ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 554 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 554 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (1)
บทที่ 554 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (1)
ดังนั้น เวินลั่วฉิงคิดว่าคุณยายอาจจะรู้ว่าเย่ซือเฉินอยู่ข้างในแล้ว ดังนั้นจึงแกล้งทำเช่นนี้!!
“เรานอนกันเถอะ อย่าสนใจเธอเลย เดี๋ยวเธอก็ไปเอง” คุณชายสามเย่รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะชกตีคนแล้วในเวลานี้ แต่ว่าเขาออกไปชกตีคุณยายไม่ได้แน่นอน
คุณชายสามเย่คิดว่า แค่เวินลั่วฉิงไม่ยอมเปิดประตู คุณยายต้องไปแน่นอน
แต่ว่าเวินลั่วฉิงคิดว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ฉิงฉิง ตั้งแต่แม่ของหนูหายตัวไป ยายฝันถึงเค้าทุกคืน ในฝันยายอยากจะคุยกับเค้า แต่ว่าเค้าไม่สนใจยาย ยายอยากจะจูงมือของเค้า แต่ก็จับไม่ได้ ฉิงฉิง คืนนี้หนูนอนกับยายได้ไหม?” คิดไม่ผิดจริงๆ ด้านนอกประตู น้ำเสียงของคุณย่าถังเปลี่ยนไปกะทันหัน เศร้าขึ้นมาทันที
ตอนแรกเวินลั่วฉิงยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้เธอมั่นใจแน่นอนแล้ว
ก็เพราะคุณยายรู้แล้ว ว่าเย่ซือเฉินอยู่ในห้องนอนของเธอ ดังนั้นจึงจงใจแกล้งทำเช่นนั้น
คุณยายนี่เก่งมาก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริงๆ
“คุณปล่อยฉันก่อน ให้ฉันออกไป” เวินลั่วฉิงรู้ว่าถ้าเธอไม่เปิดประตูตอนนี้ คุณยายอาจจะให้คนมาชนประตูแน่ๆ
เย่ซือเฉินไม่ยอมขยับ ก็ยังคงทับเธอไว้
“คุณยายรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่” เวินลั่วฉิงมองหน้าเธอและถอนหายใจเบาๆ
“คุณย่าอายุมากขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่รู้จักเหนื่อยเลย? มีเรี่ยวแรงมาทรมานมากขนาดนี้” เย่ซือเฉินสีหน้าบูดเบี้ยวและหงุดหงิดมาก
เวินลั่วฉิงเห็นเขาสีหน้าหงุดหงิด ทนไม่ไหวจนยิ้ม
เย่ซือเฉินกลับจ้องหน้าเธอ เธอก็ยังยิ้มออกมาได้ คนไม่มีหัวใจ เขาทำไมอยากกัดเธอขนาดนี้เนี่ย?
เย่ซือเฉินก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอ แต่กลับรีบๆก้มหน้าไปจูบเธออย่างแรง เย่ซือเฉินเข้าใจดี ถ้าเธอเปิดประตูแล้ว คืนนี้เขาต้องหมดโอกาสแน่ๆ ดังนั้นตอนนี้เธอจะต้องถือโอกาสนี้จูบให้พอ
คุณชายสามเย่อัดอั้นมานาน นานเกินไป ดังนั้นพอแตะต้องเธอ ก็ควบคุมไม่อยู่ ดังนั้น ตอนนี้พอจูบขึ้นมาแล้วจะไม่มีทางจบและไม่ยอมหยุด
ตั้งแต่ปากของเธอ คางของเธอ ไปถึงคอของเธอ จนถึง……
ตอนแรกเย่ซือเฉินคิดว่าจูบทีเดียว แต่ว่าทีเดียวแล้วก็อีกที ยิ่งนานยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้
“ฉิงฉิง” อารมณ์เข้มข้นถึงที่แล้ว ยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้ ในปากของเขาเรียกแต่ชื่อของเธอ เหมือนจะกลืนกินเธอลงไปในร่างของเขาให้ได้เลยทีเดียว
เขาอยากได้เธอ อยากเอาเธออย่างบ้าคลั่งแล้ว
แต่ว่า ในขณะนี้คุณย่าถังยังยืนอยู่ด้านนอกประตู
“ฉิงฉิง ขาของยายยืนจนชาแล้วนะ” น้ำเสียงของคุณย่าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยความอัดอั้นใจ ฟังแล้วน่าสงสาร
ท่าทางของเย่ซือเฉินหยุดชะงัก อึดอัดใจจนกัดฟันอย่างแน่น แน่นอนสีหน้ายิ่งน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม
เวินลั่วฉิงผลักตัวเขาออกเบาๆ หยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย เห็นเย่ซือเฉินยังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าหงุดหงิด บนใบหน้าที่จ้องมองเธอเต็มไปด้วยความอัดอั้นใจ
“คุณไม่หลบหน่อยหรือไง?” เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของเขา มุมปากทนไม่ได้ที่จะขยับเขยื้อน
“ทำไมผมต้องหลบ? ผมเจอหน้าใครไม่ได้หรือครับ?” คุณชายสามเย่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ได้ยินเธอพูดเช่นนี้จึงจ้องเธอตรงๆ
เขาไม่ยอมหลบ นอนอยู่บนเตียงของเธออยู่อย่างนั้น เขาจะลองดูซิว่า คุณย่าจะทำอะไรเขาได้?
ดังนั้น ตอนนี้คุณชายสามเย่คิดจะไม่ยอมไปแน่นอน
เวินลั่วฉิงเข้าใจความคิดของเขา ส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นเดินไปถึงหน้าประตูและเปิดประตูห้อง
“ฉิงฉิง หนูตามยายมา” เวินลั่วฉิงไม่เอ่ยปากพูดและถูกคุณยายดึงตัวออกจากห้องไป จากนั้นคุณย่าถังปิดประตูห้องทันที ไม่มองไปในห้องแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้าไปในห้อง
เวินลั่วฉิงตะลึงอยู่สักพัก มุมปากเบะปาก นั่นไงขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อนจริงๆ คุณชายสามเย่คงจะคิดไม่ถึงว่าคุณยายจะใช้วิธีนี้
เย่ซือเฉินไม่หลบซ่อนตัว คิดจะให้คุณยายเข้ามา จากนั้นปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงจริงๆ คุณย่าถังกลับไม่เข้าไปในห้อง อีกทั้งยังดึงตัวเวินลั่วฉิงออกไปด้วย
คุณยายถึงดึงตัวเวินลั่วฉิงไปอีกห้องหนึ่ง ดังนั้นคุณชายสามเย่อุตส่าห์คิดหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อค้างคืนอยู่ที่นี่ สุดท้ายก็ยังต้องนอนคนเดียวอีกเช่นเคย
คุณชายสามเย่รู้ว่าคืนนี้หมดโอกาสแล้ว จึงนอนหงุดหงิดอยู่คนเดียวสักพัก จากนั้นก็กลับไป
“สถานการณ์ทางตระกูลเวินเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากที่คุณชายสามเย่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลถังได้โทรหาเลขาหลิว
ขณะนี้ในท้องของเขาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโมโห ความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มท้องและยังมีไฟที่จุดประกายขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ยังไม่ได้ระบายออกมา ขณะนี้เขาต้องการที่ระบาย เรื่องที่หาผู้หญิงอื่นเช่นนี้ คุณชายสามเย่ไม่มีทางกระทำเด็ดขาด
ดังนั้น เขานึกถึงตระกูลเวินขึ้นมา เย่ซือเฉินรู้ว่าเวินจีหยันได้กลายเป็นประธานบริษัทตระกูลเวินแล้ว ต้องทำการขายบริษัทตระกูลเวินออกไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงแจ้งไปว่าห้ามให้ใครมาซื้อบริษัทตระกูลเวินอย่างเด็ดขาด
คำพูดของคุณชายสามเย่ ใครจะกล้าไม่เชื่อฟัง
ดังนั้นผ่านมาหลายวันแล้ว เวินจีหยันก็ยังขายบริษัทออกไปไม่ได้
ตอนนี้บริษัทตระกูลเวินไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเลยแม้แต่น้อย เวินจีหยันก็ยังขายบริษัทไม่ได้ เวินจีหยันจึงจำเป็นต้องฝืนดำเนินต่อไป บริษัทฝืนดำเนินต่อไปได้หนึ่งวัน ก็ต้องควักเงินตนเองออกมามากเท่านั้น เงินก้อนนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ บวกกับเย่ซือเฉินจงใจกลั่นแกล้ง เวินจีหยันไม่เพียงไม่ได้กำไร ยังต้องเอาเงินของตนเองคืนกลับเข้าไปอีกด้วย
“ทุกอย่างได้ทำตามที่ท่านประธานสั่งไว้ครับ ตอนนี้เวินจีหยันมาถึงทางตันแล้ว” เลขาหลิวเป็นผู้ดำเนินการเรื่องทั้งหมด ดังนั้นจึงเข้าใจดีทุกอย่าง: “ท่านประธานครับ ผมว่าตอนนี้ถึงเวลาเก็บแหแล้วครับ”
“อืม งั้นก็เก็บเลย จำไว้ ต้องทำให้เวินจีหยันขาดทุนจนไม่เหลืออะไร” คุณชายสามเย่ในเวลานี้อารมณ์ไม่ดีมาก ต้องการมีที่ระบาย ดังนั้นคนบางคนกลายเป็นผู้โชคร้ายซะแล้ว
นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่เวินจีหยันและคนอื่นๆเคยรังแกเมียของเขาแล้ว คุณชายสามเย่รู้สึกว่าถ้าเขาไม่ทำให้มันเด็ดขาดล่ะก็ ฟ้าดินก็ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่นอน
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เลขาหลิวได้ยินคำพูดของท่านประธานแล้ว มุมปากกระตุกขึ้นอย่างแรง ท่านประธานก็โหดจริงๆ เด็ดขาดจริงๆ
เงินในมือของเวินจีหยันตอนนี้ขาดทุนย่อยยับจนต้องหมดตัว ถ้าบริษัทขายออกไม่ได้ จากนี้ไปคงต้องกินลมแทนข้าวแล้ว
ภรรยาและลูกๆแต่ละคนของเวินจีหยัน ใช้เงินเก่งกันทุกคน หาเงินก็ไม่เป็น ชีวิตหลังจากนี้ต้องลำบากแน่
สถานการณ์เช่นนี้ในตอนนี้ เวินจีหยันไม่สามารถขายบริษัทได้ จะทำให้ยิ่งอยู่ต้องขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นคือหลายวันมานี้ธนาคารโทรมาเร่งรัดให้ชำระหนี้ทุกวัน
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เลขาหลิวจึงไปที่บริษัทตระกูลเวิน และยังมีพนักงานธนาคารหลายแห่งตามเลขาหลิวไปด้วย แน่นอนว่า คนของธนาคารที่ตามไปก็เพื่อไปทวงหนี้
“แกว่าอะไรนะ? ซือเฉินไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของบริษัทตระกูลเวินจริงๆหรือ?” จากนั้นไม่นานนัก คุณปู่เย่ก็ได้รับข่าวคราว
ทั้งสองตาของคุณปู่เย่ค่อยๆหรี่ลงเล็กๆ หลายวันมานี้ ทางเย่ซือเฉินไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย นอกจากนี้แล้วเขายังไม่รู้ด้วยว่าเย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงอยู่ด้วยกันแล้ว ตอนแรกเขานึกว่า เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว