแดงเคลื่อนที่ช้าๆ ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจของผมที่เต้นเร็วขึ้นไม่หยุด
โดยเฉพาะตอนที่มันกำลังมาถึงทางผม เจ้าสิ่งนี้ก็หยุดลง! ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วแบบไม่เคยเป็นมาก่อน!
“พื้นที่ C เคลียร์ ไม่พบผู้หลบหนีที่ตื่นอยู่ คนพวกนั้นน่าจะหนีออกจากสถาบันไปแล้ว?”
ทันใดนั้น เจ้าสิ่งนั้นก็ส่งเสียงพูด
เจ้านี่พูดได้ด้วยเหรอ? อีกทั้งยังไม่ใช่เสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือว่ามีคนนั่งอยู่ข้างใน?
“สำรวจต่อไป ไปดูทางด้านเครื่องกระจายสัญญาณ ถ้ามีใครทำลายอุปกรณ์รบกวนภารกิจของพวกเราคงยุ่งยากแน่”
“รับทราบ ดอกเตอร์ ตอนนี้เครื่องบินสอดแนมหมายเลขสองกำลังไปยังอุปกรณ์รบกวน”
ทันใดนั้น จุดสีแดงก็เร่งความเร็วบินไปทางเหนือ
อัพเดทเควสต์ ติดตามเครื่องบินสอดแนม ค้นหาอุปกรณ์รบกวน
อย่างที่คิด ในตอนนั้นเอง ข้อมูลของเควสต์ก็อัพเดททันที
แน่จริงก็อัพเดทของรางวัลด้วยสิ!
เห็นจุดสีแดงเลี้ยวมุมไป ผมก็ฉุดอาร์ย่าลุกขึ้นจากพื้นทันที
“เอาล่ะ ถึงเวลาเก็บค่าประสบการณ์แล้ว”
“อืม”
พวกเราเปิด ‘ลอบเร้น’ พร้อมกัน แล้วตามเครื่องบินสอดแนมไป
1 ผลงานของปีกัสโซมีลักษณะเป็นทรงเรขาคณิต (Cubism)