ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 433 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 433 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (2)
บทที่ 433 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (2)
“ฉิงฉิง บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องจริงจังมากนะ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คุณปู่ว่าเขารักหนูจริง สำหรับเรื่องอื่นก็ไม่ต้องไปสนใจแล้ว”คุณปู่เวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พอเอ่ยปากอีกครั้งก็เห็นได้ชัดว่าเคร่งขรึมเพิ่มขึ้น ซึ่งแฝงความหมายที่ลึกซึ้งยากจะหลั่งถึง
เวินลั่วฉิงประหลาดใจรีบเงยหน้ามองคุณปู่เวิน เห็นคุณปู่เวินพยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม จนทำให้เวินลั่วฉิงตะลึงงัน
คุณปู่รู้นานแล้วเหรอ?!
ฉะนั้น ตอนนั้นคุณปู่ก็เรื่องความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้น จึงได้บังคับให้เธอเลิกกับคนนั้น
แต่ทว่าตอนนี้คุณปู่กลับให้เธอไปหาเขา?
รู้อยู่เต็มอกว่าเขาคือคนทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ป แต่คุณปู่ยังให้เธอไปหาเขาอีก?
เพียงเพื่อเขายังรอเธออยู่ คุณปู่คิดว่าเขาสามารถเป็นคนที่ฝากชีวิตไว้ได้
ฉะนั้น คุณปู่เอ็นดูและรักเธอมากจริงๆ
“ใช่ ปู่รู้นิสัยของหนูดี หนูเป็นคนหนักแน่น หากตัดสินอะไรแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต เดิมทีพวกหนูเหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก ในเมื่อหนูเลือกเขา แล้วจะไปยอมรับผู้ชายคนอื่นได้อย่างไรกัน แล้วจะตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร เรื่องในอดีตไม่ว่าจะยังไงก็เป็นความผิดของปู่อยู่ดี ฉิงฉิง ไม่ว่าตอนนั้นพวกหนูเลิกกันด้วยสาเหตุใด แต่ตอนนี้ก็ไปหาเขาเถอะ ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรที่คลี่คลายไม่ได้หรอก”
นี่เป็นสาเหตุหลักที่คุณปู่เวินเปลี่ยนความคิด เรื่องผ่านไปนานหลายปี แต่ผู้ชายคนนั้นยังคงรักฉิงฉิงเหมือนเดิม ฉะนั้นเขาไม่คิดจะรั้งอีกต่อไป ถึงเขาจะกระทำไม่ดีไม่ร้ายกับตระกูลอย่างนั้นก็ตาม
เพื่อความสุขของฉิงฉิงแล้ว เขาจะไม่ไปถือสาหาความ เพราะเรื่องนี้มีสาเหตุที่ทำให้เป็นผลเฉกเช่นนี้
เวินลั่วฉิงเม้มปากไม่ได้ตอบอะไร บัดนี้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน เธอรู้ว่าคุณปู่เอ็นดูเธอ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคุณปู่คุณรักและเอ็นดูได้ถึงเพียงนี้
หกปีก่อน เธอได้ยินคำสนทนานั้นโดยบังเอิญก็รู้ว่าไม่ช้าหรือเร็วบริษัทต้องมีจุดจบอย่างวันนี้แน่ ระยะเวลาหกปีสำหรับเขาไม่ถือว่าสั้นเลย
หกปีแล้ว ถึงเวลาจำเป็นต้องไปเผชิญหน้าในบางเรื่องแล้ว ฉะนั้นตอนนี้เธอจำเป็นต้องไปคุยกับเขาสักครั้งหนึ่ง
เพื่อคุณแล้ว เธอจำเป็นต้องไปทำอะไรบางอย่าง
เย่ซือเฉินไม่ได้รีบร้อนจะเข้าไปอีก แต่กลับถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนที่จะพิงหลังอยู่ที่ผนัง
แต่งงานมาสามเดือน เขาคิดว่ารู้จักเธอดี แต่ดูจากตอนนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายของเธอที่เขาไม่รู้อะไรเลย
สิ่งเดียวที่สามารถแน่ใจได้ก็คือหัวใจของเธอไม่เคยมีเขาอยู่เลย ไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่คิดแผนการหย่ากับเขาหรอก จากนั้นก็ไปอย่างเด็ดขาดโดยที่ไม่มีเยื่อใยใดๆเลย
เพราะหัวใจของเธอมีคนที่ยึดมั่นเอาไว้แล้ว ฉะนั้นไม่มีทางยอมรับเขาได้เลย?ยิ่งไม่มีทางรักเขาได้เลย?
ถึงพวกเขาจะแต่งงานกัน!ถึงพวกเขาจะเป็นคู่สามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย!แต่ก็ยังคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี?
ตอนนี้เธอนิ่งเงียบ คือยอมรับความคิดของคุณปู่เวินจะไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วใช่ไหม?
เดิมทีเขาเร่งรีบมา แต่บัดนี้กลับพิงอยู่ข้างผนังไม่ได้เดินเข้าไป
สิบนาทีต่อมา ประตูห้องคนไข้ได้เปิดออกมา เวินลั่วฉิงก้มหน้าเดินออกไป
บัดนี้เย่ซือเฉินยืนพิงหลังอยู่ด้านขวาของประตู ส่วนเธอเดินออกทางซ้ายมือของประตูโดยที่ไม่ได้เงยหน้า ฉะนั้นเธอจึงมองไม่เห็นเขา
ดวงตาของเย่ซือเฉินลุ่มลึก ปกติเธอเป็นคนช่างสังเกต แต่บัดนี้เขายืนอยู่ที่นี่ เธอกลับไม่สังเกตเห็น?
เรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้เธอเป็นเช่นนี้ได้?
เป็นเพราะผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า?ผู้ชายคนนั้นสำคัญกับเขามากขนาดนี้เลยเหรอ สำคัญถึงขนาดสูญเสียการตอบสนองพื้นฐานไปเลยเหรอ?
เลขาหลิวอยากจะเรียกเธอให้หยุด เพียงแต่เห็นสีหน้าของประธานตนเองแล้ว เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้นก็กลับกล้ำกลืนลงไป
เวินลั่วฉิงก้าวไปด้านหน้าสองก้าว แล้วหยุดกะทันหัน จากนั้นก็เอามือถือออกมามองหน้าจอ หลังจากที่ลังเลไปชั่วครู่ก็ได้กดหมายเลขยาวๆหนึ่งเบอร์โทรออกไป
หกปีแล้ว เบอร์นี้ยังคงเป็นเบอร์ที่เขาใช้เมื่อหกปีก่อน หกปีมานี้เธอไม่เคยโทรไปเลย แต่ตอนนี้ยังคงจำได้อย่างแม่นยำ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาได้เปลี่ยนเบอร์มือถือหรือยัง?
เพราะอย่างเธอ ตลอดหกปีมานี่เธอได้เปลี่ยนเบอร์มาไม่เพียงแค่ครั้งเดียว
เห็นเธอเอามือถือออกมาโทร ดวงตาของเย่ซือเฉินก็ลุ่มลึกลงไป มือที่กำไว้แล้วได้กำแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนเส้นเอ็นบนหลังมือนูนออกมาอย่างชัดเจน
เย่ซือเฉินคาดเดาออกว่าเธอจะโทรหาใคร แต่บัดนี้เย่ซือเฉินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่เป็นไปดั่งที่เขาคิด……
“ฮัลโหล”รับสายอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของผู้ชายถึงแม้จะมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าหกปีก่อน แต่เธอก็ยังคุ้นหูดี เพียงแค่คำเดียว
เธอก็มั่นใจว่าเป็นเขาแล้ว
“เจอหน้ากันหน่อย“หยุดไปสองวินาที เสียงของเวินลั่วฉิงก็ค่อยๆส่งออกไปโดยไม่รู้สึกเป็นภาระ แต่กลับเรียบง่ายและตรงประเด็น
“ฉิงฉิง!”อีกฝ่ายก็ชะงักไปสองวินาที จากนั้นก็ขานเรียกด้วยความตื้นตันจนสั่นเทาอย่างประหลาดใจ น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความแน่นอน ถึงแม้จะเป็นเบอร์แปลกหน้า แต่เขาก็ฟังเสียงเธอออกทันที
“เจอกันที่เดิม”สีหน้าของเวินลั่วฉิงไม่ได้มีอารมณ์ใดๆมากนัก น้ำเสียงก็เบาเรียบมาก
หกปีแล้ว เธอไม่อาจหักห้ามสิ่งที่เขาจะทำได้ แต่เธอก็มีบรรทัดฐานของเธอ เธอมีคนที่เธอต้องปกป้อง
เธอไม่สนเรื่องเขาโจมตีตระกูลเวินได้ แต่เขาจะมาทำร้ายคุณปู่ไม่ได้
ฉะนั้น ต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว
ดวงตาของเย่ซือเฉินจ้องเขม่นอยู่บนแผ่นหลังของเธอ ซึ่งแววตาฉายเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวราวกับสามารถแผดเผาเธอให้ตายทั้งเป็นได้เลยทีเดียว เธอรวดเร็วทันใจมาก โทรไปนัดเจอกันเร็วขนาดนี้เลย!
วางสายเสร็จ เวินลั่วฉิงก็ถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนที่จะค่อยๆหันหลังกลับมา จากนั้นก็สบตาเข้ากับเย่ซือเฉินอย่างจังแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ดวงตาทั้งสี่มาบรรจบกัน เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก
ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้?ยิ่งไปกว่านั้นมองจากสีหน้าเขาแล้วก็ไม่สู้ดีนัก
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเขา ดูคล้ายกับอยากจะกินคนอย่างนั้น
ใครกันช่างไม่มีแววตาไปยั่วโมโหท่านนี้ได้?
แน่นอน เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าต้องไม่เกี่ยวข้องกับเธอเป็นแน่ เธอหย่ากับเขาแล้ว และอีกอย่างเธอไม่ได้เจอหน้าเขาสักพักหนึ่งแล้ว คงไม่มีทางไปยั่วโมโหเขาเด็ดขาด
งานเลี้ยงตอนอยู่ที่ประเทศMครั้งนั้น เขากระทำเช่นนั้นกับเธอ เวินลั่วฉิงก็จะถือสักว่าเขาดื่มเยอะไปจนเมาคลั่ง ถืออย่างที่เขาพูดกับตนว่าตอนนั้นเขาบุ่มบ่าม เธอจะไม่ติดใจเอาความกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนอยู่ที่ประเทศM เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา ฉะนั้นทางที่ดีก็อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน
แน่นอน ตอนนี้ผ่านมายี่สิบกว่าวันแล้ว ซึ่งไม่ได้เกิดเรื่องอื่นขึ้น คาดว่าเย่ซือเฉินคงจะลืมเลือนไปหมดแล้ว
จึงไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงอีก
แต่ทว่าเธอคาดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งจากกลับมาถึงเมืองAก็พบหน้าเขาเข้าแล้ว เธอกับเขาได้หย่ากันแล้ว แต่ทำไมยังเจอเขาทุกที่เลย!!!
เวินลั่วฉิงคิดว่า ในเมื่อตอนนี้เจอหน้ากันแล้วก็ควรกล่าวคำทักทายกันหน่อย เวินลั่วฉิงจึงมองเขา พลางพูดอย่างมีมารยาทว่า “คุณเย่
บังเอิญจังเลย”