ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 493 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 493 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (3)
บทที่ 493 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (3)
ถ้าหากว่าเป็นการจงใจ ต้องเอาข้อมูลออกมาไม่ได้ง่ายๆ แน่ แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เบื้องบนคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบกับความประมาทนี้
แววตาถังหลินวาววับขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของถังหลินก็ได้รับข้อความข้อความหนึ่ง
เมื่ออ่านเนื้อหาของข้อความนั้นแล้ว ถังหลินก็หรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว
“เรื่องที่คุณไปช่วยพ่อผมสะสางคดี ตระกูลกู้รู้เรื่องแล้ว” หลังจากนั้นถังหลินก็บอกเนื้อหาข้อความที่ได้รับกับเวินลั่วฉิงทันที
“ข่าวไวมาก ได้ข่าวเร็วขนาดนี้ ก็อธิบายปัญหาได้อย่างเดียวว่าเป็นฝั่งนี้มีคนของตระกูลกู้” มุมปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย ตระกูลกู้ก็ช่างแทรกซึมไปได้ทุกที่จริงๆ
“แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไร?” ถังหลินเองก็คิดถึงตรงจุดนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีปัญหามากมายขนาดนี้ ตอนนี้ข้อมูลก็ไม่ครบ คนของตระกูลกู้ก็รู้ถึงฐานะของเธอแล้วต้องหาเรื่องก่อกวนแน่นอน เกรงว่าต่อไปจะยุ่งยากมากขึ้น
ตอนนี้ก็เหลือเวลาทั้งหมดไม่กี่วันแล้ว
“ตอนนี้ตระกูลกู้จับตาดูอยู่ ดังนั้นพวกเราสองวันนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” เวินลั่วฉิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ
คดีนี้เป็นคดีที่ไขยากที่สุดตั้งแต่ที่เธอเคยทำคดีมา
เดิมคดีก็ยากอยู่แล้ว ทั้งเวลาก็ผ่านมานานแล้ว ข้อมูลก็ไม่ครบ พูดตามตรงตอนนี้เธอเองก็ยังหมดหนทาง
ดังคำพูดที่ว่าต่อให้จะเก่งสักแค่ไหนถ้าขาดปัจจัยสำคัญก็ยากที่จะทำให้สำเร็จได้
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น?” ถังหลินเอ่ยเสียงเบา: “อีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดที่บุคคลนั้นกำหนดไว้แล้ว”
“เรื่องแบบนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ยิ่งรีบยิ่งยุ่ง รีบไปก็แก้ปัญหาไม่ได้” เวินลั่วฉิงเข้าใจความรู้สึกของถังหลิน แต่ตอนนี้รีบไปก็เปล่าประโยชน์
“ก็ได้ หรือผมจะไม่ไปรับเด็กทั้งคู่แล้วอยู่ช่วยคุณดี” เรื่องมีลำดับความสำคัญ แม้เขาอยากเจอเด็กทั้งคู่ตอนนี้เลย ก็ไม่อาจผลักความยุ่งยากตอนนี้ไปให้เวินลั่วฉิงทั้งหมด
“ไม่ต้อง บอกแล้วไงว่าสองวันนี้จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น คุณไปรับพวกเขาเถอะ ถ้าหากมีเรื่องอะไรจริงๆ ฉันจะให้เย่ซือเฉินช่วย ตอนนี้เย่ซือเฉินสะดวกกว่าคุณมาก” เวินลั่วฉิงนัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา เธอคิดว่าไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะตัดสินใจรับเด็กทั้งสองกลับมา ถ้าล่าช้าไปอีกสองสามวัน เธอกลัวว่าตนเองจะเสียใจภายหลัง
“ก็ได้ มีเรื่องอะไรคุณไปหาเย่ซือเฉินเลย ตอนนี้คุณคุยกับเย่ซือเฉินได้ผลกว่าผม” อารมณ์ขุ่นมัวของถังหลินดีขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฉิงฉิงจะไว้วางใจเย่ซือเฉินมาก ทั้งยังมีการพึ่งพากันด้วย
หรือว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ของทั้งคู่
เวินลั่วฉิงมีหรือที่จะไม่เข้าใจความหมายของถังหลิน มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่เวินลั่วฉิงวางสายถังหลินแล้ว ก็มีสายโทรเข้าจากเย่ซือเฉิน
เวินลั่วฉิงชะงักไปก่อนจะรับสาย
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” เย่ซือเฉินงุนงงเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายโทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีเลย จัดการได้ยากมาก” เวินลั่งฉิงไม่ปิดบังเขา แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของตระกูลถัง เรียกได้ว่าเป็นคดีลับเลยก็ว่าได้ แต่เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังเย่ซือเฉิน
“ให้ผมช่วยไหม?” เย่ซือเฉินนัยน์ตาแวววาวขึ้นทันที น้ำเสียงแบบนี้ของเธอทำให้เขาปวดใจ ทั้งยังมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง
“อือ” เดิมเวินลั่วฉิงคิดว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็จะให้เขาช่วย ดังนั้นจึงตอบตกลงอย่างดูเป็นธรรมชาติ
แต่อีกฝั่งของโทรศัพท์ เย่ซือเฉินกลับชะงักไป นี่เธอยอมให้เขาช่วยเธอ
นี่เธอไม่รีบตัดความสัมพันธ์กับเขาแล้ว
ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าอยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนไป ท่าทีที่มีต่อเขาก็เหมือนจะเปลี่ยนไปมาก
เธอไม่ขับไล่เขาเหมือนเมื่อก่อน ไม่หลบเลี่ยงเขาแล้ว
“ฉิ้นเอ๋อ เธอกลับมาแล้วเหรอ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวที่กลับมาตอนนี้พอดี เห็นประตูห้องไม่ได้ล็อก จึงรู้ว่าเวินลั่วฉิงกลับมาแล้ว เพราะว่าถังหยุนเฉิงไม่มีทางที่จะกลับมาเวลานี้แน่นอน
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว” เวินลั่วฉิงรีบตอบกลับไป
“ฉิ้นเอ๋อ?” เสียงของเฟิ่งเหมียวเหมียวเมื่อกี้ค่อนข้างดัง เย่ซือเฉินก็เลยได้ยิน
“ถังฉิ้นเอ๋อ” เวินลั่วฉิงลดเสียงลงพูดชื่อชื่อหนึ่ง
“ทำไมถึงเป็นสกุลถัง?” เย่ซือเฉินเข้าใจในทันทีว่าน่าจะเป็นชื่อชั่วคราวของเธอ เพียงแค่ที่เป็นสกุลถังนั้น เขาไม่พอใจเล็กน้อย
“สกุลถังไม่ดีเหรอ? เป็นคนตระกูลเดียวกับถังหลิน คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะโดนเขาหลอกอยู่ทุกวัน” เวินลั่วฉิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ตอบกลับไปอย่างทีเล่นทีจริง
เย่ซือเฉิน: “……”
คำพูดเธอในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร?
นี่เธออธิบายกับเขาว่าเธอไม่มีทางชอบถังหลิน? ให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล?
เขาว่าสะใภ้ของตระกูลเขาก็ช่างคิดจริงๆ
“คุณ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” แต่เธอที่เป็นแบบนี้ทำให้เย่ซือเฉินรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง ทั้งยังรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“ฉันมีธุระ กำลังยุ่งอยู่ วางสายก่อน” เวินลั่วฉิงยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ เพราะเฟิ่งเหมียวเหมียวเข้ามาเธอเลยต้องวางสายก่อน
เย่ซือเฉินมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปอย่างเหม่อลอยอยู่นาน
“ฉิ้นเอ๋อ นี่ผลไม้ที่ฉันพึ่งซื้อมาให้เธอ ลองชิมดูว่าอร่อยไหม” เฟิ่งเหมียวเหมียวเดินมาถึงหน้าเวินลั่วฉิงแล้วเอาผลไม้ในมือวางลงตรงหน้าเวินลั่วฉิง
“ค่ะ” เวินลั่วฉิงตอบกลับเสียงเบา มองไปทางเธอแล้วยิ้ม
“ตอนแรกฉันยังคิดว่าจะเอาผลไม้ส่งไปให้เธอ ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาแล้ว พอดีเลย ไม่อย่างนั้นฉันส่งผลไม้ไป ไม่แน่อาจมีบางคนไม่ชอบใจก็ได้” บางคนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดถึงก็คือถังหยุนเฉิงนั่นเอง
ถังหยุนเฉิงทำอะไรเข้มงวดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สำนักงานของเขาเฟิ่งเหมียวเหมียวใช่ว่าจะเข้าไปตอนไหนก็ได้
“เรื่องของพวกเขาผู้ชาย ก็ให้พวกเขาผู้ชายทุกข์ใจไป เธอไม่ต้องรีบร้อน อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อย” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกว่าคดีนั้น พวกเขาผู้ชายหลายคนยังไขคดีไม่ได้ ดังนั้นจะมาลำบากผู้หญิงคนเดียวก็ไม่ได้ พูดอีกอย่างคือไม่ได้คาดหวังอะไรว่าเวินลั่วฉิงจะไขคดีได้
“ค่ะ ฉันไม่รีบ ฉันแค่เหนื่อยๆ เลยกลับมาพัก” ได้ยินที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูด เวินลั่วฉิงก็รู้สึกอบอุ่นใจ เธอรู้ว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นเป็นห่วงเธอจริงๆ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเธอทานผลไม้เสร็จแล้วก็พักผ่อนเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว” เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินเธอพูดแบบนี้จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ต่อมาเวินลั่วฉิงจึงอยู่แต่ในห้อง หลับยาวจนถึงเวลามื้อเย็น เมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็นเฟิ่งเหมียวเหมียวก็มาตะโกนเรียกเธอไปทานข้าวเธอก็ยังไม่ได้ไป
เวินลั่วฉิงหลับยาวจนถึงสิบเอ็ดโมงกว่าของวันต่อมา ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพราวกับกำลังตื่น
ในตอนนั้นเองถังหยุนเฉิงก็กำลังกลับมาพอดี เมื่อเห็นสภาพของเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉิ้นเอ๋อ เธอตื่นแล้วเหรอ ข้าวเช้าเธอก็ยังไม่ได้ทานต้องหิวแน่เลย ฉันจะไปทำกับข้าวให้เธอ” ในตอนนั้นเองเฟิ่งเหมียวเหมียวที่กำลังอยู่ในห้องครัวเห็นแค่เวินลั่วฉิงที่ออกมาจากห้อง ไม่เห็นคนที่พึ่งเข้ามาอย่างถังหยุนเฉิง