ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 451 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 451 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (1)
บทที่ 451 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (1)
หลังจากที่ออกจากห้องคนไข้ เวินลั่วฉิงครุ่นคิดดูแล้วก็นำมือถือขึ้นมากดเบอร์ขอไป๋ยี่รุ่ย จากนั้นก็โทรออกไป
มือถือเพิ่งดังได้แป๊ปเดียว ไป๋ยี่รุ่ยก็รับสายแล้ว จากนั้นก็มีเสียงของเขาส่งมา “ฉิงฉิง”
น้ำเสียงของเขานั้นเบาและอ่อนนุ่มมาก เพียงรู้สึกตื่นเต้นจึงเจือความสั่นเอาไว้เล็กน้อย
“คุณปู่ให้ฉันไปคุยเรื่องบริษัทกับคุณ คุยเรื่องบริษัทก็น่าจะอยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอ?”เวินลั่วฉิงพูดเอาการเอางาน เพราะเรื่องที่คุยอยู่ ณ ขณะนี้ก็เป็นเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด
“คุณก็รู้ว่าที่บริษัทมีพี่สาวอยู่ ฉะนั้นที่บริษัทจึงไม่สะดวก ผมคงนัดคุณไปที่ห้องในโรงแรมไม่ได้มั้ง ฉะนั้นคุยกันที่บ้านจะสะดวกกว่า แน่นอน หากคุณอยากเปลี่ยนสถานที่ก็ได้นะ ไม่งั้นคุณเลือกมาได้เลย อันที่จริงที่ไหนก็ไม่สำคัญ ทำไม?หรือคุณกลัวผมจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับคุณ?”ไป๋ยี่รุ่ยอธิบายสักยืดยาว เห็นได้ชัดว่าประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นใจความสำคัญ
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว อันที่จริงเธอไม่ได้ระวังตัวกับไป๋ยี่รุ่ยหรอก เธอรู้จักอุปนิสัยใจคอของไป๋ยี่รุ่ยดี
เธอคบกับไป๋ยี่รุ่ยเกือบสองปี ไป๋ยี่รุ่ยแค่เคยหอมที่หน้าผากเธอสองครั้งเท่านั้น
ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนสุภาพชน ไม่คิดจะทำอะไรเธอหรอก ไม่เหมือนคนพาลอย่างเย่ซือเฉินเลยสักนิด!
ดวงตาก็เวินลั่วฉิงกะพริบเบาๆ อยู่ดีๆเธอจะไปคิดถึงเย่ซือเฉินทำไมกัน?
เมื่อนึกถึงเย่ซือเฉินเมื่อไหร่ จิตใจของเวินลั่วฉิงก็เริ่มว้าวุ่นเมื่อนั้น ไม่สามารถรักษาสติและสัมปชัญญะดั่งเช่นปกติได้เลย
“นัดที่ร้านอาหารก็แล้วกัน”เดิมที่เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่เลย แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร จู่ๆเธอก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา
เวินลั่วฉิงนึกถึงคำพูดตอนเช้าของเย่ซือเฉิน เธอคิดว่า หากเย่ซือเฉินรู้ว่าเธอไปพบเจอผู้ชายคนนั้นที่บ้าน……
เวินลั่วฉิงกะพริบตาปรี่ๆ ทำไมเธอนึกถึงเย่ซือเฉินอีกแล้ว จะว่าไปเธอจะเจอใครที่ไหนก็ไม่เกี่ยวข้องกับเย่ซือเฉินอะไรสักหน่อย?
ทำไมเธอต้องกลัวเย่ซือเฉินด้วย?
เธอโดนยาพิษของเย่ซือเฉินหรือเปล่า?
เวินลั่วฉิงเปลี่ยนความคิด อยากจะบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนสถานที่แล้ว แต่ทว่าเมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้นเธอก็ไม่ได้เปล่งออกมา
อีกฝั่งหนึ่งของสาย ไป๋ยี่รุ่ยตัวแข็งทื่อ เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองพูดกระจ่างขนาดนี้แล้ว เวินลั่วฉิงคงไม่เปลี่ยนสถานที่หรอก ซึ่งคาดไม่ถึงว่าเธอจะยืนกรานเปลี่ยนสถานที่ให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเปลี่ยนไปที่ร้านอาหารอีก ตอนนี้เธอระแวงเขามากถึงเพียงนี้เลยเหรอ?
“ได้ครับ แถวนี้มีร้านอาหารดีๆอยู่ ผมจะส่งโลเคชั่นไปให้คุณนะ”แต่ทว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้พูดอะไรมา ทำตามความต้องการของเธอโดยตรง
“ค่ะ”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ตอบเสียงเบา จากนั้นก็วางสาย
ต่อมา ไป๋ยี่รุ่ยก็ส่งโลเคชั่นมาให้เธอ
ตอนที่เวินลั่วฉิงเดินทางไปถึง ไป๋ยี่รุ่ยก็ได้จัดหาห้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังรอคอยเธออยู่ด้านในห้อง
เวินลั่วฉิงผลักประตูเข้าไปก็พบไป๋ยี่รุ่ยยืนสูบบุหรี่อยู่ที่รินหน้าต่าง ด้านในห้องจึงอัดแน่นไปด้วยควันบุหรี่
เวินลั่วฉิงเห็นมีก้นบุหรี่อยู่ในที่เขี่ยบุหรี่หลายมวน
ตอนที่เธอรู้จักไป๋ยี่รุ่ย ไป๋ยี่รุ่ยก็สูบบุหรี่อย่างหนัก แต่เธอไม่ชอบดมกลิ่นของบุหรี่ ไป๋ยี่รุ่ยจึงได้เลิกบุหรี่ในเวลาต่อมา
เมื่อสูดดมควันบุหรี่เข้าไปเต็มปอด เวินลั่วฉิงก็รู้สึกไม่สบายคอ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่ได้ปิดประตูตอนที่เดินเข้าไป
ไป๋ยี่รุ่ยหันหลังมาเห็นเวินลั่วฉิง จึงได้ดับบุหรี่ในมือทิ้ง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างตรงหน้า
พอผ่านไปสักพักหนึ่งควันบุหรี่ก็กระจายหายไปได้พอสมควรแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยจึงปิดประตูห้อง จากนั้นก็เอาเอกสารที่เตรียมไว้ออกมา
“นี้เป็นสัญญาที่ผมร่างเอาไว้ คุณลองอ่านดู”ไป๋ยี่รุ่ยส่งสัญญาไปให้เวินลั่วฉิง
“ฉันเซ็นก็ได้แล้วใช่ไหมคะ?”เวินลั่วฉิงไม่ถนัดเรื่องธุรกิจ เธอไม่ได้อ่านให้ละเอียดก็เอาปากกาขึ้นมาจะเซ็นชื่อ คิดว่าเรื่องนี้ก็จบแล้ว
“คุณไม่อ่านเลย ไม่กลัวจะโดนโกงเหรอ?”ไป๋ยี่รุ่ยได้ยินคำพูดของเธอ มุมปากก็ยกขึ้นมายิ้มเบาๆ
อย่างน้อยก็แสดงว่าเธอยังเชื่อใจเขาอยู่?
“บริษัทเวินซื่อกรุ้ปเป็นขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่แย่ไปถึงไหนแล้ว ฉันยังต้องกังวลอะไรอีก”เวินลั่วฉิงก้มหน้า เมื่อหาที่เซ็นชื่อเจอก็ลงนามของเธอโดยตรง
ตอนนี้บริษัทเวินซื่อกรุ้ปสามารถล้มละลายได้ตลอดเวลา หุ้นส่วนในมือของไป๋ยี่รุ่ยที่มีอยู่ในบริษัทเวินซื่อกรุ้ปนั้นไม่ค่อยมีค่าสักเท่าไหร่เลย
ไป๋ยี่รุ่ยหยุดชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหาย รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
“อย่างนี้ก็ได้แล้วใช่ไหม?”เวินลั่วฉิงเซ็นชื่อเสร็จก็ยื่นสัญญากลับไปให้เขา
ไป๋ยี่รุ่ยรับมา จากนั้นก็ค่อยๆพลิกดูทุกหน้า จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวว่า “ฉิงฉิงยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้ไหม?”
เวินลั่วฉิงเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงที่ไป๋ยี่รุ่ยพูดเช่นนี้ เธอเม้มปาก “วันนี้ฉันเป็นตัวแทนของคุณปู่มาคุยเรื่องของบริษัท หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
เรื่องระหว่างเธอกับเขามันจบลงตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว
ในเมื่อจบกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไประลึกถึงอีก
“ตอนนั้นคุณอายุแค่หกขวบ คุณถือขวดแก้วมาอันหนึ่งวิ่งมาที่บ้านคุณย่าของผม อยากให้ผมเล่นจับจิ้งหรีดกับคุณ จากนั้น ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนทั้งหมดก็ถูกคุณลากไปจับจิ้งหรีดกันหมดเลย”ระหว่างที่ไป๋ยี่รุ่ยกำลังเล่าอยู่ก็เอาขวดขึ้นมาจากใต้โต๊ะหนึ่งอัน เวินลั่วฉิงมองแวบเดียวก็ดูออกว่านั้นเป็นขวดที่เธอจับจิ้งหรีดใส่ เพียงแต่หลังปิดเทอมฤดูร้อนผ่านไป จู่ๆขวดนี้ก็หายไป ที่แท้ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนเอาไปนี่เอง
“ปีต่อมาในช่วงปิดเทอมผมไปที่บ้านคุณย่าอีก คุณบอกผมว่าคุณเป็นผู้หญิงไม่เล่นจับจิ้งหรีด เพราะผู้หญิงจับจิ้งหรีดไม่เป็นกุลสตรี
จากนั้นช่วงปิดเทอมนั้นผมก็ถูกคุณลากไปจับกบทุกวัน แล้วคุณก็เอากบไปปล่อยที่ห้องนอนของผม บอกว่าจะให้พวกมันช่วยผมจับยุ่ง”เล่ามาถึงจุดนี้ มุมปากของไป๋ยี่รุ่ยก็ยกขึ้นยิ้มบางๆ
เขาจำได้ว่าผลสุดท้ายห้องของเขาเต็มไปด้วยกบ
ตอนนั้นเธอซุกซนเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับเป็นผู้หญิงเลย
ตอนนั้นเธอยังไม่สวย แต่ทว่าสามารถดึงดูดความสนใจจากเขาทั้งหมดอย่างง่ายดาย
จากนั้นไป๋ยี่รุ่ยก็เอาภาพวาดขึ้นมาจากใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นภาพที่เขาสอนเธอวาดกบเต็มทุกเนื้อที่
ดวงตาของเวินลั่วฉิงกะพริบ เธอคิดไม่ถึงว่าไป๋ยี่รุ่ยจะเก็บภาพวาดนี้มาตลอด เธอนึกว่าได้ทิ้งไปตั้งนานแล้ว
“ผมเคยกลับไปที่บ้านคุณย่าสองครั้งในช่วงปิดเทอม นอกเหนือจากเวลานอน ทั้งสองช่วงเวลาของผมก็ถูกคุณใช้จนหมด”ไป๋ยี่รุ่ยจ้องมองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม