ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 415 เธอสวยเกิน คุณชายสามเย่ไม่กล้ายอมรับ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 415 เธอสวยเกิน คุณชายสามเย่ไม่กล้ายอมรับ (3)
บทที่ 415 เธอสวยเกิน คุณชายสามเย่ไม่กล้ายอมรับ (3)
เวินลั่วฉิงเพิ่งวางสายก็ได้รับข้อความจากถังไป๋เชียน บอกเธอว่าให้กลับประเทศ Mโดยตรง และในข้อความยังเขียนรายละเอียดที่อยู่อีกด้วย
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ระดับเสียงคำสุดท้ายที่เวินลั่วฉิงพูดสูงขึ้นมาเล็กน้อย ถังหลินจึงฟังได้อย่างชัดเจน
แน่นอน ถังหลินก็ฟังความกังวลและร้อนใจในน้ำเสียงของเธอออก
ถังหลินไม่รู้ว่าเธอกังวลและร้อนใจเพราะเหตุใด แต่สามารถทำให้เธอเป็นเช่นนี้ได้ คงจะเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเธอ
“คุณจะกลับประเทศM?”ถังหลินอดไม่ได้ที่จะถามหนึ่งประโยค
“ออ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดี”เวินลั่วฉิงเดินทางจากประเทศOไปประเทศMก็มีระยะทางไกลอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ไกลเท่าเดินทางจากเมืองAไปประเทศMหรอก
พวกจื่อโม่ไปถึงก่อนเธอ ฉะนั้นเธอไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องอะไรทั้งนั้น
“พอดีพวกเรามีธุระ ซึ่งมีเครื่องบินจะไปที่ประเทศMพอดี ผมให้พวกเขาพาคุณไปด้วย”คนตรงหน้าคือน้องสาวของเขา น้องสาวมีธุระด่วน เขาจะไม่แยแสไม่ได้
“สะดวกเหรอ?”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก มองถังหลินอย่างคาดไม่ถึง เธอรู้ว่าสถานะของถังหลินนั้นพิเศษมาก ธุระที่เขาว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับแปดตระกูลใหญ่เป็นแน่ หากพาเธอไปด้วยจะสะดวกเหรอ?
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ธุระที่เป็นความลับมากนัก และที่สำคัญคุณก็เป็นคนกันเอง”ถึงแม้เวินลั่วฉิงยืนยันว่าจะตรวจDNA แต่ถังหลินได้นับเธอเป็นคนญาติของตัวเองแล้ว
มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้น เผยรอยยิ้มที่เปล่งปลั่ง
ซึ่งในขณะนี้ มือถือของถังหลินก็มีเสียงข้อความเข้าดังขึ้น
“ลูกพี่ คุณชายสามเย่ถึงเมืองAแล้ว”’เสี่ยวหู่เป็นคนส่งข้อความเข้ามา แจ้งบอกว่าเย่ซือเฉินได้เดินทางมาถึงเมืองAแล้ว
ถังหลินหยุดชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็แอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก เขาเชิญเธอกลับมาอย่างยากลำบาก
เขาให้เธอกลับมา เดิมทีก็เพื่อให้เย่ซือเฉินตามหาตัวเธอเจอโดยเร็ว แต่ตอนนี้เย่ซือเฉินมาถึงเมืองAแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่ทำอย่างนี้ไม่ได้
ถังหลินรู้ว่าตอนนี้เธอรีบร้อนอย่างนี้ คงต้องกลับให้ได้เป็นแน่ ซึ่งหากเวลานี้ให้เย่ซือเฉินพบหน้าเธอ เขาไม่รู้จริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉะนั้นเขาจึงต้องให้ความช่วยเหลือเธอ
ช่างเถอะ ยังไงเสียเธอก็รับปากเขาแล้วว่าพอผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว เธอก็จะกลับมา ตอนนี้เขาขอเบอร์โทรของเธอไว้ พอถึงเวลาจะได้ติดต่อสะดวก
รอให้เธอกลับเข้าบ้านตระกูลถังเมื่อไหร่ เย่ซือเฉินก็จะมีโอกาสพบหน้าเธอแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในขณะนี้
มีบางคำพูดไว้ได้ดีมาก เรื่องราวดีๆต้องผ่านการคัดกรองฝึกหัดเยอะๆ
“เครื่องบินอยู่ห่างจากที่นี้ไม่ไกล ขึ้นรถสิ ผมส่งคุณไปเอง”ถังหลินมองเวินลั่วฉิงด้วยรอยยิ้ม มีน้องสาวให้เขาได้ทะนุถนอมให้เขาปกป้องดูแล ช่างรู้สึกไม่เลวเลย
“ค่ะ”เวินลั่วฉิงไม่ได้คิดมากอะไร รีบก้าวเท้าเดินขึ้นรถ ส่วนถังหลินก็ได้อ้อนไปอีกเส้นทางหนึ่ง
เย่ซือเฉินถังเมืองA พอลงจากเครืองบินก็ตรงดิ่งมายังถิ่นฐานของเล้งหรงทันที ซึ่งเขาคุ้นเคยกับถิ่นของเล้งหรงเป็นอย่างดี ฉะนั้นเขาจึงรวดเร็วมาก
“คุณชายสามเย่ ท่านคิดจะ?”หมิงหยวนเห็นเย่ซือเฉินที่บุกเข้ามากะทันหัน ตกใจจนสองขาสั่นเทาไปหมด
เรื่องครั้งก่อนหมิงหยวนยังจดจำได้ดีเหมือนดั่งเพิ่งผ่านมา เขาหวาดกลัวเย่ซือเฉินจริงๆ
เกิดอะไรขึ้น?ทำไมท่านนี้มาอีกแล้ว?
ครั้งนี้ใครไปเคืองใจท่านนี้อีกล่ะ?
“เล้งหรงเหรอ??”เย่ซือเฉินกวาดสายตามองอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินต่อไปด้วยความเร็วสูงเหมือนเดิม
“คุณชายสามต้องการพบลูกพี่เหรอครับ?”หมิงหยวนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น?หรือลูกพี่จะทำให้คุณชายสามเย่เคืองใจอีกแล้วเหรอ?
ไม่น่าจะใช่นี่ ช่วงนี้ลูกพี่ยุ่งอยู่แต่เรื่องคดี ไม่เคยไปไหนมาก่อน
เมื่อสักครู่ลูกพี่ยังไปสอบปากคำจงหงด้วยตัวเองอยู่เลย
ซึ่งลูกพี่ได้ความคืบหน้าจากการสอบปากคำเมื่อสักครู่นี้ ฉะนั้นจึงได้สั่งให้เขาไปสืบต่อ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินออกมาก็ต้องพบหน้ากับท่านผู้นี้เสียแล้ว
คุณชายสามเย่ไม่ได้ตอบคำถามหมิงหยวน เพียงแต่จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง
“ผม ผมไปบอกลูกพี่ก่อนครับ”หมิงหยวนตกใจกลัวจนหายใจไม่สะดวก
หมิงหยวนตอบพร้อมกับรีบสาวเท้าเดินเข้าไปยังห้องสอบปากคำทันที หมิงหยวนอยากจะหลบตัวออกห่างจากเย่ซือเฉิน แต่ทว่าเย่ซือเฉินกลับเดินตามเขาอยู่ตัวหลัง
เย่ซือเฉินเห็นเล้งหรงกำลังสอบปากคำด้านในห้องสืบสวนสอบสวนอยู่ แต่เขาไม่เห็นเวินลั่วฉิง ดวงตาของเขาจึงเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
หมิงหยวนเข้าไปถึงห้องสอบสวนแล้วกระซิบพูดข้างใบหูของเล้งหรงไม่กี่ประโยค สีหน้าของเล้งหรงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องสอบสวนทันที
“เวินลั่วฉิงล่ะ?”เล้งหรงเดินออกมา เย่ซือเฉินก็เริ่มถามทันทีโดยไม่พูดเรื่องไร้สาระแม้แต่คำเดียว เย่ซือเฉินคิดว่าเล้งหรงรู้สถานะของเวินลั่วฉิงแล้ว
“เธอเป็นเวินลั่วฉิงจริงๆเหรอ”สีหน้าของเล้งหรงเปลี่ยนไปเป็นซับซ้อนยุ่งเหยิงอย่างมาก เขารู้สึกว่าเหมือนเวินลั่วฉิงและได้ล่อถาม แต่สุดท้ายก็ไม่แน่ใจ
“คนล่ะ?”ได้ยินคำพูดของเล้งหรง เย่ซือเฉินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้เขาแค่ต้องการมาหาเธอ ขอแค่หาตัวเธอเจอก็พอแล้ว
“ไปแล้ว”เล้งหรงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงกลายเป็นเคร่งเครียดเสียแล้ว ตอนแรกเขาสงสัยแล้วเชียว แต่……
พูดอย่างถ่องแท้ก็คือเขายังรู้จักเธอไม่ดีพอ หรือรักเธอไม่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นทำไมเขาถึงจะดูเธอไม่ออก
“ไปแล้ว?หมายความว่าไง?”เย่ซือเฉินตกใจเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่หรี่ขึ้น เธอไม่ใช่มาช่วยสืบคดีเหรอ?ทำไมไปแล้วล่ะ?
เย่ซือเฉินคิดว่าในเมื่อเธอมาช่วยสืบคดี คงจะไม่ไปเร็วๆหรอก
“ไขคดีได้แล้ว เธอจึงไปแล้ว”เล้งหรงเข้าใจความหมายของเย่ซือเฉิน ฉะนั้นจึงอธิบายหนึ่งประโยค
“คุณปล่อยให้เธอไปอย่างนี้เลยหรือ?”ดวงตาของเย่ซือเฉินกึ่งหรี่ มองเล้งหรงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขารู้ว่าเล้งหรงชอบเธอ ฉะนั้นเขาถึงรู้สึกว่าเล้งหรงไม่มีทางปล่อยให้เธอไปเด็ดขาด
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เย่ซือเฉินไม่ได้สั่งคนมาห้อมล้อมที่นี่ไว้ เขาคิดว่าเล้งหรงสามารถรั้งเธอไว้ได้
“ผมดูเธอไม่ออก”เล้งหรงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือกอีกครั้ง บัดนี้น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันตัวเอง
เย่ซือเฉิน“……”
“เล้งหรง คุณมีตาตั้งไว้เฉยๆใช่ไหม”บัดนี้น้ำเสียงเย่ซือเฉินเจือความหงุดหงิดเล็กน้อย
“คุณเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอมาก่อนหรือเปล่าล่ะ?คุณแน่ใจว่าเมื่อเห็นใบหน้าอันแท้จริงของเธอก็จะดูออกในแวบแรกเลย?”เล้งหรงแสดงความไม่พอใจ ต่างกันเสียขนาดนั้น เธอก็ปิดบังได้อย่างมิดชิด เขาคิดว่าถึงแม้จะเป็นเย่ซือเฉินก็ไม่อาจดูเธอออกได้
สำหรับคำถามนี้ เย่ซือเฉินได้แต่ยิ้มฝืดๆ ไม่ได้ตอบอะไร ไม่ว่าเธอจะมีหน้าตาเช่นไร เขาก็สามารถมองเธอออกได้พอเพียงแวบเดียวแต่ว่าเขาไม่อยากจะโต้เถียงสิ่งนี้กับเล้งหรง เพราะมันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
“เธอไปไหนแล้ว?”ตอนนี้เย่ซือเฉินแค่อยากจะหาตัวคนให้เจอโดยเร็ว
“ผมให้คนไปส่งเธอที่สนามบิน”เล้งหรงไม่ได้ปิดบัง เพราะเวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินมีความจริงที่ว่าเคยแต่งงานกันแล้ว
แต่ทว่าเล้งหรงก็คิดอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ตอนนี้เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงแต่งงานกันแล้ว พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เวินลั่วฉิงทำภารกิจสำเร็จไม่ใช่ควรจะกลับบ้านเหรอ?