ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 604 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 604 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (3)
บทที่ 604 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (3)
น่าจะเป็นเพราะว่าเธอคิดมากไปแล้วมั้ง?
ในห้องโถงใหญ่ ไม่มีใครอื่นอีก พ่อบ้านชงชาเสร็จแล้วก็ยกเข้ามาวางไว้ให้แล้วก็ออกไปเลย ในห้องโถงใหญ่จึงมีแต่คนแก่อย่างพวกเขาสี่คน
คุณปู่เย่ก็ยิ่งวางความระแวงระวังทั้งหมดลง
“ฉิ้นเอ๋อ มีแขกมาแล้ว หนูลงมาหน่อยซิ” ท่านย่าถังตะโกนขึ้นไปบนตึกประโยคหนึ่ง
คุณปู่เย่อดไม่ได้จึงยิ้มขึ้นมา ดูท่าตระกูลถังจะมีความคิดที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเย่ด้วยการแต่งงานแล้วจริง ๆ ไม่งั้น ในเวลาแบบนี้ก็คงจะไม่ตั้งใจเรียกคุณหนูถังลงมาโดยเฉพาะหรอก
ความสงสัยที่มีของคุณย่าเย่ในตอนแรกก็สลายไปหมดแล้ว
และอย่างรวดเร็ว ตรงบันไดก็มีเสียงฝีเท้าลอยมา คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็มองไปทางบันไดพร้อมกัน
เวินลั่วฉิงกำลังค่อย ๆ เดินลงมา บนใบหน้าของเวินลั่วฉิงในวินาทีนี้ไม่มีสิ่งอำพรางเหมือนอย่างปกติ และสวยจนทำให้คนละสายตาไปไม่ได้
“เด็กคนนี้สวยมากจริง ๆ สวยกว่าในรูปถ่ายซะอีก” คุณย่าเย่มองไปที่เวินลั่วฉิง บนใบหน้าเห็นได้ชัดว่ามีแววประทับใจเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า
“ใช่แล้ว สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลถังของพวกคุณ สวยอย่างกับเทพธิดายังไงอย่างงั้น สวยมากจริง ๆเลย เทียบกับทั่วทั้งเมืองA ไม่ใช่ซิ ทั่วทั้งประเทศก็คงจะหาคนที่สวยกว่าสวยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว” คุณปู่เย่เองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมขึ้นมาด้วย “และที่สำคัญได้ยินมาว่าเด็กคนนี้มีความสามารถเป็นอย่างมากอีกด้วย”
คุณปู่เย่จ้องมองคุณหนูตระกูลถังในตอนนี้ รู้สึกพึงพอใจเป็นพันครั้ง เป็นหมื่นครั้งเลย
“ฉิ้นเอ๋อก็แค่เรียนอาชญาวิทยามา เลยพอรู้เรื่องคลี่คลายคดีนิดหน่อย อย่างอื่นก็ไม่ได้ถนัดอะไร” คำพูดที่ฟังดูอ่อนน้อมถ่อมตนของท่านปู่ถัง กลับเห็นได้ชัดว่าแฝงไว้ด้วยความโอ้อวด
“อาชญาวิทยานั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจกันได้ที่ไหน? เด็กคนนี้นี่ช่างเก่งกาจมากจริง ๆ” พอเห็นว่ามีช่องทางที่ดีคุณปู่เย่ก็พูดต่อประโยคหนึ่งเลย
“คุณตา คุณยาย มีแขกมาเหรอคะ?” เวินลั่วฉิงเดินลงมาจากตึก แล้วมองไปที่ท่านปู่ถังและท่านย่าถัง แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เบ่งบานออก แล้วก็ยิ่งดึงดูดสายตาเข้าไปอีก
ตอนนี้เวินลั่วฉิงจงใจเปลี่ยนน้ำเสียงพูดไป เพื่อให้แตกต่างจากน้ำเสียงตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่จึงฟังเสียงเธอไม่ออก
“อืม นี่คือคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ วันนี้พวกเราตั้งใจเชิญพวกเขามาเป็นแขกโดยเฉพาะ” ท่านปู่ถังยิ้มจาง ๆ และแนะนำให้เวินลั่วฉิงรู้จัก
“สวัสดีค่ะ คุณปู่เย่ คุณย่าเย่” แล้วเวินลั่วฉิงถึงได้หันไปทางคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ และทักทายขึ้นอย่างมีมารยาทคำหนึ่ง มีมารยาทแต่ก็แฝงไว้ด้วยความห่างเหินเสี้ยวหนึ่ง ท่าทางเหมือนกับคนแปลกหน้ากันจริง ๆ
หลังจากที่เวินลั่วฉิงทักทายเสร็จแล้ว ก็เดินไปอีกข้างหนึ่ง แล้วก็นั่งลง
“เด็กคนนี้นิสัยค่อนข้างเย็น ไม่ค่อยชอบพูดจา” ท่านย่าถังรีบพูดอธิบายให้ประโยคหนึ่ง
“เด็กที่เงียบซิดี พวกเราชอบเด็กเงียบมากเลย” คุณปู่เย่ไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีอะไรเลย สำหรับคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลถังคนนี้ คุณปู่เย่รู้สึกว่าพึงพอใจอย่างไร้ที่ติเลย
“ใช่ เด็กคนนี้แค่ดูก็ทำให้คนรู้สึกชื่นชอบแล้ว” เห็นได้ชัดว่าคุณย่าเย่ก็พอใจมากจริง ๆ แม้แต่ความกังวลบางอย่างเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่มีสักนิดแล้ว
ต่อจากนั้น คนแก่ทั้งหลายก็พูดคุยกันไป แน่นอนว่าเรื่องที่พูดคุยกันนั้นก็เป็นแค่เรื่องปกติธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เวินลั่วฉิงนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกข้างหนึ่งตลอด แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
คุณปู่เย่และคุณย่าเย่กลับคอยมองไปที่เวินลั่วฉิงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ อีกข้างหนึ่งตลอด และแน่นอนว่า ตอนนี้พวกเขายิ่งดูก็ยิ่งพอใจ
“ฉิ้นเอ๋อ จื่อซีล่ะ ทำไมครึ่งวันมานี้ไม่เห็นจื่อซีมาตั้งนานแล้ว?” ท่านย่าถังมองไปทางเวินลั่วฉิง แล้วอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“เมื่อกี้ยังเห็นเล่นอยู่ในสวนอยู่เลย เดี๋ยวหนูไปดูให้ค่ะ” เวินลั่วฉิงตอบกลับ แล้วก็ลุกขึ้น และเดินออกไป
พอผ่านไปสักครู่ เวินลั่วฉิงก็จูงมือถังจื่อซีเดินเข้ามา
“นี่เป็นลูกบ้านใครเนี่ย?” คุณย่าเย่เห็นเวินลั่วฉิงเดินจูงมือเด็กคนหนึ่งเข้ามา แล้วก็ตกใจขึ้นมาเลย
“อ๋อ ของญาติคนหนึ่ง พ่อเขามีธุระเลยดูแลเธอไม่ได้ ก็เลยเอามาฝากไว้ที่เราชั่วคราว” ท่านย่าถังตอบกลับไปเรียบ ๆ ธรรมดาประโยคหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าคุณย่าเย่โล่งใจไปได้ทีหนึ่ง เมื่อกี้เธอยังนึกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณหนูบ้านตระกูลถังซะอีก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพึงพอใจในตัวคุณหนูตระกูลถังมาก แต่ว่าถ้าคุณหนูถังคนนี้มีลูกแล้ว จะแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ของพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด
พอเวินลั่วฉิงพาถังจื่อซีมาถึงกลางห้องโถงใหญ่แล้ว ก็กลับไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียวต่อที่โซฟาอีก เหลือถังจื่อซีตัวคนเดียวให้นั่งเล่นอยู่ที่กลางห้องโถงใหญ่
คุณย่าเย่เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของเวินลั่วฉิงแล้ว ก็แน่นอนว่ายิ่งไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว
ดวงตาของคุณปู่เย่กลับมองไปที่‘ของเล่น’ที่อยู่ในมือของถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็ก
นั่นเป็นแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง สีสันนั้นสวยงามมาก และที่สำคัญ คุณปู่เย่มองออกว่า มันไม่ใช่ของในสมัยปัจจุบัน ดูแล้วน่าจะพอมียุคสมัยบ้างแล้ว
ความชอบของคุณปู่เย่ก็คือการเก็บสะสมวัตถุโบราณ แล้วสำหรับวัตถุโบราณก็พอที่จะศึกษามาบ้างแล้ว
จากที่สายตาคุณปู่เย่ประเมินหยกชิ้นนั้นจะต้องเป็นของเก่า และที่สำคัญน่าจะมีประวัติมาอย่างยาวนานด้วย
แล้วสิ่งที่ทำให้คุณปู่เย่ต้องแปลกใจมากยิ่งขึ้นก็คือ นอกจากหยกอันนั้นแล้ว ในกล่องตรงหน้าเพื่อนตัวน้อยยังมีเหรียญหยกอีกชิ้นหนึ่ง
“ที่เด็กคนนี้เล่นอยู่มันคืออะไร?” คุณปู่เย่ไม่ค่อยแน่ใจนัก ในที่สุดก็อดไม่ได้แล้วก็ถามออกไป เพราะว่าคุณปู่เย่สนใจวัตถุโบราณจนถึงขั้นลุ่มหลงขั้นหนึ่งเลย
“อันนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัด ได้ยินมาว่าเป็นของเก่าอะไรสักอย่าง” ท่านย่าถังได้ยินคุณปู่เย่ถามขึ้น แล้วก็ตอบขึ้นมาอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง
“แผ่นหยกที่อยู่ในมือเธอนั้นเป็นหยกในสมัยราชวงศ์ฉิน ในกล่องนั้นก็เป็นเหรียญหยกของราชวงศ์ฉิน ในสมัยราชวงศ์ฉินนั้นมีเครื่องหยกไม่เยอะ แล้วที่สามารถสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็น้อยยิ่งกว่าน้อย และของทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็เป็นของที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว” เวินลั่วฉิงวางหนังสือที่อยู่ในมือลง แล้วมองไปที่ถังจื่อซี แล้วก็อธิบายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากประโยคหนึ่ง
“เด็กคนนี้รู้เยอะจริง ๆ” ท่านย่าถังมองไปที่เวินลั่วฉิง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็ยิ่งพอใจมากขึ้นแล้ว
ดวงตาของคุณปู่เย่ในตอนนี้กลับสว่างขึ้นมาในทันทีเลย เพียงแต่ว่า ดวงตาของเขาจดจ้องไปที่หยกที่รักที่อยู่ในมือถังจื่อซีต่างหาก
เมื่อกี้เขาก็มองของล้ำค่าพวกนี้ออกแล้ว เพียงแต่ว่าคิดไม่ถึงว่าจะล้ำค่ามากมายขนาดนี้ ของทั้งสองสิ่งนี้จะต้องมีมูลค่ามหาศาลแน่
เขายังไม่เคยเห็นของล้ำค่าแบบนี้มาก่อนเลย ตอนนี้เขาอยากจะลองจับดูสักหน่อย ลองมองดูสักหน่อย
“คุณว่าความชอบของเด็กคนนี้ก็พิเศษมากจริง ๆ ชอบเล่นแต่ของพวกนี้ คนในครอบครัวของเด็กคนนี้ก็โอ๋เด็กคนนี้มากเลย ยังตั้งใจหาแต่ของพวกนี้มาให้เธอเล่นอีก แต่ว่า ก็มีแต่บ้านของพวกเธอเท่านั้นแหละที่สามารถฟุ่มเฟือยได้ถึงแบบนี้” ท่านย่าถังเห็นท่าทางของคุณปู่เย่แล้ว ในใจก็แอบยิ้มเย็นขึ้น และแน่นอนว่าคำพูดพวกนี้ล้วนตั้งใจพูดขึ้นมาให้คุณปู่เย่ฟัง
ถ้าเป็นคนอื่นพูดคำพูดพวกนี้ ความน่าเชื่อถือคงจะไม่สูงเท่าไหร่ แต่พอเป็นท่านย่าถังพูดคำพูดพวกนี้ออกมา ก็จะไม่มีทางทำให้คนสงสัยแล้ว
คนที่สามารถทำให้ท่านย่าถังพูดว่าฟุ่มเฟือยออกมาได้ จะต้องเป็นบ้านที่มีเงินมากแค่ไหนกันนะ?
เพราะฉะนั้น คุณปู่เย่ก็เลยไม่ได้สงสัยเลยสักนิดว่าของนั้นจะเป็นของปลอม
เพื่อนตัวเล็กถังจื่อซีเล่นอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็เริ่มเล่นโดนแผ่นหยกชิ้นนั้น โยนขึ้นมา แล้วก็รับไว้ แล้วก็โยนขึ้นมาอีก แล้วก็รับไว้อีก
คุณปู่เย่มองจนตาแทบถลนออกมา ใจทั้งดวงก็แทบเต้นจนมาอยู่ถึงคอหอยแล้ว นี่ถ้าเกิดว่าไม่ทันระวังแค่นิดเดียวแล้วรับไม่ได้ งั้นผลก็จะ…