ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 455 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 455 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (5)
บทที่ 455 อาการหึงหวงคุณชายสามเย่กำเริบ (5)
เวินลั่วฉิงสะดุ้งตกใจ!!
บัดนี้ เย่ซือเฉินที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ พอได้ยินอีกฝั่งหนึ่งของสายมีเสียงของผู้ชายก็ต้องหยุดชะงัก ดวงตาของเขาก็หรี่ขึ้น
เขาได้ยินอย่างชัดเจน ผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่าฉิงฉิง
“โอ๊ย……”ไป๋ยี่รุ่ยขยับกาย จากนั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำ มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นมาจับหน้าอกด้วยจิตใต้สำนึก
“คุณตื่นแล้วเหรอ ฉัน……”นึกถึงคำสั่งของคุณหมอ และเห็นสีหน้าของไป๋ยี่รุ่ยที่เจ็บจนหน้าบิดเบี้ยว เวินลั่วฉิงจึงไม่กล้าประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด อยากจะไปเรียกคุณหมอ
คุณหมอสั่งว่าหากไป๋ยี่รุ่ยฟื้นแล้วก็รีบแจ้งให้พวกเขาทราบทันที
“ฉิงฉิงตอนนี้ผมไม่มีแรงเดินลงจากเตียง คุณรินน้ำให้ผมแก้วหนึ่งสิ ผมกระหาย”แต่ทว่าไป๋ยี่รุ่ยกุมมือเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอไป
อีกทั้งเธอเอ่ยปากพูดตัวบทของเวินลั่วฉิงอีกครั้ง
“ออ ค่ะ ฉันไป……”เวินลั่วฉิงคิดว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต้องไปถามคุณหมอก่อนเป็นอันดับแรก แจ้งให้คุณหมอมาตรวจดูอาการก่อนจะดีกว่า
“หรือปอกแอปเปิลให้ผมกินหน่อย ผมอยากกินแอปเปิล”แต่ทว่าไป๋ยี่รุ่ยก็พูดแทรกเวินลั่วฉิงอีกครั้ง
ไป๋ยี่รุ่ยเพิ่งตื่นมา น้ำเสียงมีความอ่อนแอเล็กน้อย แต่ฟังดูแล้วเหมือนน้ำเสียงของความขี้เกียจหลังตื่นนอนมากกว่า
ตอนที่เวินลั่วฉิงได้รับสายจากเย่ซือเฉินก็ว้าวุ่นใจอยู่แล้ว บวกกับไป๋ยี่รุ่ยพูดขึ้นมากะทันหัน จึงทำให้เธอต้องสะดุ้งตกใจ
ตอนนี้เธอร้อนใจจะไปเชิญคุณหมอ ไป๋ยี่รุ่ยก็พูดแทรกเธอหลายครั้งหลายครา
ฉะนั้นเธอจึงลืมเรื่องที่สำคัญไป
เวินลั่วฉิงคิดว่าเธอได้กดวางสายของเย่ซือเฉินแล้ว แต่เห็นได้เด่นชัดว่ายังไม่ได้วาง เมื่อกี้เธอกดอย่างเร่งรีบหนึ่งครั้ง แต่กดไม่โดน
และฝ่ายเย่ซือเฉินก็ไม่ได้วางสายด้วย
ฉะนั้นมือถือยังอยู่ในระหว่างการสนทนาอยู่
และบทสนทนาระหว่างเธอกับไป๋ยี่รุ่ย อีกฝั่งหนึ่งของสาย คุณชายสามเย่นั้นได้ยินอย่างชัดเจน
“เวินลั่วฉิงคุณอยู่กับใคร?”เย่ซือเฉินส่งเสียงอันเย็นเยียบมาตามสาย เย็นมาก เย็นมาก เย็นถึงกระดูกและหัวใจ
เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงจากมือถือ มือที่กำโทรศัพท์ไว้สั่นเล็กน้อย ร่างกายก็แข็งทื่อด้วยจิตใต้สำนึก
ทำไมยังมีเสียงของเย่ซือเฉินอยู่ในโทรศัพท์อีก?
ยังไม่ได้วางสายจากเย่ซือเฉินอีกเหรอ?
“คุณอยู่กับไป๋ยี่รุ่ย”อีกฝั่งหนึ่งของสาย ดวงตาของเย่ซือเฉินลุ่มลึกลงไปเป็นชั้นๆ แผ่ซ่านความเย็นออกมา เขาได้ยินเสียงของไป๋ยี่รุ่ย ฉะนั้นจึงฟังออกทันที
ตอนที่อยู่บนรถครั้งก่อน ไป๋ยี่รุ่ยก็เรียกเธออย่างนี้ในสายโทรศัพท์
ฉิงฉิง?ครั้งก่อนก็เรียกสักสนิทสนมกลมเกลียวเช่นนี้แหละ
ฉะนั้น ตอนนี้เธออยู่กับไป๋ยี่รุ่ย เธอไม่ได้มาดูแลคุณปู่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน เพราะเธออยู่กับไป๋ยี่รุ่ยนี่เอง!!
ถ้าเช่นนั้นตอนแรกที่เธอวางสายของเขาทิ้งก็เพราะไป๋ยี่รุ่ย!!
หลังจากตอนเช้าเธอก็ไม่เคยมาที่โรงพยาบาลอีก เป็นเพราะอยู่กับไป๋ยี่รุ่ยตลอดตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้
เย่ซือเฉินดูเวลาก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว เธออยู่กับไป๋ยี่รุ่ยนานอย่างนี้เลยเหรอ?!
ฟังดูแล้วไป๋ยี่รุ่ยเหมือนกำลังเพิ่งตื่นนอน
ไป๋ยี่รุ่ยยังให้เธอรินน้ำให้?ให้เธอปอกแอปเปิ้ล เขากับเธอเป็นสามีภรรยากันมาสามเดือน เธอยังไม่เคยปอกให้เขากินเลย
เมื่อสักครู่เอ่ยว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่มีเรี่ยวแรงลงจากเตียง?ถ้าพูดตามนี้ ตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยกำลังอยู่บนเตียง?ฟังจากเสียงของไป๋ยี่รุ่ยแล้วราวกับเพิ่งตื่นนอนมาหมาดๆ ไป๋ยี่รุ่ยเพิ่งตื่นนอนหรือเปล่า?
แล้วเธอละ?!
ขณะที่ไป๋ยี่รุ่ยนอน เธอกำลังทำอะไรอยู่?!
ไป๋ยี่รุ่ยบอกว่าไม่มีแรงลงจากเตียง?ฟังคำนี้แล้วช่างบาดหูเหลือเกิน
บางเรื่อง ตอนนี้เขาคิดพร่ำเพรื่อไปเองไม่ได้
“ฉัน……”เวินลั่วฉิงได้ยินเย่ซือเฉินตะคอกเสียงต่ำ ตกตะลึง เพิ่งคิดจะตอบ
ไป๋ยี่รุ่ยที่อยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นกะทันหัน แต่เมื่อเขาขยับคงต้องกระทบกระเทือนถึงบาดแผลอย่างแน่นอน วินาทีต่อมาเขาขมวดคิ้วขึ้นจากสีหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วยิ่งดูแย่เข้าไปอีก ราวกับเจ็บปวดจวนจะสลบไปเสียอย่างนั้น
“คุณอย่าขยับไปเรื่อย……”เวินลั่วฉิงเห็นสภาพเขาก็สะดุ้งตกใจ
คุณหมอเคยบอกว่าอาการของเขาตอนนี้ไม่สามารถขยับกายได้เด็ดขาด เขาขยับอย่างนี้ หากไปฉีกโดนแผล ผลก็จะรุนแรงมากเลยทีเดียว พอถึงเวลานั้นไม่แน่อาจจะต้องผ่าตัดรอบที่สองก็เป็นได้
ไป๋ยี่รุ่ยจ้องมองเธอ มุมปากยกขึ้นราวกับอยากยิ้ม แต่ไม่ได้ยิ้มออกมา หน้าผากของเขามีเหงื่อไหล แม้แต่หายใจก็ลำบาก บัดนี้เขาหายใจหอบอึกใหญ่ราวกับใกล้จะสิ้นลมหายใจเสียอย่างนั้น
เวินลั่วฉิงตกตะลึงถึงขีดสุด และตกใจกับท่าทางของไป๋ยี่รุ่ย
“ฉันวางสายแล้ว”เวินลั่วฉิงเกรงว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ทันพูดอะไรมากก็วางสายทิ้ง
วางสายของเย่ซือเฉินทิ้ง!!
เห็นถูกเธอวางสายทิ้งอีกครั้ง ใบหน้าของเย่ซือเฉินก็มืดครึ้มราวกับสามารถมีฝนตกได้
เธอวางสายเขาอีกแล้ว!เป็นเพราะไป๋ยี่รุ่ยอีกแล้ว!
นึกถึงคำพูดสุดท้ายของเธอ‘คุณอย่าขยับมั่วๆ’กลางอกของเย่ซือเฉินก็มีเพลิงลุกขึ้นมา
อย่าขยับมั่วๆ สถานการณ์เช่นไรเธอถึงบอกกับไป๋ยี่รุ่ยว่าห้ามขยับ
เมื่อก่อนตอนที่เขากับเธอยังเป็นสามีภรรยากันอยู่นั้น ทุกคืนเขาจะตามตอแยเพื่อจะจูบเธอ หอมแก้มเธอ เธอก็จะจ้องมองเขา แล้วห้ามไม่ให้เขาขยับ
เธอจะโกรธทุกครั้งในเวลาเช่นนั้น แต่ยังมีน้ำเสียงของความตำหนิแบบเย้ายวนปนไว้โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว ทำให้เขายิ่งไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ทุกครั้ง
ตอนที่เธอพูดเช่นนี้กับไป๋ยี่รุ่ยอยู่ เขาฟังน้ำเสียงของเธอออกว่ามีความตกใจและกังวลใจอยู่
ตกใจอะไรกัน?ตกใจเขาอย่างนั้นหรือ?
กังวล?ก็คงกังวลว่าเขาจะรู้เรื่องเข้าให้ล่ะมั้ง?
และเมื่อสักครู่เขาได้ยินไป๋ยี่รุ่ยหายใจหอบและวุ่นวาย ร้อนใจ……
เรื่องบางเรื่อง จะจินตนาการไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ……
มือของเย่ซือเฉินที่กำมือถือเอาไว้ กำแน่นตลอดเวลาจนมือถือเกือบจะแปรเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
ทางฝั่งโรงพยาบาล เวินลั่วฉิงวางสายเสร็จก็รีบไปเรียกคุณหมอมา หลังจากที่คุณหมอตรวจอาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สีหน้าก็ยิ่งดูแย่ลง มองเวินลั่วฉิงพร้อมกับพูดด้วยความติเตียนว่า “ไม่ใช่เคยบอกคุณว่าให้ดูเขาดีๆไม่ใช่เหรอครับ อย่าให้เขาขยับตัว?ทำไมคุณถึงให้เขาลุกขึ้นได้?”
เวินลั่วฉิงเม้มปากไม่ได้พูดอะไร เมื่อสักครู่เป็นความบกพร่องของเธอเองจริงๆ
“คุณหมอ ไม่เกี่ยวกับเธอ”ไป๋ยี่รุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก
“อาการในตอนนี้ของคนไข้ยังไม่คงที่ ต้องการคนในบ้านดูแลดีๆ คุณเป็นภรรยาของเขาก็ต้องดูแลเขาดีๆ”สีหน้าของคุณหมอดีขึ้นมาบางส่วนแล้ว น้ำเสียงก็เช่นกัน
เวินลั่วฉิงได้ยินประโยคที่บอกว่าตนเป็นภรรยาก็หยุดชะงัก อยากอธิบายด้วยจิตใต้สำนึก
“ตอนนี้อาการคนไข้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ตลอดเวลา เมื่อสักครู่ขยับตัวจนบาดแผลฉีกขาดแล้ว หากบาดแผลติดเชื้อก็จะอันตรายมาก และยุ่งยากมาก ดังนั้นต่อไปคุณควรสังเกตและระวังให้ดีนะครับ”แต่ทว่าเวินลั่วฉิงยังคงไม่ได้เปิดปากพูด คุณหมอก็ชิงพูดก่อนแล้ว