ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 567 หญิงร้ายชายเลวถูกตบหน้าอย่างจัง (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 567 หญิงร้ายชายเลวถูกตบหน้าอย่างจัง (4)
บทที่ 567 หญิงร้ายชายเลวถูกตบหน้าอย่างจัง (4)
เวินลั่วฉิงไม่ได้แยแสพวกหลี่หยุน แต่ค่อยๆนั่งลงที่โซฟาด้วยใบหน้าราบเรียบ รอชมฉากเด็ดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
พ่อบ้านเชิญเลขาหลิวเข้ามาแล้ว ซึ่งด้านหลังเลขาหลิวยังมีคนเดินตามหลังอยู่ไม่กี่คน ซึ่งคนพวกนี้เป็นนักธุรกิจตัวโปรของแวดวงการธุรกิจ
“เลขาหลิว ผมรู้ว่าพวกคุณมาก็เพื่อบีบฉิงฉิงให้มอบหุ้นส่วนในบริษัทเวินซื่อกรุ้ปร้อยละสามสิบห้าออกมา ผมขอบอกพวกคุณเลยนะ อย่าคิดว่าฉิงฉิงเป็นผู้หญิงแล้วจะรังแกง่าย มีผมอยู่ทั้งคน ผมไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเด็ดขาด ฉิงฉิงให้ผมดำเนินการแทนทุกเรื่องแล้ว เลขาหลิวมีอะไรก็คุยกับผมได้เลย”เวลานี้เวินลั่วฉิงทำท่าทางเป็นชายชาตรีผู้กล้าหาญ แน่นอนทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพราะอยากได้เงินด้วยกันทั้งสิ้น
เลขาหลิวมองเวินจีหยันแวบหนึ่ง เพียงแค่แวบเดียวก็ราวกับเห็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
“ฉิงฉิง ตอนนี้หนูรู้แล้วใช่ไหมว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน หนูตัดสินใจตอนนี้ยังทันอยู่นะ หากชักช้าก็จะสายเกินแก้แล้ว”หลี่หยุนเข้าแนบชิดกับเวินลั่วฉิงพลันพูดเสียงเบาหนึ่งประโยค ก่อนจะยื่นปากกาให้เวินลั่วฉิงอย่างรวดเร็ว“ฉิงฉิง เร็วๆเถอะ ไม่งั้นก็รอให้พวกเขามารังแกได้เลย พวกเขากินคนไม่คายกระดูกเลยนะ”
เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมองหลี่หยุนแวบหนึ่ง จู่ๆก็หัวเราะออกมา จากนั้นดวงตาทั้งคู่ของเธอก็หันไปมองเลขาหลิว “วันนี้เลขาหลิวมามีธุระอะไรไม่ทราบคะ?”
เลขาหลิวเดินไปด้านหน้าเวินลั่วฉิง โค้งคำนับอย่างมีมารยาท“ประธานเวิน”
กิริยาในตอนนี้ของเลขาหลิวนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอาจจะแสดงความเคารพมากกว่าเย่ซือเฉินด้วยซ้ำ เขาต้องทำเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะประธานของเขาฟังคำพูดของคุณนายทุกอย่าง
เห็นอากัปกิริยาของเลขาหลิว พวกเวินจีหยันก็ต้องชะงัก เกิดอะไรขึ้น?ทำไมเลขาหลิวถึงได้มีมารยาทกับเวินลั่วฉิงขนาดนี้ด้วย?
เลขาหลิวยังเรียกเวินลั่วฉิงว่าประธานเวินอีก?
เวินลั่วฉิงไม่ได้เป็นประธานของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปแล้วแท้ๆ
“ท่านประธานเวินครับ ประธานของพวกเราแจ้งมาว่าให้มอบหุ้นร้อยละยี่สิบทั้งหมดเป็นของคุณครับ ตอนนี้ประธานมีหุ้นจากคุณปู่เวินร้อยละสามสิบห้า บวกหุ้นที่ซื้อกลับมาจากไป๋ยี่รุ่ยร้อยละสามสิบแปด ตอนนี้หุ้นส่วนร้อยละเก้าสิบสามของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปเป็นของประธานเวินแล้วครับ อันนี้เป็นสัญญาซื้อขายหุ้นครับ ประธานเวินลงชื่อเสร็จแล้ว ผมจะไปดำเนินการแทนในขั้นตอนต่อไปครับ”ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คน เลขาหลิวยื่นสัญญาซื้อขายหุ้นให้แก่เวินลั่วฉิง
ได้ยินคำพูดของเลขาหลิว คนบ้านเวินจีหยันต่างอึ้งราวกับเป็นไม้แกะสลักรูปไก่
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ พวกเขายิ่งคาดไม่ถึงว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงจะมีหุ้นอยู่ในบริษัทเวินซื่อกรุ้ปร้อยละเก้าสิบสาม!!
เวินลั่วฉิงไม่ได้ไตร่ตรองและไม่ได้อ่านแต่อย่างใด ก็เซ็นชื่อลงในเอกสารที่เลขาหลิวยื่นมาให้ เพราะเธอเชื่อใจเย่ซือเฉิน
“คนกลุ่มนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการในองค์กร ประธานของพวกเราบอกว่า ประธานเวินสามารถวางใจให้พวกเขาไปบริหารได้เลย ซึ่งแน่นอน พวกเขาจะโน้มรับฟังและทำตามคำสั่งจากประธานเวินครับ”เลขาหลิวเห็นเวินลั่วฉิงเซ็นชื่อ เห็นได้ชัดว่าโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ จากนั้นก็เริ่มแนะนำคนกลุ่มนี้ให้รู้จัก
ประธานของตนรู้ว่าคุณนายไม่ใช่หัวการค้า ดังนั้นจึงได้เชิญคณะผู้บริหารมาให้
สมาชิกในบ้านของเวินจีหยันอึ้งจนตัวแข็งทื่อราวกับเป็นประติมากรรมไม้แกะสลัก และเลขาหลิวยังพูดไม่จบ กล่าวต่อไปว่า
“ประธานของพวกเรายังแจ้งมาว่า ประธานเวินไม่อยากเข้าบริษัทก็ไม่ต้องเข้า หากประธานอยากไปทำอะไรที่บริษัทก็ได้ตามใจชอบ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะประธานพวกเขาบอกว่าพวกเราไม่ได้ขาดเงิน”
“ประธานของพวกเรายังบอกว่า ปกติไม่มีคนช่วยเขาใช้เงิน ดังนั้นประธานเวินไม่ต้องประหยัดแทนท่านประธานของผมครับ”
ไอ้เชี้ยเอ้ย?อันนี้ยังถือเป็นการเปิดบริษัททำธุรกิจอยู่ไหม?ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นขายของอยู่
แต่คุณชายเย่กลับมีอำนาจเงินที่สามารถทำได้เช่นนี้จริงๆ!!
เลขาหลิวพูดจบ คนในบ้านเวินจีหยันต่างตกอยู่ในห้วงภวงค์ราวกับเห็นเลขาหลิวเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
คุณปู่เวินที่เดิมทีอยากจะพักผ่อน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจวางใจได้ ดังนั้นจึงออกจากห้องนอน แอบย่องลงมาดูชั้นล่าง จากนั้นก็เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ คุณปู่เวินก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
เขาคิดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะทำเช่นนี้?เย่ซือเฉินดึงหุ้นของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปให้สูงขึ้นขนาดนี้ จากนั้นก็โอนย้ายหุ้นให้แก่ฉิงฉิง
คุณปู่เวินใช้เวลาทั้งชีวิตในการบริหารบริษัทเวินซื่อกรุ้ป ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเท่าไหร่กว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้แต่เย่ซือเฉินกลับ……
เย่ซือเฉินกับฉิงฉิงมีสายสัมพันธ์แบบไหนกันแน่?!
“เลขาหลิวคุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม?”เวินจีหยันได้สติกลับคืนมา ดวงตาทั้งคู่จ้องถลึงเลขาหลิว“ทำไมพวกคุณต้องมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้เวินลั่วฉิงด้วย?“
“สามีค่ะ อันนี้เป็นเรื่องดี เลขาหลิวมามอบหุ้นส่วนให้ฉิงฉิงก็เท่ากับให้ตระกูลเวินด้วย เพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเราต้องขอบคุณเลขาหลิวนะคะ”หลี่หยุนเผยรอยยิ้มบนใบหน้า มองหน้าเลขาหลิวอย่างประจบประแจง เพียงแต่คำพูดนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี
“เออ”เลขาหลิวปรายตามองหลี่หยุนแวบหนึ่ง มุมปากยกขึ้น“ใช่แล้วครับ ประธานของผมยังบอกว่า หากคนในบ้านคุณเวินสองคิดอยากได้บริษัทเวินซื่อกรุ้ป หรือทำเรื่องที่ประธานเวินไม่ชอบใจ……”
เลขาหลิวจงใจหยุดพูด ดวงตาทั้งคู่ลุ่มลึก จากนั้นก็กล่าวต่อไปทีละคำต่อว่า“พอถึงเวลานั้นก็รับกรรมที่ก่อขึ้นเองเถอะ”
หลี่หยุนคิดจะทำอะไร คนฉลาดมองแวบเดียวก็ดูออกแล้ว แล้วทำไมเลขาหลิวจะมองไม่ออกกันเล่า
ประโยคที่ว่าทำเรื่องที่ประธานเวินไม่ชอบใจนั้น สามารถขยายความได้อย่างกว้างขวางทุกเรื่องราว
หลี่หยุนอึ้งไปเลย มุมปากขยับหลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าปล่อยวาจาอะไรออกมา ถึงแม้ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่อยู่ แต่เธอก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดี!
“ประธานเวินยังมีคำสั่งอะไรอีกไหมครับ?”เลขาหลิวมองไปยังเวินลั่วฉิง และท่าทางก็กลับมานอบน้อมอีกครั้ง
เห็นเลขาหลิวให้ความเคารพต่อเวินลั่วฉิงขนาดนี้ นึกถึงเย่ซือเฉินมอบทั้งบริษัทให้แก่เวินลั่วฉิง เวินหรวนหรวนก็เกิดอาการริษยาจนตาร้อนแดง ทำไมต้องเป็นเวินลั่วฉิงด้วย ทำไมไม่ใช่หล่อน?
หล่อนสวยกว่าเวินลั่วฉิง หล่อนฉลาดกว่าเวินลั่วฉิง หล่อนดีเลิศกว่าเวินลั่วฉิงทุกประการ แล้วทำไมเรื่องดีๆถึงตกอยู่ในมือของนั้นสารเลวเวินลั่วฉิงคนนี้ได้?
“ฉันไม่รู้เรื่องในบริษัท ทำตามคำสั่งของประธานพวกคุณเลยค่ะ”เวินลั่วฉิงปิดสัญญาที่เซ็นชื่อเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ยื่นให้เลขาหลิว เธอไม่มีความรู้ด้านธุรกิจจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีความสนใจในเรื่องนี้เลย
ในเมื่อเย่ซือเฉินจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็ต้องเห็นด้วยอย่างมีความสุข และเธอยังเชื่อใจเย่ซือเฉินอีกด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเลยสักนิด
เวลาต่อจากนี้เธอต้องไปอยู่กับลูกรักทั้งสองคนของเธอ เพราะลูกๆของเธอจะกลับมาแล้ว พอลูกทั้งสองคนกลับมา…