ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 606 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 606 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (1)
บทที่ 606 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (1)
ดวงตาของท่านปู่ถังในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีความเย็นเพิ่มขึ้นมาหลายองศาแล้ว ในน้ำเสียงนั้นมีความข่มขู่อย่างหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกหมดหนทางหนี
“พวกเราเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เวินลั่วฉิงช่างไร้ยางอายมาก หน้าไม่อายมาก เธอเป็นคนโหดร้ายมาก แล้วก็โหดเหี้ยมจริง ๆ และยังต่ำช้ามากด้วย ผมจะบอกอะไรพวกคุณนะ แม้แต่พวกผู้หญิงขายตัวแถวโคมแดงก็ยังต่ำช้าสู้เธอไม่ได้เลย” ในตอนนี้คุณปู่เย่ก็อยากจะผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่ตัวเวินลั่วฉิง เพราะฉะนั้นก็เลยด่าเสีย ๆ หาย ๆ ใส่เวินลั่วฉิงอย่างเต็มที่
คำพูดพวกนั้นดูได้ไม่น่าฟังมากเลย
แล้วในขณะเดียวกัน เย่ซือเฉินก็เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี และได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่อย่างชัดเจน ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ขรึมลงถึงขีดสุดทันที
เวินลั่วฉิงที่เพิ่งอุ้มถังจื่อซีขึ้นไป ก็เพิ่งลงมา และเดินมาถึงครึ่งทางของบันไดแล้ว เพราะฉะนั้น คำพูดทั้งหมดของคุณปู่เย่ เธอจึงได้ยินชัดเจนแน่นอน
ดวงตาของเย่ซือเฉินมองไป แล้วก็สบเข้ากับดวงตาของเวินลั่วฉิงพอดี
เวินลั่วฉิงมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็หันสายตาไป
ในใจของเย่ซือเฉินหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้
“พวกคุณ เชิญพวกคุณออกไปได้แล้ว เชิญออกไปเร็ว ๆ” ท่านย่าถังรู้สึกว่าถ้ายังปล่อยให้พวกเขาพูดต่อไป เธอก็จะทนไม่ไหวและจะไปเอามีดในครัวมาไล่ฟันแล้ว
ฉิงฉิงของบ้านเธอ เป็นเด็กดีซะขนาดนี้ แต่กลับโดนเขาพูดจนเป็นแบบนี้? คนคนนี้เวลาพูดคำพูดพวกนี้จิตใจไม่เจ็บปวดบ้างเลยเหรอ?
“เมื่อกี้ฉิ้นเอ๋อก็บอกแล้ว พวกเราตระกูลถังเห็นเรื่องที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้ไม่ได้ พวกคุณเชิญกลับไปเถอะ” ท่านปู่ถังเองก็ไล่คนโดยตรงเลย เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณปู่เย่จะทำเกินไปได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าการอบรมมาดีของเขาจะดีขนาดไหนแต่ว่าเวลานี้ก็อดทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
เย่ซือเฉินก้าวเท้า เดินเข้ามา
“คุณมาก็ดีแล้ว รีบพาคนของบ้านคุณกลับไปได้แล้ว” ในตอนนี้ท่านย่าถังนั้นโกรธมากจริง ๆ พูดกับเย่ซือเฉินก็ไม่มีอารมณ์จะมาพูดดี ๆ แล้ว
“ท่านย่าถัง เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับซือเฉินเลย ซือเฉินเป็นเด็กที่คุณเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นเด็กยังไงนั้น คุณก็รู้จักดี” เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้คุณปู่เย่ยังคิดเรื่องเชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงานของทั้งสองตระกูลอยู่
ในขณะที่ดวงตาของคุณปู่เย่หมุนวนไปมานั้น ก็เห็นเวินลั่วฉิงที่ยืนอยู่ที่บันไดเข้า แล้วดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น แล้วรีบพูดว่า “ฉิ้นเอ๋อ นี่คือซือเฉินของบ้านเรา เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมมากนะ หนูดูเขาซิ……”
เจตนาในตอนนี้ของคุณปู่เย่นั้นชัดเจนมาก
เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมา และมองเย่ซือเฉินทีหนึ่ง บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกอะไร ริมฝีปากเรียวขยับขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ พูดขึ้นมาทีละคำทีละคำว่า “ขอโทษค่ะ ไม่สนใจ”
เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่แล้ว เธอเองก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน เธอต่ำช้า ถึงได้ไม่หวังเกาะตระกูลเย่ของพวกเขาเหรอ?
แน่นอนว่า คำพูดนี้ของเธอนั้นพูดให้คุณปู่เย่ฟัง เพื่อให้อุดปากของคุณปู่เย่เอาไว้ แต่อย่างว่า คุณชายสามเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วย และคุณชายสามเย่มีหู เพราะฉะนั้นจึงสามารถได้ยินคำพูดของเธอได้
เย่ซือเฉินมองไปที่เธอ ชั่วขณะหนึ่งในแววตามีอารมณ์มากมายที่คนอื่นสังเกตไม่เห็นพาดผ่านไป เขารู้เธอพูดคำพูดพวกนี้เพื่อที่จะให้คุณปู่เย่โมโห เขาเองก็ดูออกว่าเธอโมโหแล้ว
ไม่ว่าเป็นใครมาได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของคุณปู่เข้าก็จะต้องโกรธ เพราะฉะนั้นที่เธอโกรธมันก็สมควรแล้ว
แต่ว่า พอตอนนี้มาได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ในใจของคุณชายสามเย่ก็ยังคงไม่สบายใจมากอยู่ดี
คุณชายสามเย่ก็เข้าใจดี ด้วยคำพูดพวกนั้นที่คุณปู่พูดในห้องโถงใหญ่ตระกูลถังเมื่อกี้ คาดว่าเส้นทางตามเมียกลับมาของเขาคงจะยากมากยิ่งขึ้นแล้ว
ในตอนนี้ คุณชายสามเย่จ้องมองเธอ ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ เขาอยากจะกอดเธอไว้แล้วก็จูบแรง ๆ สักที แต่ว่ากลับไม่อดกลั้นไว้ไม่ได้
อย่างแรก เขารู้ว่านี่เป็นแผนการของเธอ เขาจะมาทำลายแผนการของเธอไม่ได้
อย่างที่สอง เห็นได้ชัดว่าเธอในตอนนี้นั้นกำลังโกรธมาก จะยอมให้เขาจูบไหมยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่เลย เขากลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาที่กว่าจะผ่อนคลายลงมาได้หน่อยหนึ่งจะกลับไปเป็นสงครามเย็นอีกแล้ว
คุณปู่เย่คิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่า‘ถังฉิ้นเอ๋อ’จะปฏิเสธเขาอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิดแบบนี้ แล้วชั่วขณะหนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูแย่มาก
“ไปเถอะ พวกเรากลับกันเถอะ” พอคุณย่าเย่เห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ทางที่ดีที่สุดคือการจากไป ไม่อย่างงั้นก็จะมีแต่ยิ่งย่ำแย่มากขึ้น
แล้วคุณย่าเย่ก็เข็นคุณปู่เย่เดินออกไปทางข้างนอก
เย่ซือเฉินยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองไปทางเวินลั่วฉิง ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ขยับ
“ซือเฉิน ไปเถอะ” คุณย่าเย่เห็นท่าทางของเขา ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าซือเฉินจะชอบคุณหนูถัง แต่คาดว่าก็คงจะจัดการกันยากแล้ว
ท่าทีของคุณหนูถังนั้นได้แสดงออกชัดเจนมากแล้ว
อย่างน้อยภายใต้บรรยากาศแบบนี้พูดอะไรก็ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว ถ้าหากว่าซือเฉินชอบเธอจริง ๆ ต่อไปค่อยคิดหาวิธีใหม่ละกัน
เวินลั่วฉิงไม่ได้มองไปที่เย่ซือเฉินอีก แต่กลับหมุนตัว แล้วเดินขึ้นไปบนตึกเลย
ดวงตาของเย่ซือเฉินขรึมลง ตอนนี้เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ พูดอะไรไม่ได้ ทำได้แต่หมุนตัว แล้วก็จากไปให้เร็วที่สุด เขาไม่ได้รอคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ แต่กลับขับรถจากไปตัวคนเดียวเลย
“คืนนี้คุณปู่เย่เขาเกินไปแล้วจริง ๆ เขา เขาว่าฉิงฉิงอย่างนี้ได้ยังไงกัน……” เฟิ่งเหมียวเหมียวถือกล้องวิดีโออยู่แล้วเดินออกมา และโกรธจนมือสั่น เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอจะต้องถ่ายวิดีโอ เธอก็จะพุ่งตัวออกมาทะเลาะกับคุณปู่เย่สักยกจริง ๆ
“อย่าพูดถึงเขากับฉัน อย่าพูดถึงคนตระกูลเย่กับฉัน ต่อไปคนแซ่เย่ทั้งหมดก็ไม่ต้องเข้ามาในบ้านเราอีก” ตอนนี้ท่านย่าถังนั้นโกรธมากเกินไปแล้วจริง ๆ คำพูดพวกนั้นของคุณปู่เย่เมื่อกี้แต่ละคำเหมือนกับเข็มที่ทิ่มเข้ามาในใจเธอ
“จัดการเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?” ท่านปู่ถังมองไปที่เฟิ่งเหมียวเหมียว แล้วถอนหายใจเงียบ ๆ ทีหนึ่ง “จัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จก่อนเถอะ”
“จัดการหมดเรียบร้อยแล้ว หยุนเฉิงได้ติดต่อกับนักข่าวไว้แล้ว สามารถส่งออกไปได้ทันทีเลย พอถึงตอนนั้นมาดูซิว่าพวกเขาจะเสแสร้งยังไงต่ออีก?” เฟิ่งเหมียวเหมียวถือกล้องถ่ายวิดีโอไว้ แล้วเขย่าเล็กน้อย สีหน้าดูผ่อนคลายลงมาหน่อยแล้ว
“ฉันคิดว่าฉิงฉิงได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้วในใจก็คงจะเป็นทุกข์มากเหมือนกัน เมื่อกี้ดูออกเลยว่าเธอโกรธมาก” ท่านย่าถังคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงขึ้นมาชั้นบนแล้ว แต่ว่าสีหน้าก็ยังคงขรึมอยู่บ้าง คำพูดพวกนั้นของคุณปู่เย่เมื่อกี้มันเกินไปจริง ๆ เธอเป็นคนใจกว้างขนาดนี้มาได้ยินแล้วยังไม่สบายใจเลย เธอยอมรับว่าเมื่อกี้เธอตั้งใจใส่อารมณ์ ตั้งใจพูดคำพูดประโยคนั้นไป
เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ แล้วอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เวินลั่วฉิงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของเย่ซือเฉิน เธอลังเลไปครู่หนึ่ง แต่แล้วก็กดรับสาย
หลังจากที่กดรับสายแล้ว เย่ซือเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร มีเพียงแต่ว่าเสียงหายใจของเขาลอยเข้ามา
“ฮัลโล” เวินลั่วฉิงร้องเรียกขึ้นเบา ๆ คำหนึ่ง
แต่ว่าเย่ซือเฉินก็ยังไม่พูดอะไรอยู่ดี เรื่องของวันนี้ เขารู้ว่าเธอต้องลำบากใจแล้ว แต่ว่าเขาไม่อยากจะพูดขอโทษ
ขอโทษ ดูแข็งกระด้างเกินไป ดูห่างเหินเกินไป เขาไม่ชอบ เขาไม่ชอบให้ระหว่างเธอและเขาต้องมาใช้ศัพท์อย่างนี้
ที่จริงเขามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
เวินลั่วฉิงถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง “คุณกำลังขับรถอยู่ใช่ไหม? ฉันวางสายก่อนนะ”
“ฉิงฉิง” เย่ซือเฉินถึงได้เปิดปากร้องเรียกเธอคำหนึ่ง น้ำเสียงนั้นขรึมต่ำ แหบแห้ง มีอารมณ์ซับซ้อนมากมายแฝงเอาไว้
“ผมไม่ได้ขับรถ” เขาได้จอดรถเข้าข้างทางแล้ว ตอนนี้จิตใจของเขาว้าวุ่น จนไม่สามารถขับรถได้
คำพูดของเขาหยุดไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงต่ำลงเล็กน้อย “ไม่สนใจผมจริง ๆ เหรอ?