ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 603 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 603 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (2)
บทที่ 603 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (2)
“หรือไม่ให้ถังหลินคิดวิธีขัดขวางเย่ซือเฉินไว้ก่อนไหม?” หัวคิ้วของท่านย่าถังขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าลำบากใจอยู่บ้าง
“คุณรู้สึกว่าถังหลินจะขัดขวางเขาไว้ได้เหรอ? ตอนนี้เขาอยากจะหาโอกาสมาบ้านตระกูลถังของเราแทบแย่แล้ว แล้วตอนนี้มีโอกาสแบบนี้ เขาจะมาพลาดไปได้ยังไง?” ริมฝีปากของท่านปู่ถังกระตุกขึ้นเบา ๆ ทีหนึ่ง “คนที่จะสามารถขัดขวางเขาไว้ได้ก็คงจะมีแต่ฉิงฉิงแล้ว”
“งั้นก็ให้ถังหลินดึงเวลาเขาไว้สักพักซิ จากนั้นค่อยให้ฉิงฉิงหาวิธีขัดขวางเขาไว้ จะมาทำให้แผนการของเด็กโม่ของเราพังไม่ได้นะ” ท่านย่าถังทำการตัดสินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
อย่างอื่นสามารถไม่สนใจได้ แต่ว่าเรื่องแผนการของเด็กโม่ของเราจะไม่สนใจไม่ได้เด็ดขาด
อีกด้านหนึ่ง พอคุณปู่เย่วางสายโทรศัพท์ลงแล้ว ก็รีบโทรศัพท์หาเย่ซือเฉินติด ๆ แต่ว่าโทรศัพท์ดังไปหลายที เย่ซือเฉินถึงจะรับสาย
“เมื่อกี้ท่านปู่ถังเพิ่งโทรศัพท์มาหาฉัน บอกให้ฉันไปเป็นแขกที่บ้านตระกูลถัง แล้วก็ให้แกได้ด้วย แกก็เตรียมตัวสักหน่อยนะ……” ตอนแรกคุณปู่เย่นึกว่าเย่ซือเฉินจะไม่ตอบตกลงง่าย ๆ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเตรียมคำพูดเกลี้ยกล่อมเย่ซือเฉินไว้ตั้งมากมาย
“ได้ครับ” แต่ว่าคำพูดของคุณปู่เย่ยังไม่ทันได้พูดจบ เย่ซือเฉินก็ตอบตกลงแล้ว
คุณปู่เย่ถือโทรศัพท์ไว้ แล้วก็อึ้งไปเลย ยังมีความรู้สึกไม่ค่อยกล้าเชื่อสักเท่าไหร่ “นี่แกตอบตกลงแล้วเหรอ?”
เมื่อก่อน เขาไม่เคยเชื่อฟังแบบนี้มาก่อนเลยนะ ตอนนี้พอมาเกิดเรื่องคลิปวิดีโอขึ้น คุณปู่เย่ก็ยิ่งไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะตอบตกลงได้รวดเร็วและสบาย ๆ ขนาดนี้
“พวกคุณไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปเอง” ครั้งนี้ เย่ซือเฉินพูดได้อย่างชัดเจนและเข้าใจ
“ได้ ได้ งั้นตกลงตามนี้เลยนะ แกรีบตามไปเร็ว ๆ ล่ะ” ในที่สุดคุณปู่เย่ก็วางใจได้สักที เขารู้จักเย่ซือเฉินดี ถ้าเรื่องที่เย่ซือเฉินไม่อยากทำจะไม่มีทางตอบตกลงอย่างเด็ดขาด แล้วเรื่องที่เย่ซือเฉินตอบตกลงแล้วก็จะต้องทำให้ได้อย่างแน่นอน
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?” หลังจากที่คุณปู่เย่วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว คุณย่าเย่ถึงได้ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ตระกูลถังเชิญเราไปเป็นแขก แถมยังตั้งใจให้พาซือเฉินไปด้วย คุณก็รู้เรื่องที่ท่านปู่ถังรับหลานสาวคนนั้นกลับมาแล้วใช่ไหม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกใจซือเฉินของเราเข้าแล้ว และมีเจตนาอยากจะเชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงานกับตระกูลเรา นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่งจริง ๆ” ใบหน้าของคุณปู่เย่ในตอนนี้มีแววได้ใจอย่างปกปิดไว้ไม่อยู่
“แต่ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ อยู่นะ ด้วยสถานะของตระกูลถัง และด้วยอำนาจของตระกูลถังแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นฝ่ายมาหาเราหรอกมั้ง?” หัวคิ้วของคุณย่าเย่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ “และที่สำคัญคุณไม่รู้สึกว่านี่มันรีบร้อนเกินไปหน่อยเหรอ?”
“นั่นเป็นเพราะว่าซือเฉินของเราเพียบพร้อมมากต่างหาก เมืองAทั้งเมืองสามารถหาคนที่เพียบพร้อมได้เท่าซือเฉินของเราอีกไหมล่ะ?” คุณปู่ถังกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนที่หลงตัวเอง ภูมิใจในตัวเองมาตลอด เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลก
“แต่ว่า ฉันมักจะรู้สึกว่า……” บนใบหน้าของคุณย่าเย่ยังแอบแฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เอาล่ะ คุณเลิกกังวลอย่างไร้ประโยชน์ได้แล้ว นี่ถือเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก ถ้าพลาดไปก็จะไม่มีอีกแล้วนะ และที่ยากยิ่งกว่าก็คือซือเฉินก็เห็นด้วยแล้ว คุณรีบไปเตรียมตัวสักหน่อย เดี๋ยวเราจะไปบ้านตระกูลถังเลย” คุณปู่เย่พูดขัดตอนคำพูดของคุณย่าเย่ไปเลย
“คุณไม่รู้สึกว่าเฉินเฉินตอบตกลงง่ายและเร็วมากไปเหรอคะ?” คุณย่าเย่รู้สึกว่าในส่วนนี้ก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ นี่มันไม่ตรงกับนิสัยของเย่ซือเฉินเลย
“ดูจากความสัมพันธ์ของซือเฉินและถังหลิน จะตอบตกลงก็ไม่แปลกหรอก บางทีซือเฉินของเราอาจจะเคยเห็นคุณหนูคนนั้นของตระกูลถังแล้ว แล้วก็อาจจะชอบคุณหนูถังเข้าแล้ว ในเมื่อคุณหนูถังคนนี้สวยมากจริง ๆ และที่สำคัญยังมีความสามารถเป็นอย่างมากด้วย” ตอนนี้ในใจของคุณปู่เย่ก็เอาแต่คิดว่าเรื่องที่จะได้เชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงานกับตระกูลถังทั้งนั้น ส่วนเรื่องอื่นสำหรับเขาแล้วก็ไม่มีความหมายเลย
“ตอนนี้สภาพคุณเป็นแบบนี้ จะไปบ้านตระกูลถังได้ยังไง?” คุณย่าเย่รู้ว่าเถียงเขาไม่ไหว จึงได้แต่จ้องมองดูขาเขา แล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง
“คุณไปหารถเข็นมาอันหนึ่ง ผมจะนั่งรถเข็นไป เป็นแบบนี้ก็ยิ่งแสดงออกถึงความจริงใจของพวกเราขึ้นอีก” คุณปู่เย่คิดไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ใบหน้าในตอนนี้ยิ่งมีแววเจ้าแผนการและได้ใจเพิ่มขึ้นมาอีก
เมื่อคุณย่าเย่เห็นว่าเขาได้ตัดสินใจไว้แล้ว ก็ไม่พูดอะไรมากอีก จึงได้แต่ทำตามความต้องการของเขา
หลังจากหนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา รถของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็จอดลงตรงหน้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลถังแล้ว คุณปู่เย่ยืมรถเข็นมาจากโรงพยาบาลอันหนึ่ง แล้วก็ยังตั้งใจจ้างบุรุษพยาบาลมาด้วยอีกสองคน
รถจอดอยู่นอกประตูใหญ่บ้านตระกูลถัง แล้วบุรุษพยาบาลก็ยกรถเข็นมา จากนั้นก็อุ้มคุณปู่เย่ลงมาจากรถ แล้วก็วางลงบนรถเข็น คุณปู่เย่ยังแสร้งทำเป็นร้องเรียกให้พวกเขาระวังหน่อยด้วย
ครั้งนี้บนตัวและบนใบหน้าของคุณปู่เย่ไม่ได้มีอะไรมาแกล้งอำพราง เพราะว่ากลัวจะโดนจับพิรุธได้
ท่านปู่ถังและท่านย่าถังออกมาต้อนรับ พอเห็นภาพแบบนี้ ในใจก็อดที่จะยิ้มเย็นไม่ไหว เจ้าจิ้งจอกเฒ่าเสแสร้งได้เหมือนจริงเลยนะ รอดูซิว่าเดี๋ยวเขาจะเสแสร้งยังไงต่ออีก?
“เพื่อนยาก คุณดูคุณซิไม่สะดวกขนาดนี้ยังจะตั้งใจรีบมาอีก นี่ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วนะเนี่ย” บนใบหน้าของท่านปู่ถังมีรอยยิ้มแฝงอยู่ และแน่นอนคำพูดที่ฟังดูสุภาพก็จะต้องขาดไม่ได้
“นี่ท่านถังพูดคำพูดอะไรกัน สามารถได้รับการรับเชิญจากท่านถังถือได้ว่าเป็นเกียรติของพวกเราแล้ว” คุณปู่เย่นั่งอยู่บนรถเข็นสีหน้าเต็มได้ด้วยรอยยิ้ม “อย่าพูดว่าแค่ขาของผมบาดเจ็บเลย ต่อให้ผมเป็นอัมพาตตัวอ่อนไปทั้งตัว ต้องยกก็จะให้คนยกผมมาให้ได้”
“ดี ดี ทั้งสองท่านเชิญ” แน่นอนว่าท่านปู่ถังก็ยิ้มเป็นเพื่อนไปด้วย
คุณย่าเย่รีบเข็นรถเข็นตามไป และเข็นคุณปู่เย่เดินเข้าไปข้างใน
“ซือเฉินไม่มาด้วยเหรอ?” ท่านปู่ถังตั้งใจถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“เขาบอกว่าเดี๋ยวจะรีบตามมา คาดว่าตอนนี้น่าจะอยู่ระหว่างทางแล้ว” พอคุณปู่เย่ได้ยินท่านปู่ถังตั้งใจถามถึงซือเฉิน ในใจก็ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ดูท่าเรื่องที่ทั้งสองตระกูลจะเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานนั้นดูจะไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว
“พูดแล้ว เจ้าเด็กซือเฉินนี่เราก็เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโตเลยนะ เด็กซือเฉินนี่เพียบพร้อมมากจริง ๆ” แน่นอนว่าท่านย่าถังก็มองออกถึงความตื่นเต้นบนใบหน้าของคุณปู่เย่ จึงตั้งใจพูดเสริมขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ใช่ ใช่ ซือเฉินของบ้านเราเพียบพร้อมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ในเมืองAนี่ นอกจากถังหลินของบ้านคุณแล้ว คนที่สามารถมาเปรียบเทียบกับซือเฉินของบ้านเราได้นั้นคงจะไม่มีแล้ว” ในใจของคุณปู่เย่ก็ยิ่งดีใจมากยิ่งขึ้นมาอีก แน่นอนว่า อยู่ต่อหน้าคุณท่านแห่งตระกูลถังทั้งสองนั้น เขาก็จะต้องชื่นชมถังหลินไปด้วยชุดหนึ่ง
ใคร ๆ ก็อยากได้ยินคนอื่นชื่นชมลูกบ้านตัวเองทั้งนั้น
ท่านปู่ถังกับท่านย่าถังเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร และในตอนนี้ก็ได้มาถึงข้างนอกห้องโถงใหญ่แล้ว
ที่นอกห้องโถงใหญ่นั้นมีบันไดอยู่ไม่กี่ขั้น แน่นอนว่ารถเข็นนี้นั้นเข็นขึ้นไปไม่ได้
ท่านปู่ถังและท่านย่าถังเหมือนกับว่าจะไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้ แล้วก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่เลย คุณย่าเย่เข็นรถเข็นอยู่ก็นิ่งอึ้งอยู่ข้างนอก และรู้สึกขวยเขินเล็กน้อย
“พวกเธอยังไม่รีบไปช่วยยกคุณปู่เย่เข้ามาอีก” พอท่านปู่ถังเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ได้ช่วงระยะหนึ่งแล้ว ก็เหมือนกับว่าเพิ่งนึกถึงจุดนี้ แล้วก็รีบสั่งกำชับขึ้น
คนหลายคนถึงได้เดินออกไป แล้วก็ไปยกคุณปู่เย่เข้ามาในห้องโถงใหญ่
หัวคิ้วของคุณย่าเย่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอมักจะรู้สึกว่าเมื่อกี้นั้นท่านปู่ถังเหมือนกับจะตั้งใจให้พวกเขาตกที่นั่งลำบาก แต่ว่า เธอก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าพูดตามหลักแล้วพวกเขาก็ไม่เคยล่วงเกินท่านปู่ถังมาก่อนนี่ แล้ววันนี้ท่านปู่ถังก็ตั้งใจเชิญพวกเขามาด้วย