ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 535 สถานะของเธอถูกเปิดเผย ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว (13)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 535 สถานะของเธอถูกเปิดเผย ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว (13)
บทที่ 534 สถานะของเธอถูกเปิดเผย ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว (12)
“อืม ไม่เยอะ มีเพียงเพื่อนคุณตากับคุณลุงไม่กี่คน”เวินลั่วฉิงคิดว่ายังเป็นดังที่วางแผนก่อนหน้านี้
“หา?ออ”หลันล๋านรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นไรกันแน่ เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ฉะนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
ตอนที่ทั้งสองคนกลับเข้าบ้านตระกูลถังก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
“พี่ฉิ้นเอ๋อ พวกเราเข้าประตูหลังไปชั้นสองก่อนนะ ฉันจะเติมแป้งและจัดแต่งให้พี่อีกครั้งหนึ่ง น้าเฟิ่งบอกว่าวางเครื่องประดับไว้ในห้องแล้ว”หลังจากเข้าบ้านตระกูลถังแล้ว ทั้งสองไม่ได้ไปที่ห้องโถง หลันล๋านดึงเธอเข้าทางประตูหลัง
ท่านย่าถังเป็นคนเก็บกวาดห้องให้เวินลั่วฉิงกับมือ
โต๊ะเครื่องแป้งในห้องวางเครื่องประดับไว้หลายชุด เดิมทีควรไปเลือกที่ร้าน แต่เพราะมีเวลาน้อย เฟิ่งเหมียวเหมียวจึงให้คนส่งมาที่บ้านหลายชุด ซึ่งแต่ละชุดล้วนมีราคาไม่ธรรมดากันเลยทีเดียว
“พี่ฉิ้นเอ๋อ เลือกชุดนี้สิ เหมาะกับชุดของพี่มากเลย”หลันล๋านเลือกมาหนึ่งชุด เธอมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบและมิกซ์แอนด์แมทช์เป็นพิเศษ
“ได้”เวินลั่วเฉินไม่ได้ขัดแย้งประการใด อันที่จริงเธอก็ถูกใจชุดนี้ตั้งแต่แวบแรกแล้วเหมือนกัน
“พี่ฉิ้นเอ๋อ ฉันว่าพี่ไม่ต้องลงไปแล้ว ดูพี่ในตอนนี้สิ คาดว่าหากลงไปแล้วหนุ่มๆทั้งหลายต้องสลบแน่ๆ สลบเพราะถูกความงามของพี่ฉิ้นเอ๋อเข้าปะทะดวงตา”เวินลั่วฉิงใส่เครื่องประดับเสร็จ สายตาหลันล๋านฉายแววตกตะลึงในความงามอย่างควบคุมไม่ได้ เธอรู้สึกว่าตนไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่นิด
“จะมีหนุ่มๆเยอะแยะได้ไง เหมือนจะมีแค่เพื่อนของถังหลิน น่าจะมีไม่มากนัก”เพราะเวินลั่วฉิงเดินเข้ามาทางประตูหลัง ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าบรรยากาศภายในงานว่าเป็นอย่างไร
“ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่ากลุ่มพวกเขาคงไม่มากันหมดหรอก”ขณะที่เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ ดวงตาก็กะพริบถี่ๆ ถึงแม้คุณยายสั่งไม่ให้เชิญคนบ้านตระกูลเย่ แต่ถังหลินต้องแจ้งให้เย่ซือเฉินทราบแน่ๆ
เวินลั่วฉิงเม้มปาก ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินจะมาหรือไม่?!
บัดนี้หลันล๋านมองเวินลั่วฉิง จึงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเธอ ซึ่งหลันล๋านรู้สึกว่าเป็นอารมณ์การรอคอยแบบตั้งความหวัง รอคอยอะไร?
เธอจะหวังให้ใครมานะ?
“ฉันโทรไปถามเสี่ยวชีดูก่อน เรื่องนี้เสี่ยวชีรู้ดีที่สุด”หลันล๋านยิ้ม จากนั้นก็เอามือถือออกมาโทรหาเสี่ยวชีทันที
เวินลั่วฉิงนั่งฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้หลันล๋านอยู่ห่างเธอได้ระยะหนึ่ง เธอจึงไม่ได้ยินเสียงของฝ่ายตรงข้าม
เวินลั่วฉิงได้ยินแต่เพียงหลันล๋านตอบรับ ออ หนึ่งคำ ไม่ได้ยินเนื้อหาที่ได้ใจความมากนัก
ไม่นานหลันล๋านก็วางสาย เดินเข้ามาแล้วรีบพูดขึ้นมาว่า“เสี่ยวชีบอกว่าพี่สองโจ๋วไม่มา เพราะมีเคสผ่าตัด พี่พี่สี่จี้ก็ไม่มา บอกว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนแฟนสาว พี่สามเย่ก็ไม่มา พี่ใหญ่ถังหลินยังเชิญพี่สามเย่โดยเฉพาะ แต่พี่สามเย่บอกว่าไม่อยากมา บอกว่าใครอยากไปก็ไปเอง คุณชายสามเย่มีนิสัยอย่างนี้มาตลอด ไม่แปลกอะไร ดังนั้นคืนนี้มีเพียงพี่ห้าฉิงกับเสี่ยวชีมา”
อันที่จริงหลันล๋านกล่าวมาเพียงแค่หกคนเท่านั้น ยังขาดอีกคน ซึ่งก็คือหลันลิ่วช่าวหลันเหยียนเฟิง แต่หลันล๋านไม่พูดถึงโดยปริยาย เพราะคนนี้อยู่ต่างประเทศไม่อาจมาร่วมงานได้อยู่แล้ว
ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบแวววาวอย่างเร็ว เย่ซือเฉินบอกว่าไม่อยากมา?ยังบอกว่าใครอยากมาก็มาเอง?
“พี่ฉิ้นเอ๋ออยากให้ใครมาคะ?พี่สี่จี้มีแฟนแล้ว ต้องไม่ใช่พี่สี่จี้แน่ๆ ถ้างั้นก็เป็นพี่สองโจ๋ว?กับพี่สามเย่?”หลันล๋านมองเธอด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ เธอคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
“ฉิ้นเอ๋อ เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”เวลานี้เฟิ่งเหมียวเหมียวผลักประตูเดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นเวินลั่วฉิงก็ต้องอ้าปากตาค้าง “โอ้โห
ฉิ้นเอ๋อของป้าสวยจริงๆ”
“อืม อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าสวยสะเทือนฟ้า”หลันล๋านรีบเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค
“ใช่ สวยสะเทือนฟ้าจริงๆ”เฟิ่งเหมียวเหมียวหยุดชะงัก ทันใดนั้นเธอนึกถึงปัญหารุนแรงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ตอนนี้ด้านล่างมีคนเยอะแยะ เดี๋ยวลงไปหนุ่มๆทั้งหลายจะ……
เฟิ่งเหมียวเหมียวอดกังวลใจไม่ได้
“เสร็จหรือยัง?”เวลานี้ท่านปู่ถังก็เดินขึ้นมาชั้นบน เขาจะมาพาเวินลั่วฉิงลงไปด้วยตัวเอง
ท่านปู่ถังเห็นเวินลั่วฉิงก็หยุดชะงักไม่ได้ จากนั้นก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่พึงพอใจและแฝงความลำพองใจหลายส่วน
บัดนี้มุมหนึ่งในห้องโถงชั้นล่าง
“เฮียหลิวก็มาด้วยเหรอ ทำไมเหรอ?ตระกูลหลิวของพวกคุณก็จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลถังด้วยเหรอ?ช่วงก่อนไม่ใช่ได้ยินว่าตระกูลหลิวของพวกคุณแต่งงานสานสัมพันธ์กับตระกูลกู้ไม่ใช่เหรอ?”
“ผมแค่มาดูสีสันก็เท่านั้นเอง ได้ยินว่าหลานสาวตระกูลถังขี้เหร่จนไม่อาจพบปะผู้คนได้ ออกจากบ้านยังใส่แว่น ใส่แมสไว้ ไม่รู้ว่าขี้เหร่ถึงขั้นไหน”หลิวหลินมองคนนั้นแวบหนึ่งอย่างลอยหน้าลอยตา อีกทั้งยังเจือความเย้ยหยันไว้อีกด้วย
“คิกคิก คุณรู้ว่าขี้เหร่ แต่ก็ยังมานิ”คนนั้นยิ้มจางๆ กวาดสายตามองคนในงานอย่างรวดเร็ว“ดังนั้น ถึงแม้เธอจะขี้เหร่ คนที่อยู่ในงานหากยังโสดอยู่ก็อยากแต่งงานกับเธอด้วยกันทั้งนั้น ประการแรก เธอเป็นสมาชิกครอบครัวถัง ใครไม่รู้บารมีของตระกูลถังในตอนนี้กัน?แต่งงานกับเธอก็เท่ากับก้าวเดียวถึงฟ้า เฟื่องฟูขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว ประการที่สอง เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาด้านอาชญากรรม ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งปิดคดีที่ยืดเยื้องมาเป็นเวลาสามปี ก่อนหน้านี้แปดตระกูลใหญ่ยังไม่มีฝีมือต่อต้านเลย เชิญมืออาชีพมาก็ไร้ประโยชน์ แต่เธอเพิ่งมาไม่กี่วันก็ปิดคดีได้แล้ว ไม่ใช่คนธรรมดาจะมีความสามารถอย่างนี้ได้นะ”
“ใช่ เพราะครั้งนี้ปิดคดีได้ ถังหยุนเฉิงจึงสร้างผลงานชิ้นใหญ่ ถังหลินยิ่งมีความสามารถที่ซุกซ่อนเอาไว้ จนท่านหยวนยังต้องตกตะลึง ลำพังแค่ปิดคดีนี้ คนอื่นใช้เวลาชั่วชีวิตก็ไม่อาจเทียบกับผลงานความชอบของตระกูลถังครั้งนี้ได้เลย ตำแหน่งหัวหน้าในแปดตระกูลใหญ่ตกเป็นของถังหยุนเฉิงแต่เพียงผู้เดียว คาดว่าอีกหน่อยก็จะให้ถังหลินสืบทอดอำนาจต่อ ตระกูลถังเก่งกาจจริงๆ”
“อีกทั้งคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลถังก็เก่งกาจเป็นพิเศษอยู่แล้ว”
“ดังนั้น ถึงแม้เธอจะขี้เหร่จนพบหน้าคนไม่ได้ ขี้เหร่จนทำให้คลื่นไส้ ขอเพียงเธอยินดีแต่งงานด้วย ทุกคนต่างก็อยากจะแต่งกับเธอทั้งนั้น แต่งงานกับเธอก็เท่ากับแต่งขงเบ้งตัวเป็นๆนั่นเอง”
คำพูดของคนนี้ไม่มีใครโต้แย้งเลย
อันที่จริงทุกคนต่างคิดเหมือนกันหมด ถึงแม้หลานสาวบ้านตระกูลถังจะขี้เหร่ แต่พวกเขาก็ยินดีแต่งงานด้วย
“คนตระกูลถังหน้าตาดีกันทุกคน คุณหนูตระกูลถังคนนี้ก็ไม่น่าจะขี้เหร่นะ”ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในมุมอดเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยคไม่ได้
“ตลกแล้ว หากเธอสวยนิดหน่อย คงไม่อำพรางตนตอนออกจากบ้านหรอก คาดว่าไม่กล้าเจอหน้าคนจริงๆ อีกอย่างผมได้ยินมาว่าตระกูลถังอยากสั่งสมยอดฝีมือ จึงได้รับเป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นหน้าตาของเธอนั้นยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดสั้นๆ