ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ตอนที่ 63 เขาเป็นพ่อคนแล้ว
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ตอนที่ 63 เขาเป็นพ่อคนแล้ว
ตอนที่ 63 เขาเป็นพ่อคนแล้ว
เดิมที่คิดว่าการแต่งงานนี้ก็เพื่อต่างคนต่างผล ประโยชน์ของตนเอง คิดว่าเขาหาคนมาแต่งงานปลอม ๆ เพื่อให้ได้หุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้๊ปจริงๆ ส่วนเธอก็ ทำเพื่อคุณปู่
เธอเขียนบนสัญญาไว้อย่างชัดเจนอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือ เขาได้รับหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปแล้ว พวกเขาก็ สามารถหย่ากันได้ เดิมที่เธอวางแผนไว้ว่าจะช่วยให้เขา ได้รับหุ้นส่วนให้ได้เร็วที่สุด จากนั้นก็รีบหย่ากันให้เร็ว
ที่สุด
แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เธอ คิดขนาดนั้น
“เธอเคยได้ยินประโยคที่ว่าถ้าสารภาพก็สามารถอนุโลม ได้ แต่ถ้าหากต่อต้านมีทางเดียวคือตายไหม?” หลัง จากที่เขากัดเธอ ก็ไม่ได้เดินออกไป แต่กลับเอนตัวเข้า ใกล้ใบหูของเธออีกครั้ง ในคำขู่แต่ละคำที่เต็มไปด้วย กลิ่นอายของความอันตรายที่น่าหวาดกลัว
เวินลั่วฉิงกระพริบตาเบา ๆ เขาพูดกันแบบนี้เหรอ? เขา ดูถูกเธอไม่มีความรู้เหรอ?
“ฉันเคยได้ยินแต่ถ้าหากสารภาพแล้วจะจัดการอย่าง ผ่อนปรน แต่ถ้าหากไม่สารภาพก็จะถูกจัดการอย่างเข้ม งวด” เงินลั่วฉิงเบะปาก ตอบกลับประโยคนั้นอย่าง
ง่ายดาย
เธอรู้สึกว่าประโยคนี้ใช้กับเขาเหมาะสมอย่างที่สุด ถ้า หากเธอสารภาพผิดจริง ๆ เดาว่าเธอคงไม่ต้องคิดที่จะจากไป
ร่างกายของเย่ซื้อเฉินชะงักเล็กน้อย ใบหน้าที่อยู่ใกล้ใบ หูของเธอจู่ๆ ก็ดึงตัวกลับ ดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ หรี่ตาลง
จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น
สายตานั้นราวกับจะประหารชีวิตเธอในทันที ถ้าหาก
สายตาสามารถฆ่าคนได้จริง ๆ เธอเดาว่าตอนนี้เธอคงจะ
ตายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
เงินลั่วชิงถึงกับแอบได้ยินเสียงกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าเป็น ความเข้าใจผิดของเธอหรือเปล่า?
ดูท่าแล้วเขาเหมือนจะโมโหแล้ว
ตอนที่คนคนนึงโมโห ก็จะสูญเสียความใจเย็นและการ ติดสินใจที่มีก่อนหน้านี้ไป ก็จะไม่อันตรายขนาดนั้นแล้ว แน่นอนว่า ตอนที่คนคนนึงโมโห ก็สามารถทำเรื่องวู่วาม ได้อย่างง่ายดายมาก ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นหรือเปล่า?
ขณะที่เป็นลัวฉิงกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆ เยชื่อเฉินก็หมุนตัว เดินออกไปข้างนอกโดยไม่พูดสักประโยค
หลังเดินออกจากประตู เย่ซื้อเฉินดึงเนคไทออกอย่าง แรงราวกับมันรัดแน่นจนทำให้เขาหายใจไม่ออก เพียง แต่เนคไทหลวมแล้ว แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้น สักเท่าไหร่
เยซื้อเฉินสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง เมื่อสักครู่ทำไมเขา เขาแต่งงานกับเธอทำไมกันนะ? เพื่อมายั่วโมโหให้เขา
ถึงอยากจะบีบคอผู้หญิงคนนั้นให้ตายไปนะ?
โดยเฉพาะ?
เขาที่เดิมที่ใจเย็น น้อยครั้งมากที่จะโมโห ครั้งนี้ถูกเธอ ทำให้โมโหอย่างมากจริง ๆหลังจากที่เดินห่างออกมาระยะนึง ซือเฉินทำให้ตัว เองใจเย็นลงจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากด โทรออก
โทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้งอีกฝ่ายถึงรับสาย “ซื้อเฉิน มีเรื่องอะไร?” เสียงของชายหนุ่มสุขุมดูเป็น ผู้ใหญ่ แถมยังมีความรู้สึกและน่าฟัง เพียงแต่ว่าถึงแม้ น้ำเสียงจะมีความอ่อนโยนอยู่แต่ก็ยังมีไสตล์ของความ เฉียบขาดรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ ผมอยากรู้สถานะของผู้หญิงคนนั้นที่ไปที่สถานี ตำรวจในวันนี้” เย่ซื้อเฉินพูดเป้าหมายของตนเอง โดยตรง ไม่มีคำพูดไร้สาระแม้แต่คำเดียว ในตอนนี้เขา อยากจะรู้ว่าตกลงผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
เป็นผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วย ที่ยั่วโมโหเขาโดยเฉพาะ คนนั้นไหม?
“….” ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปชั่วขณะ เห็นได้อย่างชัดเจน ว่ารู้เรื่องนี้แล้ว ในเมื่อก่อนหน้านี้ทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โต ขนาดนั้นที่สถานีตำรวจ เขาไม่มีทางไม่รู้
“เรื่องของเธอ ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผย” หลังจากเงียบ ไป เสียงของชายหนุ่มอีกด้านหนึ่งต่ำลงเล็กน้อยและ เคร่งขึ้มขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย
“ผมทราบแล้วครับ” เย่ซื่อเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ ได้ถามอะไรอีก เขาเข้าใจสถานะของพี่ใหญ่ดี พี่ใหญ่ บอกว่าไม่สะดวกก็แสดงว่าต้องมีเรื่องที่ลำบากใจ แน่นอน เขาไม่สามารถทำให้พี่ใหญ่ลำบากใจได้ “ผมจะสืบด้วยตัวเอง” เย่ซื้อเฉินเสริมประโยคนึงขึ้นช้า ๆ พี่ใหญ่ไม่บอกเขาแต่เขาสามารถสืบหาด้วยตนเองได้”จำเป็นต้องตรวจสืบจริงเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูด ประโยคนี้ของเย่ซือเฉิน ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ประหลาดใจ เพียงแต่น้ำเสียงมีความกังวลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ครับ” แทบจะไม่ได้ลังเลใด ๆ เลย คำตอบของเย่ซื่อ เฉินตอยอย่างไม่มีทางหนีที่ไล่
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงนิสัย ของเยซื้อเฉิน เรื่องที่เย่ซือเฉินตัดสินใจแล้วก็ไม่มีใคร
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขารู้ดียิ่งกว่าถึงความสามารถของเย่ซื้อเฉิน ถ้าหาก เย่ซื้อเฉินใช้พลังที่แท้จริงในการตรวจสอบเรื่องนี้ เกรง
ว่า…
หลังจากวางสายไป มุมปากของเย่ซื้อเฉินค่อย ๆ ยกขึ้น เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มีเสน่ห์จนเข้ากระดูกแต่กลับ ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญหาย
เรื่องนี้ยังไม่จบ ผู้หญิงคนนั้นคิดจะหลบหนีไปแบบนี้ ฝัน
ไปเถอะ!
ที่สนามบิน
“เด็กน้อย ให้ฉันส่งพวกเธอกลับบ้านไหม?” หลังจากลง
จากเครื่องบิน จี้หซีมองไปทางเด็กสองคนที่อยู่ด้านหลัง
ตนเอง รอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อลงจากเครื่องบินเขาแทบไม่ อยากจะเชื่อ ว่าเขาเป็นพ่อคนให้คนอื่นแบบนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เขารู้สึกคาดไม่ถึงตอนที่เด็ก สองคนบอกให้เขาปลอมเป็นพ่อเพื่อพาพวกเขาขึ้น เครื่องบิน ในตอนนั้นเขาอึ้งไปเลย ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขามี เส้นสายรู้จักคน มันไม่ง่ายเลยที่จะพาเด็กทั้งสองคนขึ้น เครื่องบินไม่พูดไม่ได้ว่าเด็กสองคนนี้ช่างหาถูกคนเสียจริง ช่วง เวลาสั้น ๆ ก็มาพบเขา ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่า คงไม่มีวิธีจริง ๆ แน่นอนว่า จี้หซีไม่รู้ว่า ถังจื่อโม่เป็นเพราะเห็นพนักงาน ที่ใส่เครื่องแบบสนามบินทักทายเขาอย่างเป็นกันเองถึง
ได้หาเขา
“ขอบคุณครับคุณอา แต่ว่าไม่รบกวนคุณอาแล้วครับ มาม จะมารับพวกเราครับ” เด็กชายมีมารยาทอย่างมาก รอย ยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าทำให้คนรู้สึกสบายเป็นพิเศษ อบอุ่น เป็นพิเศษ “ลาก่อนครับคุณอา”
“ลาก่อนค่ะคุณอา” เด็กผู้หญิงก็พูดตามมารยาทขึ้น “โอเค ลาก่อน” จี้หซีรู้สึกว่าพวกเขาถีบหัวส่ง ในใจรู้สึก เหี่ยวเฉานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายจาก ความฉลาดปราดเปรื่องของเด็กทั้งสองคน เขาไม่ต้อง
เป็นกังวลอะไรจริง ๆ
“พี่ชายพวกเรารีบร้อนมาที่นี่ทำไม แถมยังไม่บอกคุณแม่ ด้วย” เด็กน้อยกินไอศกรีมสุดรัก ตาโตที่ทั้งดำทั้งวาววับ กระพริบตาเบา ๆ ขนตายาวขยับเล็กน้อย น่ารักจนทำให้ คนใจละลายได้ “มามี้แต่งงานแล้ว พวกเราต้องมาช่วยคุณแม่ดู ไม่
สามารถปล่อยให้คุณแม่ถูกรังแกได้” เมื่อเทียบกันแล้ว เด็กชายโตเต็มที่กว่าอายุของเขาที่มีเล็กน้อย แต่ว่าก็ยัง น่ารักจนใจจะขาด “พวกเรามีพ่อแล้วจริง ๆ เหรอคะ?” เด็กหญิงกัดไอศกรีม
คำใหญ่ จากนั้นก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นดีใจของ
ตนเอง“เรื่องนี้ไม่สำคัญ สำคัญคือพวกเราไม่สามารถปล่อยให้ คุณแม่ถูกรังแกได้” เด็กชายมองไปทางเธอ มองเห็น ไอศกรีมที่ติดบนหน้าของเธอ ก็ยื่นมือออกไปเช็ดให้เธอ จนสะอาด ท่าทางอ่อนโยนแต่คล่องแคล่ว เด็กหญิงรู้สึกคุ้นเคยแล้ว เพลิดเพลินกับการถูกดูแล
แบบนี้ แต่ว่ายังคงสงสัยเรื่องของแดดดี้เป็นอย่างมาก “งั้นพี่ชายจะไปหาแดดดี้คนนั้นไหมคะ?”
“อืม” เด็กอายุสี่ขวบใบหน้าเด็ก แต่สีหน้ากลับจริงจังเป็น อย่างมาก
เขาตั้งใจมานี่เพื่อจะตรวจสอบผู้ชายคนนั้นสักหน่อยว่า เหมาะสมจะเป็นสามีของคุณแม่ไหม ดังนั้นแน่นอนว่า ต้องไปพบกับผู้ชายคนนั้น
แอบฟังบทสนทนาอยู่ข้างหลังจ้หซีกระตุกมุมปาก เด็ก สองคนนี้น่าประหลาดจริง ๆ !
ปกติแล้ว พ่อแม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลูก ๆ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมพอมาถึงเด็กสองคนนี้กับกลับกัน?
แถมเมื่อสักครู่เด็กผู้ชายพูดว่ามามี้ของพวกเขาแต่งาน แล้ว หมายความว่ามามี้ของพวกเขาหาพ่อเลี้ยงให้พวก
เขาเหรอ?
งั้นพ่อแท้ ๆ ของพวกเขาหละ?
พอดิบพอดีกับที่จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น “พี่สามถึงแล้วเหรอครับ? อืม ตกลง ผมจะรอพี่” จิ้หซีรับ
สายโทรศัพท์ คิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ใบหน้าก็แต้มด้วย รอยยิ้ม อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “พี่สาม ผมมีเรื่องจะบอกวัน นี้ผมได้เจอกับเรื่องที่น่าสนใจเรื่องนึง ที่สนามบินมีเด็ก สามสี่ขวบสองคนให้ผมปลอมเป็นแดดดี้ของพวกเขาพาพวกเขาขึ้นเครื่องบิน”
เดิมทีจี้หซีจะเรียกคนให้มารับ แต่ว่าพี่สามบอกว่ามีธุระที่ สนามบินพอดีจึงให้เขาติดรถกลับไปด้วย ได้ติดรถของ
พี่สามสักครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
“ทำไม? เป็นแดดดี้เร็วขนาดนี้เลย?” เป็นไปได้ยากที่ เย่ซื้อเฉินจะล้อเล่น เขายกมุมปากขึ้น ยิ้มมุมปากเล็ก น้อย ดูออกได้ว่าเขาอารมณ์ดี
“ผมก็อยากอยู่ แต่เสียดายที่ไม่ใช่ลูกผม พี่ไม่รู้หรอกว่า เด็กสองคนนั้นน่ารักขนาดไหน พี่สามถ้าพี่มาเร็วหน่อยก็ อาจจะได้เห็นพวกเขา”
จ้หซีหมุนตัวเล็กน้อย มองไปที่เด็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังเขา ไม่ไกล รู้สึกว่าพึงพอใจอย่างมากที่ได้เป็นแดดดี้ครั้งนี้