ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
โจ๋วชิงมองไปทางเวินลั่วฉิง คิดไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ครับ” โจ๋วอันหนานได้ยินโจ๋วชิงอธิบายแทนเธอแล้วก็โล่งอกไปที
“ใช่ เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น หรือควรจะพูดว่านี่ก็ไม่ใช่ความหมายของเธอ นี่เป็นความหมายของบ้านโจ๋ว คุณโจ๋วก็แค่ทำตามคำสั่ง” เวินลั่วฉิงมองไปทางโจ๋วอันหนาน จากสั้นก็ให้คำอธิบาย
จุดนี้ก็ไม่ยากที่จะวิเคราะห์ออกมา โจ๋วอันหนานเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด ไม่มีทางสนใจเรื่องพวกนี้แน่นอน ทว่าโจ๋วอันหนานดันไปทำแบบนั้น งั้นก็มีเพียงคำอธิบายข้อเดียว นี่คือความหมายของบ้านโจ๋ว บ้านโจ๋วไม่อยากให้หยวนหยูแต่งเข้าบ้านโจ๋ว
ในตอนที่โจ๋วอันหนานได้ยินประโยคนี้ของเวินลั่วฉิง ในที่สุดบนใบหน้าก็มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย หัวใจของโจ๋วอันหนานดิ่งลงเหว ยัยเวินลั่วฉิงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“หมายความว่าอะไร? บ้านโจ๋ว? เป็นไปไม่ได้ พ่อแม่ของผมไม่ได้คัดค้านผมกับหยวนหยู” สีหน้าของโจ๋วชิงเปลี่ยนไป เขารับอธิบายตอบทันที แต่กลับไม่รู้ว่าอธิบายให้เวินลั่วฉิงฟัง หรืออธิบายให้ตัวเองฟัง
ตอนนั้นที่เขาพาหยวนหยูกลับบ้านจริงๆ แล้วไม่ได้มีความหวังมากนัก ตอนนั้นเขาถึงขั้นเตรียมพร้อมที่จะแย้งกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาพาหยวนหยูกลับบ้านแล้ว พ่อแม่ไม่ได้คัดค้าน ทั้งหมดต่างก็ราบรื่น ราบรื่นจนเขาไม่อยากจะเชื่อ
“พี่ พี่บอกผมมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” โจ๋วชิงไม่ได้โง่ ในทางกลับกันเขาฉลาดมาก เขาเข้าใจทันที ตอนนั้นบ้านโจ๋วยอมรับหยวนหยูราบรื่นเกินไป ราบรื่นจนไม่ปกติมาก ดังนั้น เรื่องบางอย่างเขาไม่สามารถไม่คิดมากได้
“โจ๋วชิง นายได้ยินคำพูดสร้างความแตกแยกของเธอมาสองสามคำก็สงสัยในตัวฉัน? เธอเป็นอะไรของนาน? นายเป็นอะไรของนาย? นายมีสมองหรือเปล่า” โจ๋วอันหนานมองไปทางโจ๋วชิง ในน้ำเสียงมีความโมโหอยู่ ฟังแล้วท่าทีเหมือนมีเหตุผล
“แล้วก็ นี่นายกำลังสงสัยพ่อแม่อยู่” สีหน้าที่ผิดหวังของโจ๋วอันหนานนั้นพอดีมาก
“ผมไม่ได้สงสัยพ่อแม่ ผมแค่อยากรู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่ พี่บอกผมนะ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” วินาทีนี้โจ๋วชิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ในตอนนั้นเขาคงพลาดเรื่องราวมากมายไป
เขาอยากรู้ความจริง ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ความจริง
“นี่เป็นเรื่องของนาย ฉันจะรู้ได้ยังไง” โจ๋วอันหนานมองไปทางโจ๋วชิง สีหน้าสุขุม ไม่ได้มีความผิดปกติมากมาย แน่นอน และไม่ได้มีความรู้สึกมากมาย แม้กระทั่งความสงสารก็ไม่มี
“คุณโจ๋วไม่อยากพูด เดี๋ยวฉันมาพูดแทนคุณโจ๋วเอง” เวินลั่วฉิงมองดูสีหน้าที่ไม่ยอมรับของโจ๋วอันหนานแล้ว ก็แอบสูดหายใจลึก เธอเคยเจอคนที่กระด้างกว่านี้ แต่ว่า ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดแบบโจ๋วอันหนาน ปกปิดโดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ นั้นเจอไม่มากจริงๆ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าถามอะไรยากโจ๋วอันหนานไม่ได้แน่นอน งั้นสู้เธอพูดออกมาเองดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาด้วย
“ทำไม? คุณถังจะแต่งเรื่องอีกแล้ว?” โจ๋วอันหนานหันไป เหลือบไปมองเวินลั่วฉิงหนึ่งที พูดด้วยความประชด
“คุณโจ๋วไม่ต้องรับ เรื่องราวนั้นต้องพูดแน่นอน ส่งนเรื่องแต่งหรือไม่แต่ง โจ๋วอันหนานน่าจะรู่เียิ่งกว่าใคร” เวินลั่วฉิงไม่ได้โกรธ แต่แค่รู้สึกว่าการตอบสนองของโจ๋วอันหนานในแบบนี้ช่างน่าตลกมาก
โจ๋วอันหนานอึ้งไปเล็กน้อย ตะกุกตะกักในใจ ทว่าเธอไม่ได้พูดอะไร โจ๋วอันหนานเป็นคนฉลาด เธอรู้ว่าเรื่องบางเรื่อง ยิ่งพูดก็จะยิ่งเผยเยอะ เธอเองก็รู้สึกเวินลั่วฉิงขัดตามาก ดังนั้นจึงได้พูดประชดออกไปสองประโยค
“ฉิงฉิง เธอพูด เธอรีบพูด” โจ๋วชิงกลับรอไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถถามอะไรจากปากของโจ๋วอันหนานได้ ตอนนี้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวของฉิงฉิง โจ๋วชิงเองก็รู้ เวินลั่วฉิงไม่มีทางพูดอะไรมั่วๆ โดยไม่มีหลักฐานแน่นอน
“แปดปีก่อน คุณพ่อของหยวนหยูเป็นหัวโรคภาวะหัวใจล้มเหลว คุณโจ๋วไปหาหยวนหยู สัญญากับหยวนหยูว่าจะช่วยคุณพ่อของเธอ จากนั้นให้เธอจากไป ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น หยวนหยูไม่มีทางเลือก เพราะว่าหากเธอไม่ตอบตกลงคุณโจ๋ว งั้นคงทำได้แต่ดูคุณพ่อของตัวเองเสียชีวิตไปแบบนี้ ดังนั้น หยวนหยูตั้งใจอยู่กับผู้ชายคนอื่น ให้นายเข้าใจผิด ให้นายจับชู้ได้คาหนังคาเขา ให้นายตายใจ” ในตอนที่เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ นัยน์ตานั้นมองโจ๋วชิงอยู่ เรื่องราวในส่วนหน้านั้นมั่นใจมากแล้ว ส่วนหลังสองประโยคนั้นเธอเดา
สามารถมองออกว่าโจ๋วชิงรักหยวนหยูมาก ดังนั้นในสถานการณ์ปกติโจ๋วชิงไม่มีทางเลิกกับหยวนหยูแน่นอน น่าจะมีแค่เพราะหยวนหยูอยู่กับคนอื่น จึงจะสามารถทำให้โจ๋วชิงเลิกราได้
ตอนนั้นอาการของคุณพ่อหยวนหยูเร่งด่วนมาก เวลาจากที่คุณพ่อหยวนหยูเข้าโรงพยาบาลในมณฑลกับตอนที่โจ๋วชิงเลิกกับหยวนหยูเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ดังนั้นหยวนหยูไม่มีเวลาค่อยๆสร้างความเข้าใจผิดให้กับโจ๋วชิง เร็วที่สุด ตรงที่สุด และเป็นวิธีที่หยาบคายที่สุด ก็คือจับชู้ได้คาหนังคาเขา
มีเพียงแต่ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น โจ๋วชิงจึงจะตายใจ จึงจะไม่ไปสงสัย
โจ๋วชิงได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เรื่องนั้นเขาไม่เคยบอกกับใครมาก่อน แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ที่พี่ใหญ่ถามเขาก็ไม่เคยพูด เวินลั่วฉิงรู้ได้ยังไงกัน?
เวินลั่วฉิงเห็นการตอบสนองของโจ๋วชิง ก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองเดาถูก นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเหลือบมองไป เป็นเหมือนกับที่คิดว่าว่าเห็นสีหน้าของโจ๋วอันหนานก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
เวินลั่วฉิงแอบยิ้มในใจ ก่อนหน้านี้ที่เธอจะพูดว่าจับชู้ได้คาหนังคาเขา จริงๆ แล้วไม่ใช่ต้องการจะกระตุ้นคุณชายสองโจ๋ว แต่ก็พูดให้โจ๋วอันหนานฟังเช่นกัน
เวินลั่วฉิงรู้ เรื่องที่จับชู้ได้ในตอนนั้นมีคนรู้ไม่เยอะแน่นอน ตามอำนาจของบ้านโจ๋วแล้วก็ไม่มีทางให้เรื่องนั้นแพร่ออกไปแน่นอน ไม่พี่ใหญ่ก็ไม่มีทางสืบไม่เจอแน่นอน
แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้สืบเจอ
ทว่าตอนนี้เธอพูดออกมาตรงๆ ต้องทำให้โจ๋วอันหนานจิตใจไม่สงบแน่นอน โจ๋วอันหนานต้องคิดว่าเธอสืบเจอแล้วจริงๆ
พอเป็นแบบนี้ เรื่องหลังจากนี้ก็ดำเนินการต่อง่ายแล้ว เธอเองก็จะต้องหลอกถามบางอย่างปากโจ๋วอันหนานด้วย
เวินลั่วฉิงรู้ว่าโจ๋วอันหนานฉลาดมาก อีกอย่างระมัดระวังมากด้วย ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“เธอรู้หมดแล้ว เธอสืบเจอได้ยังไง?” โจ๋วชิงมองไปทางเวินลั่วฉิง สีหน้ามีความสับสนเล็กน้อย
“ฉันอยากสืบทำไปจะสืบไม่เจอ” แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงไม่มีทางอธิบายอยู่แล้ว เธอคงไม่สามารถบอกคุณชายสองโจ๋วได้ว่าเธอเดาออกมา
“แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง นั่นเป็นเรื่องปลอม ผู้ชายคนนั้นก็เป็นของปลอม ไม่มีผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วแท้ๆ” คุณชายโจ๋วดูปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน “ต่างก็เป็นความผิดของฉัน ตอนนั้นทำไมฉันไม่ไปสืบให้ชัดเจน ทำไมตอนนั้นฉันถึงโง่ขนาดนั้น”
“หากในไปสืบในตอนนั้น ก็อาจจะสืบไม่เจอ ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นความคิดของหยวนหยู ยังมีคุณโจ๋วอีกคนหนึ่ง ตามความสามารถของคุณโจ๋วแล้วอยากจะปิดบังต่อไปคงไม่ยาก” เวินลั่วฉิงรู้ว่าคำพูดนี้มีความโหดร้ายต่อโจ๋วชิง ทว่านี่เป็นความจริง มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว โจ๋วชิงมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง
“คุณถังเป็นนักชำนาญสร้างความแตกแยกจริงๆ” สีหน้าของโจ๋วอันหนานสุขุมลงอย่างเห็นได้ชัดเจน นัยน์ตาคู่หนึ่งมองไปทางเวินลั่วฉิงอย่างเย็นชา คิดไม่ถึงว่าคำพูดของเวินลั่วฉิงจะตรงขนาดนี้
“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้? ทำไม?” จู่ๆ โจ๋วชิงก็หันไปทางโจ๋วอันหนาน ขณะนี้ไม่รู้ว่านัยน์ตาคู่หนึ่งของเธอเป็นเพราะเจ็บปวด หรือว่าเพราะโมโห มีรอยแดงดั่งเลือดที่ทำให้ดูน่าตกใจ ดูแล้วมีความน่ากลัวเล็กน้อย
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าโจ๋วชิงเชื่อคำพูดของเวินลั่วฉิง
“โจ๋วชิง นายเชื่อเธอ ไม่เชื่อฉัน?” โจ๋วอันหนานตะลึงงัน นัยน์ตาคู่หนึ่งเบิกกว้าง มองโจ๋วชิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าโจ๋วอันหนานคิดไม่ถึงว่าน้องชายของตัวเองจะตะคอกกับเธอเพียงเพราะคำพูดสองสามคำของเวินลั่วฉิง
“ทำไมผมจะไม่เชื่อเธอ? เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกผม ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ พี่รู้อยู่แล้วว่าผมรักหยวนหยู ผมรักเธอขนาดนั้น” โจ๋วชิงเป็นคนฉลาด ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดที่หัวใจ สมองของเขาชัดเจนมาก เข้าใจดีว่าเวินลั่วฉิงไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกเขา
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงไม่มีทางโกหกเขา
ทว่าในทางกลับกัน เรื่องในตอนนั้นมีจุดที่น่าสงสัยเยอะเกินไป เขารู้สึกได้ว่าหยวนหยูรักเขา หากไม่ใช่เพราะความจำเป็น หยวนหยูไม่มีทางเลิกกับเขาแน่นอน
และโจ๋วชิงมานั่งคิดละเอียดในตอนนี้ ก็เข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้คัดค้านเขากับหยวนหยู ต่อมาคุณแม่ยังพูดขึ้นเองว่าให้เขาพาหยวนหยูกลับบ้าน เรื่องนี้ราบรื่นเกินไปจนไม่ปกติจริงๆ
ทว่าตอนนั้นคุณแม่ไม่ได้ถามถึงสถานการณ์ของหยวนหยู แม้กระทั่งบ้านของหยวนหยูอยู่ไหน บ้านหยวนหยูมีใครบ้าง คุณแม่ก็ไม่เคยถาม ตอนนั้นคุณแม่ไม่ได้ถามอะไรเยอะเลย
งานแต่งงานที่เป็นเรื่องใหญ่ของเขา คุณแม่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นคุณแม่ดูพอใจและเป็นมิตรกับหยวนหยูมาก ทว่ากลับไม่เคยทำความรู้จักกับหยวนหยูอย่างลึกซึ้งเลย
ตอนนี้มาคิดดู ตอนนั้นคุณแม่ไม่คิดที่จะยอมรับให้หยวนหยูเข้าบ้านโจ๋วอยู่แล้ว
ดังนั้นโจ๋วชิงเชื่อคำพูดของเวินลั่วฉิง!!