ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 550 เขารู้สึกเจ็บปวดใจ (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 550 เขารู้สึกเจ็บปวดใจ (4)
บทที่ 550 เขารู้สึกเจ็บปวดใจ (4)
ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกหวง เพราะเขามีจุดประสงค์อื่นตั้งแต่แรก
เป็นหมากที่เขาวางไว้อย่างดี และเธอก็ก้าวเข้าสู่กระดานของเขาทีละก้าว ทีละก้าวตามเกมของเขา
หัวใจของเธอ เขายังไม่หวงแหนเลยสักนิดจริงๆ!!
แต่หลายปีมานี้ เธอไม่เคยติดต่อผู้ชายคนไหนมาก่อน จนเขาค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไปช้าๆ
แต่ผู้ชายที่โทรหาเธอในตอนนี้ เป็นผู้ชายที่เธอรักมากคนนั้น?
ในตอนนั้นเองสายตาของมู่หรงซือถูก็เย็นชา เย็นชามาก เย็นชาราวกับลมหนาวที่พัดเอาชีวิตของทุกอย่างไป มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย โค้งขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ดูแล้วทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพอง
แต่ในตอนนั้นหลิวหยิงยังไม่รู้สึกตัว ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ ประจวบกับมีคนหนึ่งต้องการเดินผ่านข้างๆ เธอไป หลิวหยิงจึงเอี้ยวตัวเล็กน้อย หมุนไปทางด้านใน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทำให้มู่หรงซือถูมองไม่เห็นหน้าเธอตรงๆ
“หลิวหยิง คุณช่วงนี้ได้ติดต่อกับฉิงฉิงบ้างไหม?” ปลายสายไป๋ยี่รุ่ยลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามออกมา
ได้ยินไป๋ยี่รุ่ยถามแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวหยิงก็แข็งค้างไป หัวใจหนักขึ้นเล็กน้อย เขาโทรมาเพื่อที่จะถามเรื่องของฉิงฉิง?
แต่เธอรู้นานแล้วว่าไป๋ยี่รุ่ยชอบฉิงฉิง ดังนั้น เธอน่าจะเตรียมใจมานานแล้ว เธอลอบถอนหายใจ
หลิวหยิงพยายามทำให้อารมณ์ตัวเองสงบลงเหมือนยามปกติอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ฉัน……”
แต่เสียงของเธอก็หยุดลงกะทันหัน เธอนึกไปถึงที่ฉิงฉิงบอกว่าให้เธอช่วยเก็บเรื่องสถานะของเธอไว้เป็นความลับ
ดังนั้น เธอจึงบอกไม่ได้ แม้ว่าคนนั้นจะเป็นไป๋ยี่รุ่ย
“ไม่เลย” หลิวหยิงเปลี่ยนคำพูดที่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากกะทันหัน หากวันนี้ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายบังเอิญเจอฉิงฉิง เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับฉิงฉิงจริงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ถือว่านี่คือการโกหก
“ถ้าเธอติดต่อคุณ คุณบอกผมหน่อยนะ โอเคไหม?” น้ำเสียงของไป๋ยี่รุ่ยเจือความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ชัดเจนว่ายังไม่อยากยอมแพ้
“ได้สิ” ได้ยินเขาพูดแบบนี้ หัวใจของหลิวหยิงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว เธอยังจงใจทำให้เสียงของตัวเองฟังดูผ่อนคลาย
“ขอบคุณ คุณมาก” ไป๋ยี่รุ่ยฝั่งนั้นลอบถอนหายใจ แต่ยังคงได้ยินถึงความผิดหวังในน้ำเสียงของเขา
“ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณ พรุ่งนี้เจอกัน” หลิวหยิงไม่อยากฟังเขาขอบคุณ ไม่อยากฟังจริงๆ เธอรู้ว่าในใจของไป๋ยี่รุ่ยมีเพียงฉิงฉิง เธอคิดว่า ทั้งชีวิตนี้เธอคงไม่มีทางเข้าไปในหัวใจของเขา แต่ยังคงเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา
คราวก่อนตอนที่เธอไปที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าเขาเกือบจะไม่รอดแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าฟื้นตัวยังไงบ้างแล้ว?
อีกฟากของสายโทรศัพท์ ไป๋ยี่รุ่ยชะงักไปเล็กน้อย แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็วางสายไปแล้ว
หลิวหยิงหลังจากวางสายจึงถอนหายใจออกมาอย่างแรง รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อสักครู่หายไปจนหมด อารมณ์เธอในตอนนี้ค่อนข้างหนักหน่วง
แต่เธอกลับคิดขึ้นมาทันที ไป๋ยี่รุ่ยชอบฉิงฉิงเป็นเรื่องที่เธอรู้นานแล้ว ทำไมเธอต้องมาเจ็บปวดเอาตอนนี้ เธอควรจะดีใจที่พรุ่งนี้เธอจะได้เจอเขาแล้ว
พอคิดแบบนั้น หลิวหยิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาก มุมปากของเธอยกขึ้นอีกครั้ง เธอทำให้ตัวเองยิ้ม
ชีวิตเธอต้องการแสงแดด ต้องการรอยยิ้ม เธอไม่ควรใช้ชีวิตอย่างอึดอัดและทุกข์ใจในทุกๆ วัน
ปลอบใจตัวเองแบบนั้น อารมณ์เธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มบนหน้าก็คลี่ออกอย่างเต็มที่อีกครั้ง
เธอเก็บโทรศัพท์จากนั้นก็หมุนตัว จากนั้น ก็สบเข้ากับสายตาที่ล้ำลึกและทำให้คนรู้สึกตะลึงจนตัวสั่น
เพียงชั่วพริบตาเดียว หลิวหยิงรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองสะดุดไป แน่นอนว่าในชั่วพริบตานั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็แข็งค้าง
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพอเธอหันกลับมาจะเห็นมู่หรงซือถูเข้าทันที มู่หรงซือถูยืนอยู่ข้างหลังเธอในระยะห่างจากเธอไม่ถึงสองก้าว
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เธอจำได้ว่าเคยหันมาด้านนี้มาก่อน ถ้ามู่หรงซือถูอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เวลานั้น เธอต้องมองเห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงน่าจะเป็นตอนที่เธอหันหลังกลับไปแล้ว มู่หรงซือถูถึงเดินมา
ดังนั้น มู่หรงซือถูน่าจะไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับที่เธอคุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่นัก?
“คุณออกมาทำไม?” แม้ว่าจะคิดว่าเขาไม่ได้ยินอะไรนัก แต่หลิวหยิงก็หวั่นๆ อยู่ในใจ
“โทรคุยกับใคร?” มู่หรงซือถูมองเธอ ความเย็นชาในดวงตาเบาบางไป ไม่แสดงสีหน้าอะไรนัก แม้แต่น้ำเสียงก็ฟังดูราบเรียบ ราวกับเขาถามไปอย่างนั้น
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เขาเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเธอตอนที่หันกลับมา ในใจเขานั้นอิจฉาแค่ไหน
แต่ตอนเธอเห็นเขา รอยยิ้มบนหน้ากลับแข็งค้างไป ในตอนนั้นเขาเกลียดจนอยากจะบีบเธอให้ตาย
เธอโทรศัพท์คุยกับผู้ชายคนอื่นยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนั้น พอเห็นเขากับสีหน้าครึ้มลง?
“เพื่อนคนหนึ่ง” หลิวหยิงตกใจเล็กน้อยอยู่ลึกๆ จากนั้นถึงเอ่ยตอบเสียงเบา
“เพื่อนอะไร?” มู่หรงซือถูยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองเธอ ไม่เข้าใกล้เธอเหมือนอย่างเคย และไม่รวบเธอเข้าไปกอดเหมือนอย่างเคย
“เพื่อนสมัยเด็ก” หลิวหยิงไม่สามารถอธิบายกับเขาได้มากนัก และไม่กล้าอธิบายกับเขามากเกินไป
เธอรู้ดีว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน แล้วเธอก็รู้ดีว่าวิธีการของเขาโหดร้ายแค่ไหน
สบเข้ากับสายตาที่หรี่ลงเล็กน้อยนั่น หลิวหยิงหวั่นใจอยู่ลึกๆ เธอกลัวเขา เธอกลัวเขาจริงๆ กลัวมาตลอดห้าปี
เขาฟังคำพูดแบบขอไปทีของเธอออก มองออกว่าเธอปกปิดเขาและมองออกว่าเธอกลัวเขา
เขาจับมือที่อยู่ข้างลำตัวไว้แน่น ทันใดนั้นก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วกดเธอลงกับระเบียง
ครู่ต่อมาเขาก็ลดศีรษะลงอย่างรวดเร็วแล้วบดจูบเธออย่างดุเดือด
หลิวหยิงตกใจจนร่างกายแข็งค้าง แต่เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางขัดขืนเขาได้ เป็นแบบนี้มาตลอด เขาอยากจูบเธอ ต้องการเธอ ไม่เคยสนเวลา ไม่สนสถานที่ แต่ว่าตอนนี้อยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลถัง ทั้งยังเป็นระเบียง เขาน่าจะไม่ทำอะไรมากเกินไปหรอกใช่ไหม?
แค่จูบใช่ไหม?
แต่ครู่ต่อมา หลิวหยิงกลับรู้สึกถึงมือของเขาที่ยื่นเข้ามาลูบไล้ผิวหนังเธอ ลูบขึ้นตามอำเภอใจเคลื่อนเข้าหาความอวบอิ่มด้านหน้าของเธอ
“ไม่ ไม่เอา” หลิวหยิงตกใจจนเหงื่อกาฬแตกซิก นี่มันงานเลี้ยงของตระกูลถัง ตรงนี้ยังเป็นระเบียง มีคนเข้ามาได้ตลอดเวลา เขายัง……
ในตอนนั้นเอง หลิวหยิงรู้สึกรันทดอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ เธอขายตัวเองให้กับเขา แต่อย่างน้อยเขาควรจะเหลือเกียรติให้เธอสักนิด
“นี่คุณปฏิเสธผม?” มู่หรงซือถูหยุดลง สายตาจับจ้องไปที่เธออย่างอ่านอารมณ์ไม่ออก แต่คำพูดนั้นฟังแล้วกลับทำให้รู้สึกตกใจ
“ฉันแค่ไม่อยากทำตรงนี้ พวกเรากลับบ้านก่อนได้ไหม?” หลิวหยิงกัดริมฝีปากเล็กน้อย เธอจะปฏิเสธเขาได้อย่างไร เธอไม่มีสิทธิ์ และเธอก็ไม่กล้า
เขามองเธอ ไม่ได้พูดอะไร และไม่มีท่าทีอะไร เอาแต่มองเธออยู่อย่างนั้น