ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 453 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 453 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (3)
บทที่ 453 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (3)
เป็นไปไม่ได้แล้ว!!
ตอนนี้ไม่ใช่หกปีก่อน ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้นกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกเด็ดขาด ไม่มีทางที่เธอกับเขาจะเริ่มต้นใหม่อีก
เวินลั่วฉิงใช้แรงดิ้นให้หลุดจากมือของเขา หันหลังตรงไปยังทางออก
เพียงแต่เธอเพิ่งเดินมาถึงที่ประตู จู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาด……
เธอยังไม่ทันรู้ว่าเป็นเสียงอะไร ไป๋ยี่รุ่ยก็เอ่ยมาจากด้านหลัง “ฉิงฉิง ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะคว้าหัวใจออกมาให้คุณดู”
เวินลั่วฉิงตกใจรีบหันหลังไปมอง พบว่าไป๋ยี่รุ่ยใช้มีดปอกเปลือกผลไม้แทงเข้าบริเวณหัวใจของเขา
เขาแทงมีดปอกเปลือกได้ลึกมาก เลือดไหลออกมาจากหน้าอกของเขา แต่ทว่าเขายังคงจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม
วินาทีนั้นเวินลั่วฉิงตกใจจนอึ้งไปเลย
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ”เวินลั่วฉิงดึงสติกลับคืนมา รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อจะห้ามเลือดของเขา
แต่ว่าตอนนี้มีดปอกผลไม้ยังแทงอยู่ที่หน้าอกของเขา จึงไม่อาจห้ามเลือดได้เลย
เธอพบว่ามีดปอกผลไม้เสียดอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจของเขา ไม่รู้ว่าหัวใจจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่หากดูจากตำแหน่งของตรงนี้ เกรงว่าหัวใจคงได้รับบาดเจ็บอยู่
เธอรู้ว่าสถานการณ์อย่างนี้ห้ามไปโดนมีดปอกผลไม้เด็ดขาด
แม้แต่กายของไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่กล้าไปสัมผัสเช่นกัน
เวินลั่วฉิงรีบยกมือถือโทรหารถฉุกเฉินของโรงพยาบาล และมือของเธอก็เปื้อนเลือดสด จนทำให้เธอมือสั่น
เมื่อโทรติด เวินลั่วฉิงก็รีบแจ้งที่อยู่ให้ทราบด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ
เพราะเขาบาดเจ็บบริเวณหัวใจ ไม่แน่ว่าอาจจะเสียชีวิตได้ในเวลาต่อมา
เธอคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าไป๋ยี่รุ่ยจะทำเช่นนี้
เขาบ้าไปแล้วจริงๆ
แต่ทว่าตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือหาวิธีช่วยชีวิตเขา
“ฉิงฉิง ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัว”ใบหน้าของไป๋ยี่รุ่ยยังคงประดับรอยยิ้มอยู่ แต่สีหน้ากลับซีดเผือด ริมฝีปากเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นเขียวซีด
“คุณอย่าพูดอะไรทั้งนั้น”เวินลั่วฉิงเห็นเขาพูดเมื่อไหร่ เลือดกลางอกยิ่งไหลรุนแรงกว่าเดิม
“ไม่ ผมจะพูด หกปีแล้ว หกปีมานี้ไม่มีเวลาไหนที่ผมจะไม่คิดถึงคุณเลย”ไป๋ยี่รุ่ยไม่ฟังคำห้ามปราม หรืออาจจะเป็นเพราะเขาก็กลัวว่าตนจะตาย จึงอาจไม่มีโอกาสพูดอีก
เธอรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนรั้น เธอไม่อาจห้ามเขาไม่ให้พูดได้ หากเขาอยากจะพูด
เวินลั่วฉิงเห็นหน้าอกของเขามีเลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหน้าอกถูกแทงด้วยมีดปอกผลไม้ เธอไม่ต้องแตะจับ จึงไม่มีทางห้ามเลือดได้เลย ตอนนี้เธอได้แต่มองดูเลือดของเขาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายต่อหน้าต่อตา
ไป๋ยี่รุ่ยมองหน้าเธอ ยิ้มอีกครั้ง จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า“ฉิงฉิงถ้าผมตาย คุณก็ลืมผมเถอะ”
ตัวของเวินลั่วฉิงแข็งทื่อเล็กน้อย คำพูดนี้เขาเคยพูดเมื่อหกปีที่แล้วแล้ว ตอนนั้นก็บอกว่าให้เธอลืมเขาซะ
ตอนนี้เขาก็มาพูดประโยคเดิมกับเธออีกครั้ง ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงจึงรู้สึกทรมานที่ใจ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“ถ้าหากผมยังไม่ตาย ยังมีชีวิตรอด คุณก็แต่งงานกับผมนะ”แต่ทว่าต่อมาไป๋ยี่รุ่ยก็เสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค
เวินลั่วฉิงตกใจกะพริบตาปริบๆ มือที่กำไว้แน่นอยู่แล้วก็ยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยจิตใต้สำนึก เม้มปากไม่ได้พูดอะไร
“ฉิงฉิง รับปากผมสิ ถ้าผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คุณก็จะแต่งงานกับผม มิฉะนั้นผมยินดีจะตายดีกว่า”ไป๋ยี่รุ่ยจ้องมองเวินลั่วฉิง อยากจะฟังคำตอบของเธออย่างดื้อดึง
พอดีกับเวลานี้ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา คุณหมอรีบวิ่งตรงเข้ามา
ไป๋ยี่รุ่ยยังคงจับมือของเวินลั่วฉิงไม่ปล่อย
“เร็ว เร็วเข้า อย่าชักช้า อาการของเขาเช่นนี้หากยังเสียเวลาก็อาจถึงแก่ชีวิตได้เลยนะครับ”คุณหมอเอ่ยเร่งด้วยความร้อนใจ
“ไปโรงพยาบาลก่อน”เวินลั่วฉิงก็อดที่จะเร่งเขาไม่ได้
“ถ้างั้นคุณก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมนะ”ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้บีบให้เธอตอบคำถาม แต่เขาก็ยังคงจับมือของเธอเหมือนเดิม
“ได้ค่ะ ฉันไปเป็นเพื่อนคุณ”ครั้งนี้เวินลั่วฉิงตอบอย่างรวดเร็วทันใจ อาการของเขาเช่นนี้เธอต้องไปเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว
ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนจองร้านอาหารเอง เขาจึงสั่งให้ลูกน้องปิดข่าวเรื่องนี้ทั้งกับคนในร้านอาหารและกับคนในโรงพยาบาลทุกคน
พอถึงโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าต้องทำการผ่าตัดทันที แต่ไป๋ยี่รุ่ยยังคงจับมือของเวินลั่วฉิงไม่ปล่อยเหมือนเดิม
“ไป๋ยี่รุ่ย คุณปล่อยฉัน ไปผ่าตัดก่อน”เวินลั่วฉิงเห็นใบหน้าของเขาซีดเซียวจนไม่มีสีเลือดแล้ว เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเขามีโอกาสเสียชีวิตตลอดเวลา
ไป๋ยี่รุ่ยจ้องมองเธอ มุมปากยกขึ้น เห็นได้ชัดว่าอยากจะยิ้ม แต่เป็นเพราะร่างกายไม่สบาย จึงไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมาได้อย่างสมบูรณ์
“อย่าไป รอผมนะ”ไป๋ยี่รุ่ยจับมือเธอไว้แน่น ตอนนี้เขาแสดงท่าทางได้ชัดเจนมากเหลือเกิน หากเธอไม่รอเขา เขาจะไม่ยอมปล่อยมือเธอเด็ดขาด
“ค่ะ ฉันรอคุณ”สถานการณ์เช่นนี้เวินลั่วฉิงต้องคล้อยตามเขาอยู่แล้ว เพราะหากไม่เร่งผ่าตัดโดยเร็ว เขาก็อาจตายได้จริงๆ
สุดท้ายมุมปากของไป๋ยี่รุ่ยก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ “จำคำที่คุณรับปากผมไว้ด้วยนะ หากผมรอดชีวิตอยู่ต่อได้ คุณต้องแต่งงานกับผม……”
เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก เธอจำได้ว่าเมื่อกี้ไม่ได้ตอบตกลงว่าเธอจะแต่งงานกับเขาสักหน่อย แต่ทว่าเวลานี้เธอก็พูดอะไรมากไม่ได้
เธอคงจะตอบเขาในเวลานี้ไม่ได้ว่าเธอไม่แต่งงานกับเขา หากเป็นเช่นนั้น นิสัยอย่างเขาคงไม่เข้าห้องผ่าตัดอย่างแน่นอน
โชคดีที่คุณหมอก็ร้อนใจ ไป๋ยี่รุ่ยยังไม่ทันพูดจบ คุณหมอก็ใช้แรงคลายมือของเขาออก จากนั้นก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดไป
ใช้เวลาผ่าตัดห้าชั่วโมง คุณหมอบอกว่าหัวใจได้รับบาดเจ็บจริงๆ แต่ยังโชคดีที่ไม่รุนแรงและสามารถรักษาได้ทันท่วงที
หลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น คุณหมอแจ้งว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ขณะที่เขาถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด ปากของเขาก็ยังคงพึมพำถึงชื่อของเธอด้วยสีหน้าหวาดระแวง
เมื่อเข็นเข้ามาถึงที่ห้องคนไข้ ตอนที่คุณหมอกำลังตรวจอาการของไป๋ยี่รุ่ยอยู่นั้น จู่ๆมือของไป๋ยี่รุ่ยก็ยกขึ้นมาอย่างกังวลใจ ขยับร่างกายด้วยความกระสับกระส่ายรู้ “ฉิงฉิง อย่าไป อย่าไป……”
“คุณมาทางนี่สิครับ ตอนนี้เขารับการกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ คุณเร่งเข้ามา ให้เขารู้สึกว่าคุณอยู่ข้างกายเขา”คุณหมอเห็นภาพนี้ก็สะดุ้งตกใจ รีบเรียกเวินลั่วฉิง!!
เวินลั่วฉิงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เธอเพิ่งมาถึงข้างเตียง มือที่กำลังโบกไปมาของไป๋ยี่รุ่ยก็จับแขนของเธอเข้าโดยบังเอิญ นาทีต่อมา
เขาก็รีบจับข้อมือของเธอเอาไว้ จากนั้นก็เงียบสงบลง
ราวกับว่าเธอกลายเป็นความหวังสุดท้ายของเขาไปเสียแล้ว!!
“ดูออกว่าเขารักคุณมาก เครียดกับเรื่องของคุณมาก คุณค่อยอยู่เป็นเพื่อนเขาดีๆ สถานการณ์เช่นนี้คุณอยู่กับเขาเป็นสิ่งที่ดีกว่าสิ่งไหนๆทั้งนั้น อย่าให้เขาต้องกระทบกระเทือนจิตใจเป็นอันขาด หากมีเมื่อไหร่ก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้”คุณหมอดูจากสถานการณ์แล้ว
จึงมองเวินลั่วฉิงพร้อมกับแนะนำไปหลายประโยค