ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 459 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 459 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (3)
บทที่ 459 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (3)
“ฮาๆ คุณฝันไปหรือเปล่า?อย่างคุณก็หลอกคุณชายสามเย่ได้ด้วยเหรอ?อย่าว่าหลอกคุณชายสามเย่เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความเกี่ยวข้องกับคุณชายสามเย่ได้เลย”เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อเธอ
“จริงๆ ฉันพูดความจริงนะ ฉันไม่ได้หลอกพวกคุณเลย ตอนนั้นวีดีโอบันทึกภาพอันนั้นไม่ใช่ฉันเป็นคนp แต่มีนักฝีมือเป็นคนp
ตอนนั้นคนของคุณชายสามเย่มาตรวจที่ร้านของฉัน แต่ไม่พบเบาะแสรั่วไหลเลย”ระดับเสียงของผู้หญิงดังกว่าเดิมหลายส่วน เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อเธอ จึงตบที่โต๊ะหนึ่งครั้ง“พวกคุณว่า พวกคุณบอกมาสิในเมืองAจะมีใครสักกี่คนที่ชาญฉลาดกว่าคุณชายสามเย่?จะมีสักกี่คนในเมืองAที่เก่งกาจกว่าคุณชายสามเย่ แต่ทว่าตอนนั้นวีดีโอบันทึกภาพที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้วก็สามารถหลอกคนของคุณชายสามเย่ได้……”
บัดนี้เธอพูดเสียงดังมาก พอดีกับไม่ได้ปิดประตูมิดชิด เสียงจึงถูกส่งออกไปด้านนอกได้อย่างชัดเจน
และพอดีกับเย่ซือเฉินที่เดินไปถึงนอกประตูได้ยินคำพูดของเธออย่างแจ่มชัด
คุณชายสามเย่ไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ด้านในห้อง แต่คุณชายสามเย่มั่นใจว่าคนที่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเคยหลอกนั้นต้องเป็นเขาแน่ๆ
ห้าปีก่อน?วีดีโอกล้องวงจรปิด?
ข้อมูลพวกนี้ทำให้คุณชายสามเย่นึกความเป็นไปได้ขึ้นมาบางอย่าง
คุณชายสามเย่หยุดเดินกะทันหัน
บังเอิญที่เลขาอู๋มาหาเย่ซือเฉินพลันได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่นี้ด้วย ซึ่งเขาต่างจากคุณชายสามเย่ เพราะเขาเป็นคนไปตรวจดูกล้องวงจรปิดในตอนนั้นเอง เขารู้จักผู้หญิงคนนั้น ฉะนั้นเลขาอู๋จึงพอคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดถึงอะไรอยู่
ชั่วขณะนั้น เลขาอู๋ก็ต้องตื่นตระหนกตกใจจนอ้าปากตาค้าง!!
ทันใดนั้นดวงตาของเย่ซือเฉินก็หรี่ขึ้นมา กวาดสายตามองเลขาอู๋แวบหนึ่ง “ถ้าผมทายไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คือเถ้าแก่เนี้ยร้านFairyland Club กล้องวงจรปิดที่เธอพูดถึงก็คือส่วนที่นายไปตรวจดูในตอนนั้น?”
“ท่านประธานครับ ผมจะไปตรวจทันทีครับ”เลขาหลิวรู้สึกเหงื่อชุ่มหน้า
“ไม่ต้องตรวจแล้ว”มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้นมายิ้มจางๆ เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องไม่มีหลักฐานของห้าปีก่อนอยู่พอดีเลย ไม่คาดฝันว่าหลักฐานจะลอยมาอยู่ในมือของเขาเร็วฉับพลันขณะนี้
ฟ้าเป็นใจให้เขาจริงๆ!!
สาเหตุที่คุณชายสามเย่บอกว่าไม่ต้องไปตรวจแล้วนั้น เพราะเขารู้ว่าเรื่องมันผ่านมาแล้วห้าปี คิดอยากจะตรวจก็คงไม่มีวี่แววอะไร
ฉะนั้นจึงไม่ต้องตรวจ
มีเถ้าแก่เนี้ยของFairyland Clubก็เพียงพอแล้ว
“พี่สามทำไมยืนอยู่ตรงนี้?”พวกจี้หซีเดินมาถึงพอดี รู้สึกแปลกใจที่เห็นเย่ซือเฉินยืนอยู่บนทางเดิน
เย่ซือเฉินหันไปมองคุณชายห้าฉิงแวบหนึ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างพิลึก ซึ่งชวนให้ผู้คนสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานก็มีตำรวจมาจับกุมตัวเถ้าแก่เนี้ยของFairyland Club
“พวกคุณจะทำอะไร?ทำอะไร?พวกคุณมาจับฉันทำไม?ฉันไม่ได้ทำผิดกฎหมายเสียหน่อย?”เถ้าแก่เนี้ยของFairyland Clubดื่มเยอะพอสมควร แต่ยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่ เห็นตำรวจมาจับเธอ เธอยังรู้จักต่อต้าน อธิบายความบริสุทธิ์ใจของตนเองได้อยู่
“ใช่แล้ว เมื่อกี้พวกผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมพวกคุณถึงมาจับ?”คนอื่นต่างอึ้งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ ใช่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราแค่มาดื่มเหล้า ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว?”เถ้าแก่เนี้ยของFairyland Clubรีบพยักหน้าเห็นด้วย
มีตำรวจนายหนึ่งมองเธอสักครู่ จากนั้นก็พูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า“พวกเราสงสัยว่าคุณร่วมกันก่อคดีฉ้อโกงในห้าปีก่อน จะพาตัวคุณไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจครับ”
ทันใดนั้น เถ้าแก่เนี้ยของFairyland Clubตกใจจนหายเมาไปเลย สุดท้ายก็ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจจนได้
แน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญยังอยู่ตอนท้ายต่อจากนี้
ประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องที่คุณชายสามเย่จะทำต่อจากนี้……
ไป๋ยี่รุ่ยฟื้นขึ้นมา ในที่สุดก็พ้นขีดอันตรายเสียที เวินลั่วฉิงจึงรู้สึกโล่งอกได้บางแล้ว
“คุณหมอบอกว่าอาการของคุณเข้าที่แล้ว ฉันกลับไปก่อนแล้ว”เวินลั่วฉิงนึกถึงหลายวันมานี้ตนอยู่ในห้องคนไข้ของไป๋ยี่รุ่ยมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณปู่จะเป็นยังไงบ้างแล้ว?
โชคดีที่ยังมีคุณย่าเหอคอยดูแลคุณปู่ ไม่เช่นนั้นเธอไม่วางใจจริงๆ
ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะโทรหาคุณปู่เวินทุกวัน แต่เวินลั่วฉิงรู้ดีว่า คุณปู่เวินจะบอกแต่เรื่องดีๆไม่เคยเล่าเรื่องร้ายให้ฟังเลย
“คุณจะไป?”สีหน้าของไป๋ยี่รุ่ยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเพิ่มความตึงเครียดขึ้นมาหลายส่วน ระหว่างที่พูดก็พลางลุกขึ้นมานั่งด้วย
“คุณอย่าขยับไปเรื่อยสิ”เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว พลางห้ามปรามเข้าด้วยเสียงต่ำๆ
ไป๋ยี่รุ่ยเห็นเธอไม่พึงพอใจ จึงนอนกลับไปอย่างเชื่อฟัง
“ฉิงฉิง ถ้าคุณไปแล้วก็ไม่มีคนดูแลผมสิ คุณทำใจทิ้งผมไว้คนเดียวได้เหรอ?”ไป๋ยี่รุ่ยนอนอยู่บนเตียง มองเธอด้วยสายตาน่าสงสาร
“ฉันจะไปดูแลคุณปู่ คุณโทรไปบอกให้คนอื่นมาดูแลคุณสิ”ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่รุ่ยนอนสลบมาตลอด เธอจึงติดต่อคนของเขาไม่ได้ และอาการของเขาในตอนแรกก็อันตรายมาก ดังนั้นเธอจึงได้แต่เฝ้าอยู่ตรงนี้
ตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยฟื้นขึ้นมาแล้วและได้พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตอนนี้เขาสามารถติดต่อหาคนมาดูแลเขาได้แล้ว
ไป๋ยี่ร่ยยังมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง สามารถมาดูแลเขาได้ และเขาก็ติดต่อกับคนในบริษัทของเขาได้ด้วย
“ฉิงฉิง คุณหมายถึงผมฟื้นแล้ว คุณก็ไม่สนใจผมแล้ว แล้วต่อไปคุณก็ไม่สนใจผมแล้วเหรอ?”ไป๋ยี่รุ่ยได้ยินคำพูดของเธอสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว เขาฟังความหมายของเธอออก แต่เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเธอจะทำเช่นนี้กับเขา
เวินลั่วฉิงเม้มปากไม่ได้พูดอะไรอีก พูดตามจริงเธอคิดว่าหลังจากออกไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีก
“ฉิงฉิง คุณรับปากผมแล้ว คุณรับปากผมว่าหากผมมีชีวิตรอด คุณจะแต่งงานกับผม”ไป๋ยี่รุ่ยนึกถึงก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด เธอไม่ได้ปฏิเสธเขา เขาจึงคิดว่าเธอรับปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอน เขาก็รู้ว่าตอนนั้นเขาใช้อาการบาดเจ็บของตนบีบคั้นเธอให้รับปาก ซึ่งไม่ใช่คุณธรรมที่ดีนัก แต่ทว่าสำหรับเรื่องความรัก หากมั่วยึดติดกับเรื่องพวกนี้อยู่ อาจจะทำให้สูญเสียไปชั่วนิรันดร์
ฉะนั้นเขาไม่รู้สึกว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของเขานั้นผิดแต่อย่างใด
“ไป๋ยี่รุ่ยฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณ ระหว่างเรามันจบไปตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว เป็นไปไม่ได้แล้ว”
เวินลั่วฉิงรู้ว่าพูดลักษณะนี้ในเวลานี้มันโหดร้ายเกินไปหน่อย แต่เธอยิ่งไม่อาจให้ไป๋ยี่รุ่ยเข้าใจผิดอยู่อย่างนี้
หกปีให้หลังของวันนี้มีหลายๆเรื่องได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เธอเคยแต่งงานกับเย่ซือเฉิน เธอยังมีลูกอีกสองคน ยิ่งไปกว่านั้นลูกสองคนนั้นก็เป็นของเย่ซือเฉิน เมื่อเวินลั่วฉิงนึกขึ้นได้ว่าลูกสองคนของเธอเป็นลูกของเย่ซือเฉิน เธอก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
ตอนนี้เรื่องของเย่ซือเฉินก็เพียงพอให้เธอปวดหัวแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพลังกำลังมากพอที่จะไปรับมือกับเรื่องอื่นอีกต่อไป
บางครั้งเวลาที่คุณชายสามเย่บ้าคลั่งขึ้นมา เขาจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอรู้สึกว่าบางครั้งการกระทำของคุณชายสามเย่นั้นไปในทาง‘สติฟั่นเฟือน’เล็กน้อย
แน่นอน เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าในสายตาเธอที่คุณชายสามเย่เป็นคน‘สติฟั่นเฟือน’นั้นกำลังวางแผนการใหญ่อยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นแผนใหญ่ที่จะจู่โจมเธอนั่นเอง