ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1022 คุณชายสามเย่ตกตะลึง นั่นคือลูกชายแท้ๆของคุณนะ (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1022 คุณชายสามเย่ตกตะลึง นั่นคือลูกชายแท้ๆของคุณนะ (4)
เมื่อครู่เย่ซือเฉินพูดอะไรนะ?
ไอ้แมงดา?เขาว่าลูกชายตัวเองเป็นแมงดา?!
เย่ซือเฉินบอกว่าลูกชายของเธอเป็นแมงดา!
เย่ซือเฉินลองพูดอีกทีดูสิ?
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ ปรับอารมณ์ของตัวเองให้ดีขึ้น เธอบอกตัวเองให้ใจเย็น ตอนนี้เย่ซือเฉินก็เหมือนกับเด็กอายุสามขวบ โกรธเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
คุณาชายสามเย่ในสายไม่ได้ยินเธอตอบ อารมณ์ก็ยิ่งเสีย เธอไม่พูดก็แสดงว่าเขาพูดถูก
“คุณชอบไอ้แมงดาขนาดนั้นเชียวหรือ?”บัดนี้เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่โกรธจนร้อนรนเสียแล้ว สูญเสียสติปัญญาอย่างหมดจด ดังนั้นเขาเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมาอีกครั้ง
เลขาหลิวได้ยินคำพูดของท่านประธานตัวเอง ดวงตาทั้งคู่พลันกะพริบปริบๆ ทำไมท่านประธานถามอย่างนี้กับคุณนาย ท่านประธานถามเช่นนี้ก็เท่ากับไม่เชื่อใจในตัวคุณนาย สงสัยในตัวคุณนาย
คุณนายต้องโกรธเป็นแน่!!
คุณนายเป็นคนรักศักดิ์ศรี ทั้งยังเป็นคนที่พึ่งตัวเองสูง คงไม่อาจยอมรับความสงสัยจากผู้อื่นได้ โดยเฉพาะไม่อยากให้คนที่ตัวเองเชื่อมั่นสงสัย
เวลานี้คุณนายยอมรับท่านประธานเป็นคู่สร้างคู่สมแล้ว คุณนายต้องเชื่อใจในตัวท่านประธาน ความสงสัยที่ท่านประธานมีต่อคุณนายยามนี้ เกรงว่าจะทำให้คุณนายเสียใจได้
เลขาหลิวรู้สึกว่าเวลานี้ท่านประธานวู่วามมาก ไม่ควรพูดคำนี้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านประธานบอกว่าคุณนายมี แมงดา ท่านประธานยังไม่เคยเจอหน้าถังจื่อโม่คนนี้เลย ทำไมถึงไปว่าเขาเป็นแมงดาล่ะ?
เขารู้สึกว่าท่านประธานควรพบหน้าถังจื่อโม่ก่อนอันดับแรก จากนั้นค่อยตัดสินใจพูด!
เวินลั่วฉิงที่อยู่ปลายสายได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินก็หัวเราะร่า ริมฝีปากแดงของเธออ้าขึ้นเล็กน้อย เผยทีละถ้อยคำอย่างช้าๆ “ฉันชอบแมงดามาตลอด คุณไม่รู้เหรอ?”
เย่ซือเฉินบอกว่าลูกชายของเธอเป็นแมงดา ตอนนี้ยังสงสัยเธออีกต่างหาก?เธอหมดคำจะพูดจริงๆ
เย่ซือเฉิน“……”
เธอยอมรับโดยตรงเหรอ?
เวลานี้คุณชายสามเย่ไม่รู้จะพรรณนาความรู้สึกเช่นไรดี เขาโตขนาดนี้ กลับไม่เคยหดหู่เช่นนี้มาก่อน
เขารู้สึกว่าการยอมรับของเธอคล้ายกับเป็นมีดเล่มหนึ่ง บาดลึกเข้าตรงหัวใจของเขาจนทำให้รู้สึกเจ็บปวด
“ดังนั้นถังจื่อโม่กลับมา คุณ คุณก็……”คุณชายสามเย่ยังอยากถามอีกหนึ่งประโยค เขาอยากถามว่า ถังจื่อโม่กลับมาแล้วเธอจะเลือกถังจื่อโม่ใช่ไหม
ทว่าประโยคท้ายๆ คุณชายสามเย่ไม่ได้ถามออกมา เขาพูดไม่ออก
ถึงแม้คุณชายสามเย่จะกล่าวไม่จบ แต่เวินลั่วฉิงที่ชาญฉลาดย่อมรู้ความหมายของเขาเป็นอย่างดี
“คุณอยากถามฉันว่าฉันจะเลือกถังจื่อโม่ใช่ไหม?”เวินลั่วฉิงช่วยเขาเสริมประโยคตอนท้าย เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินหมายถึงเช่นนี้จริงๆ
คุณชายสามเย่เม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร
“เย่ซือเฉิน ฉันขอบอกคุณเลยนะ ไม่ว่าเวลาไหน จื่อโม่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน”เวินลั่วฉิงพูดด้วยความหนักแน่น เพราะจุดนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไร
ลูกชายของเธอต้องสำคัญในใจเธออยู่แล้ว
ทว่า บัดนี้เธอจงใจพูดให้เย่ซือเฉินฟัง
เธอพูดชัดเจนพอแล้วมั้ง?หากเย่ซือเฉินไม่คิดจะหึงท่าเดียว ไม่ว่าเพราะหึงจนสูญเสียสติปัญญา ขอเพียงเย่ซือเฉินเชื่อใจเธอ เธอคิดว่าเย่ซือเฉินได้ยินถ้อยคำของเธอแล้วจะใจเย็น เริ่มครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ถึงเวลานั้นเย่ซือเฉินก็น่าจะรู้ความจริงแล้ว
แน่นอน หากเย่ซือเฉินมัวแต่หึงท่าเดียว ยังเข้าใจเธอผิดต่อไปเรื่อยๆ งั้นก็เท่ากับเย่ซือเฉินแทบไม่เคยเชื่อใจเธอเลย
คุณชายสามเย่ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิง ร่างกายแข็งทื่อ ใช้แรงจับมือถือมากขึ้นไม่หยุด ทำให้มือถือแปรเปลี่ยนสภาพซะแล้ว
ทว่าคุณภาพของมือถืออยู่ในระดับพรีเมียม ยังคงอยู่ในสายเช่นเดิม
“แล้วผมล่ะ?”คุณชายสามเย่ถามหนึ่งประโยคออกมาด้วยความดิ้นรนเป็นเวลานาน เธอบอกว่าถังจื่อโม่สำคัญสำหรับเธอเสมอแล้วเขาล่ะ?
ในหัวใจของเธอเขาอยู่ในสถานะอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบเธอจัดเขาอยู่ในตำแหน่งอะไร?
“ตัวคุณเองก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเหรอ?”เวินลั่วฉิงกะพริบตารัวๆ การแสดงออกของเธอยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?เธอรับปากว่าจะอยู่กับเขาแล้วแท้ๆ
ท่าทีของเธอยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
หากรู้จักเธอดี ไม่ว่าจะเรื่องไหนกับใคร เธอก็จะมีจิตใจมุ่งมั่นอยู่ในสิ่งเดียวอย่างแน่นอน ไม่มีทางจิตสองใจเด็ดขาด
ตอนนี้เย่ซือเฉินกลับถามเธอเช่นนี้?
เขาไม่เชื่อใจเธอขนาดไหนกัน?
เย่ซือเฉินอึ้งเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรต่อในชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปม คล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
และเวลานี้ถังจื่อโม่ก็กลับเข้ามาถึงในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวินลั่วฉิงเห็นเด็กน้อยถังจื่อโม่กลับมา มุมปากพลันยกโค้งขึ้น คุยกับเย่ซือเฉินในสายว่า “จื่อโม่สุดที่รักของฉันกลับมาแล้ว คุณยังมีอะไรอีกไหม?ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้ว”
ป้ายสีลูกชายของเธอ แถมยังไม่เชื่อใจเธออีก เรื่องนี้ต้องคุยกันดีๆเสียหน่อยแล้ว และต้องคุยกันซึ่งๆหน้าถึงจะมีประสิทธิผล
แน่นอน ตอนนี้เธอต้องถามถังจื่อโม่ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น?
เวินลั่วฉิงกล่าวจบ ไม่รอให้เย่ซือเฉินตอบสนองทันก็วางสายทิ้งดื้อๆ
คุณชายสามเย่มองมือถือที่โดนตัดสายทิ้งด้วยใบหน้ามึนงง!!
ดังนั้น เขาโทรไปเพื่ออะไร?
เพื่อหาเรื่องโกรธใส่ตัวเหรอ?
เธอวางสายเขาอย่างนี้เลยหรือ?
อีกทั้งเมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ?
เธอบอกว่าสุดที่รักจื่อโม่ของเธอกลับมาแล้ว?
สุดที่รักจื่อโม่ของเธอ?
เธอเรียกเสียสนิทสนมเกินไปแล้ว?
เป็นแมงดาดังคาด!!
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะถังจื่อโม่กลับมา เธอจึงวางสายของเขา
เดี๋ยวก่อน?
เธอบอกว่าถังจื่อโม่กลับมาแล้ว?!
ความหมายของเธอก็คือถังจื่อโม่ไปหาเธอ?
ถังจื่อโม่กล้าไปหาเธออย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้เชียว?
คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไง?
“ไปบ้านตระกูลถัง”คุณชายสามเย่เก็บมือถือที่ถูกเขาบีบขย้ำจนเสียรูป กล่าวด้วยความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหนึ่งประโยค
ถังจื่อโม่กล้าไปหาเธอถึงที่?!
ดี ดีงามมาก!!
เขาจะดูเสียว่าถังจื่อโม่คนนี้เป็นใครมาจากไหน?
เขาจะดูเสียว่าถังจื่อโม่คนนี้มีความสามารถโดดเด่นอะไร?!
“ท่านประธานครับ ผมรู้สึกว่าท่านควรใจเย็นก่อนครับ อารมณ์ของท่านในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะไปหาคุณนายครับ”บัดนี้เลขาหลิวกลัวประธานของจนตัวสั่นเทิ้ม ทว่าเขายังคงรู้สึกว่าต้องห้ามปรามประธานของตัวเองเสียหน่อย
เมื่อสักครู่ท่านประธานพูดเช่นนั้นกับคุณนาย คุณนายต้องโกรธแน่ๆ บวกกับท่านประธานก็กำลังโกรธอยู่ด้วย หากเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเกิดท่านประธานกับคุณนายตีกันขึ้นมาจะทำยังไง?!!!
“ไม่เหมาะยังไง?หรือว่าตอนนี้ผมไปหาเธอไม่ได้แล้ว?”เวลานี้เย่ซือเฉินรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฟังอะไรไม่เข้าทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณชายสามเย่ขาดสติสัมปชัญญะไปหมดแล้ว ฟังเลศนัยในคำพูดของเลขาหลิวไม่ออก