ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 492 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 492 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (2)
บทที่ 492 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (2)
คุณปู่เย่คิดถึงตำแหน่งฐานะของตระกูลถัง ผู้คนที่ท่านย่าถังรู้จักต่างมีทั้งฐานะและอำนาจ ถ้าหากได้เกี่ยวดองกับตระกูลที่มีทั้งฐานะและอำนาจ ในอนาคตจะเป็นประโยชน์กับเย่ซือเฉินและตระกูลเย่
“ได้สิ ฉันต้องช่วยพวกคุณอย่างใส่ใจแน่นอน” เสียงของท่านย่าถังตอนนี้พยายามให้เหมือนปกติอย่างสุดความสามารถ แต่กลับกัดฟันกรอดตอนที่พูด
เย่ซือเฉินพึ่งจะหย่าได้ไม่นาน คุณปู่เย่ก็รีบร้อนให้เย่ซือเฉินแต่งงานใหม่?
รังแกฉิงฉิงไม่พอ ยังจะให้เธอช่วยหาผู้หญิงแนะนำให้เย่ซือเฉินอีก?
คุณปู่เย่ก็ช่างคิดเสียจริง
แม้ว่าฉิงฉิงจะไม่ใช่ลูกหลานตระกูลถังของพวกเขา แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครมารังแกฉิงฉิง เธอทนฟังคนอื่นพูดถึงฉิงฉิงในทางไม่ดีไม่ได้
ท่านย่าถังพูดจบก็วางสายโทรศัพท์
“น่าโมโห น่าโมโหจริงๆ” ท่านย่าถังวางสายแล้ว ก็ไม่ทนอีกต่อไป: “พวกเขาตระกูลเย่ช่างรังแกคนเก่งจริงๆ คุณปู่เย่นั่นก็ช่างปากปลาร้าเสียจริง”
ขณะนั้นท่านย่าถังสีหน้าโกรธจัด: “ไม่ได้ เรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งไม่ได้ ฉันจะให้พวกเขาตระกูลเย่รังแกฉิงฉิงแบบนี้ไม่ได้”
“คุณจะยุ่งอย่างไรได้? คุณจะเอาสถานะอะไรไปยุ่ง? คุณชอบฉิงฉิง ฉิงฉิงก็เป็นลูกหลานของบ้านอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราตระกูลถัง ถ้าคุณไปยุ่งเรื่องนี้ก็พูดได้ไม่เต็มปาก” ท่านปู่ถังถอนหายใจเบาๆ : “เรื่องนี้พวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งตั้งแต่แรก”
เขาก็ชอบฉิงฉิงแล้วก็ไม่อยากให้ฉิงฉิงถูกรังแก แต่ที่สำคัญคือเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลถังเลย ถ้าตระกูลถังเข้าไปยุ่งก็จะเป็นที่นินทาของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
คุณปู่เย่เป็นคนไม่มีเหตุผลคนหนึ่ง บางครั้งถึงกับเอาตนเป็นที่ตั้งไร้เหตุผลอย่างถึงที่สุด เรื่องอะไรคุณปู่เย่ก็สามารถลงมือทำได้ทุกอย่าง
“ฉันอยากให้ฉิงฉิงมาเป็นสะใภ้แต่งงานกับถังหลิน แต่ฉิงฉิงไม่เห็นด้วย ถังหลินก็ไม่เห็นด้วย” ท่านย่าถังเองก็เข้าใจความหมายของท่านปู่ถัง ดังนั้นในใจจึงยิ่งขัดเคือง
“เรื่องของเด็กๆ คุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว ฉิงฉิงเป็นเด็กฉลาดและเก่งกาจ ไม่ถูกรังแกง่ายๆ อย่างนั้นหรอก” ท่านปู่ถังกลับคิดแบบนี้ ตระกูลเย่อยากรังแกฉิงฉิงคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
“หรือว่า พวกเรารับฉิงฉิงเป็นหลานบุญธรรมไหม? แบบนี้ถ้าคนอื่นรังแกฉิงฉิง ฉันจะได้มิสิทธิ์ออกหน้าแทนฉิงฉิงได้เต็มที่”
ถังหลินที่กำลังลงจากชั้นบนมาได้ยินที่ท่านย่าถังพูดพอดี มุมปากเขายกขึ้นอย่างอดไม่ไหว อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นน่าอัศจรรย์จริงๆ
ท่านย่าถังไม่รู้ฐานะของฉิงฉิง แต่เจอหน้ากันครั้งแรกก็ชอบฉิงฉิงมากเสียขนาดนี้แล้ว
ถ้าให้ท่านย่าถังรู้ว่าฉิงฉิงเป็นหลานสาวแท้ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะชอบใจขนาดไหน
“ท่านย่า ผมคิดว่าท่านย่าอยู่บ้านคงว่างเกินไป ทำไมถึงต้องออกหน้าให้ฉิงฉิง ผมว่าท่านย่าแค่อยากมีเรื่องด้วย” ถังหลินยิ้มบางเดินลงบันได
“จะไปไหนก็ไป รีบไปสิ” ท่านย่าถังถลึงตาใส่เขา ท่าทางดูเหมือนโมโหมาก เห็นได้ชัดว่าที่ถังหลินพูดนั้นแทงใจ
“ท่านย่า ตอนผมกลับมา ต้องเอาเซอร์ไพรส์ใหญ่มาให้ท่านย่ากับท่านปู่ด้วยแน่นอน รับรองว่าต่อไปแต่ละวันของพวกท่านจะไม่น่าเบื่ออีกแน่นอน” ถังหลินคิด ถ้ารับเด็กทั้งสองคนกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นในบ้านต้องครึกครื้นมากแน่นอน
“ชิ หลานจะเอาเซอร์ไพรส์อะไรกลับมาด้วยได้? หลานรีบๆ หาสะใภ้กลับมาด้วยก็ดีแล้ว” แต่ท่านย่าถังไม่เชื่อเขาอย่างสิ้นเชิง
ถังหลินไม่ได้อธิบายอะไรอีก อีกไม่นาน เรื่องนี้ก็จะได้เปิดเผยแล้ว ถึงตอนนั้นคนแก่ทั้งสองก็จะได้ทราบแล้ว
อีกด้านหนึ่ง เวินลั่วฉิงพลิกอ่านข้อมูลที่ถังหยุนเฉิงให้เธออย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็อ่านจบแล้ว
เนื่องจากเรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป ดังนั้นจึงมีรายงานและบทวิเคราะห์ต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่เนื้อหาก็จะเป็นแบบนี้
ตอนแรก ถังหยุนเฉิงใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะอ่านข้อมูลพวกนั้นจบ
แต่ข้อมูลพวกนั้น เวินลั่วฉิงกลับไม่ปรายตาอ่านเลย รายงานพวกนั้นล้วนเป็นการวิเคราะห์ของทางการ ไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอเลย
เวินลั่วฉิงดูเพียงภาพถ่ายและข้อมูลของสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงรายงานการชันสูตรพลิกศพ
ไม่ถึงสองชั่วโมง เวินลั่วฉิงก็ออกมาจากห้องเก็บข้อมูล
“อ่านจนเหนื่อยแล้ว? งั้นก็พักก่อน” ถังหยุนเฉิงคิดว่าเธอคงอ่านจนเหนื่อย ย้ำให้คนช่วยชงชามาให้เธอ ให้เธอพักก่อนสักครู่
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอ่านจบแล้ว ขอตัวกลับก่อน” เวินลั่วฉิงตะโกนหยุดทหารที่กำลังจะไปชงชา
“อะไรนะ? เธอ? เธออ่านจบแล้ว?” ถังหยุนเฉิงประหลาดใจ ข้อมูลเยอะขนาดนั้น เธออ่านจบแล้ว?
เป็นไปได้อย่างไร?
“อืม ฉันอ่านแค่จุดสำคัญน่ะ ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวกลับไปนอนพักก่อน” เวินลั่วฉิงถือว่านี่คือคำอธิบายแล้ว จากนั้นก็จากไปโดยไม่รอให้ถังหยุนเฉิงพูดอะไรอีก
ถังหยุนเฉิงมองตามหลังเธอ แอบลอบถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะเบาๆ โชคดีที่เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเด็กคนนี้
คดีที่พวกเขาไขไม่ได้อยู่นาน เขาเองก็ไม่สามารถไปลำบากเด็กคนหนึ่งได้
เมื่อเวินลั่วฉิงกลับมาถึงบ้านสวน เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้อยู่ที่บ้าน เวินลั่วฉิงจึงกลับไปที่ห้อง จากนั้นจึงต่อสายโทรหาถังหลิน
“มีอะไร?” ถังหลินในขณะนั้นกำลังจะขึ้นเครื่องบิน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อรับสายเธอ
“ปัญหาแก้ไขยาก จัดการยากมาก” สีหน้าเวินลั่วฉิงในตอนนี้เคร่งขรึมเล็กน้อย น้ำเสียงก็กดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
ถังหลินรู้อยู่แล้วว่าคดีนี้ยาก แต่เขาคาดหวังกับเธอไว้มาก ตอนนี้ได้ยินเธอพูดแบบนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหนักใจ
“แล้วฉันรู้สึกว่าข้อมูลฝั่งนี้ไม่ครบ” ตอนที่เวินลั่วฉิงพูด ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยและเย็นชามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ข้อมูลไม่ครบ? หมายความว่าอย่างไร? เธอจะบอกว่าคนของตระกูลกู้จงใจลบข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีไป? ต่อให้พวกเขากล้าแต่ก็ไม่น่าจะกล้าทำถึงขนาดนี้มั้ง?” ถังหลินได้ยินเวินลั่วฉิงพูดแบบนั้น แววตาทั้งสองข้างก็เปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ
“ไม่น่าจะใช่ตระกูลกู้ แต่ไม่ได้รับมาจากเบื้องบนตั้งแต่แรก” นี่เป็นผลที่เวินลั่วฉิงวิเคราะห์ออกมาได้
“เบื้องบน? เธอพูดถึงเบื้องบนคนนั้น? ถ้าเขาต้องการช่วยเหลือตระกูลกู้ ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องใช้วิธีนี้ช่วย ถ้าเรื่องนี้ถูกตรวจพบ ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงมาก ข้อมูลพวกนั้นสำคัญมากไหม?” ถังหลินรู้สึกราวกับว่าเรื่องยิ่งแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ
“สำหรับฉันก็สำคัญมาก แต่ถ้ามองในมุมคนนอกเป็นไปได้ว่าข้อมูลพวกนั้นสามารถแยกจากคดีนี้ได้ ดังนั้น ฉันเลยไม่รู้ว่าเบื้องบนคนนั้นจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจ” คำพูดของเวินลั่วฉิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสริม: “แต่ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้คิดอยากจะเห็นข้อมูลพวกนั้นก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้น