ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 608 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 608 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (3)
บทที่ 608 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (3)
ข้าวของข้างในห้องหนังสือท่านปู่ถัง ปกติแล้วยิ่งไม่มีใครกล้าแตะ แม้แต่ถังหลินเองยังไม่กล้าแตะไปเรื่อยเลย
แต่ว่าวันนี้ตั้งแต่เช้าถังจื่อโม่เพื่อนตัวเล็กก็เข้าไปในห้องหนังสือของท่านปู่ถัง จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ข้างในและยังไม่ออกมาอีก
ก่อนหน้านั้นท่านปู่ถังเคยเข้าไปดูมาก่อนแล้ว แต่ว่าตอนที่ออกมานั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง แววตาแบบนั้นดูซับซ้อนมาก แม้แต่เวินลั่วฉิงก็ยังดูไม่ออก
“พี่ชายทำอะไรอยู่ในห้องหนังสือ?” เวินลั่วฉิงไม่ได้สงสัยมากเท่าไหร่ แต่ว่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง พูดตามตรงเธอไม่เคยเข้าไปในห้องหนังสือของท่านปู่ถังมาก่อน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องหนังสือของท่านปู่ถังมีอะไรบ้าง
แต่ว่า ถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็กเคยเข้าไปแล้ว
“เล่นโมเดลของคุณปู่ทวดอยู่ค่ะ ในห้องหนังสือของคุณปู่ทวดมีโมเดลอยู่เยอะแยะมากมายเลยค่ะ พี่บอกว่าเป็นของที่เขาชอบ ชอบมากแทบไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้น หนูก็เลยไม่กวนพี่แล้ว” ถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็กก็ยังคงรู้เรื่องมากจริง ๆ และแน่นอนว่าที่สำคัญคือเธอไม่ได้รู้สึกสนใจโมเดลพวกนั้นด้วย
ดวงตาของเวินลั่วฉิงสั่นไหวเล็กน้อย ถึงว่าล่ะ? โมเดลที่ท่านปู่ถังสะสมจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอะไรบางอย่างในกรมทหารแน่ นั่นมันเป็นของที่ถังจื่อโม่เพื่อนตัวเล็กชอบที่สุดเลยนี่
ถังจื่อโม่ไม่เพียงชื่นชอบโมเดลทุกแบบทุกอย่าง และที่สำคัญยังมีนิสัยชอบแกะโมเดลออกแล้วก็ต่อกลับคืนไปด้วย
ในที่สุดเวินลั่วฉิงก็เข้าใจแววตาที่ซับซ้อนของท่านปู่ถังก่อนหน้านั้นมันมาจากอะไร
“คุณแม่ คนสองคนเมื่อกี้จากไปหรือยังคะ? หนูไม่ชอบคนสองคนนั้นเลยค่ะ พวกเขาดุมาก น่ากลัวมาก หนูอยากลงไปเล่นแล้ว แต่ว่าหนูกลัวพวกเขา” ถังจื่อซีเงยหน้าเล็ก ๆ ไว้ แล้วมองไปที่เวินลั่วฉิง ใบหน้าน้อยดูขรึมเล็กน้อย
“พวกเขาไปแล้ว ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ลงไปกับหนูด้วย” เวินลั่วฉิงอึ้งไปเล็กน้อย แอบถอนหายใจในใจเงียบ ๆ ทีหนึ่ง มักจะพูดว่าเด็ก ๆ นั้นละเอียดอ่อน ก่อนหน้านี้ถ้าคุณปู่เย่และคุณย่าเย่มีความใกล้ชิดกับถังจื่อซีบ้างสักเล็กน้อย ถังจื่อซีก็คงจะไม่กลัวพวกเขาแล้ว
เวินลั่วฉิงจูงมือถังจื่อซีออกจากห้องมา แล้วก็เจอเข้ากับท่านปู่ถังที่เดินออกมาจากห้องหนังสือพอดี พูดให้ถูกต้องคือท่านปู่ถังมายืนอยู่นอกห้องหนังสือครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัว กะว่าจะจากไปเลย
ในตอนนี้ ปฏิกิริยาบนใบหน้าของท่านปู่ถังเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมากยิ่งขึ้นแล้ว
เวินลั่วฉิงมองผ่านช่องประตูห้องหนังสือเข้าไป แล้วเห็นภาพสถานการณ์ข้างใน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย ตอนนี้ในห้องหนังสือไม่มีที่ว่างแม้จะวางเท้าลงได้แม้แต่นิดเดียวเลย ทั่วทั้งห้องล้วนเป็นชิ้นส่วนของโมเดล
“ก่อนหน้านั้นจื่อโม่ถามฉันว่าแตะต้องได้หรือเปล่า ถามฉันว่าแกะออกดูได้หรือเปล่า ฉันนึกว่าที่เขาบอกว่าแกะออกดูได้หรือเปล่าคือแค่เปิดตรงที่เปิดได้ออกดู แต่คิดไม่ถึงว่าที่เขาว่าแกะออกจะหมายความถึงแบบนี้” ท่านปู่ถังมองไปที่เวินลั่วฉิง แล้วมีความรู้สึกแบบว่าอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาแบบหนึ่ง
ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงว่าเด็กที่อายุไม่ถึงห้าขวบคนหนึ่งจะมีพลังทำลายล้างได้สูงถึงขนาดนี้
มุมปากของเวินลั่วฉิงกระตุกขึ้นเล็กน้อย พอเห็นท่าทางแบบนี้ของท่านปู่ถังแล้ว ก็อดไม่ได้ที่อยากจะยิ้มขึ้นมา
“คุณตาวางใจเถอะค่ะ เขาจะต่อคืนใหม่ให้เอง ให้เป็นแบบเดิมด้วยค่ะ” เวินลั่วฉิงคิดว่าสถานการณ์แบบนี้เธอจะมาหัวเราะไม่ได้แน่ ปลอบใจคุณตาสักหน่อยก่อนดีกว่า
แล้วท่านปู่ถังก็มองไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง จากนั้นก็มองมาที่เวินลั่วฉิงทีหนึ่ง “ตอนนี้ ชิ้นส่วนไหนเป็นชิ้นส่วนไหนก็แบ่งแยกไม่ชัดเจนแล้ว”
เห็นได้ชัดว่า ท่านปู่ถังไม่เชื่อคำพูดของเวินลั่วฉิง ไม่เชื่อว่าถังจื่อโม่จะต่อคืนกลับมาให้เรียบร้อยได้
สถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังต่อคืนไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับแค่เด็กห้าขวบคนหนึ่ง
เขาไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้ว เขาได้ยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
แต่ว่า จิตใจตอนนี้ของท่านปู่ถังกำลังเลือดไหลอาบอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตเลยนะ ทั้งชีวิตของเขาก็มีสิ่งที่ชอบอยู่แค่นี้เอง
พังหมดแล้ว โดนเจ้าเด็กนั่นทำพังหมดแล้ว เฮ้อ!! ท่านปู่ถังในตอนนี้มีความรู้สึกแบบว่ามีความทุกข์ก็ไม่รู้จะไปบ่นให้ใครฟัง
แล้วสถานการณ์แบบนี้ เขาก็แค่สามารถบอกให้เวินลั่วฉิงฟังหน่อยเท่านั้น สำหรับคนอื่นแล้วเขาพูดยังไม่กล้าพูดเลย
ถ้าหากว่าเขาบอกกับท่านย่าถัง ท่านย่าถังก็จะไม่เพียงไม่ช่วยเขา คาดว่ายังคงจะสวดเขารอบหนึ่งแน่
ตอนนี้ หลานรักทั้งสองคนเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน เขาเองกลายเป็นฟางเส้นหนึ่งที่ไม่มีคนสนใจ
พอเวินลั่วฉิงเห็นว่าเขาไม่เชื่อ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
พอลงมาจากตึก เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ได้จัดการคลิปวิดีโอเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ส่งต่อไปให้กับนักข่าวที่ติดต่อไว้ แน่นอนว่าเป็นหลายสำนักข่าวที่มีแรงอิทธิพลสูงมาก และผลกระทบสูงมาก
เฟิ่งเหมียวเหมียวเปิดทีวีขึ้นมา แล้วก็รอดูข่าว
“จื่อซี มา เดี๋ยวปู่พาหนูออกไปเล่น” พอถังหยุนเฉิงเห็นถังจื่อซี บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา เวลาหนึ่งวันมานี้ ถังหยุนเฉิงก็เริ่มชินกับการยิ้มแล้ว ไม่เหมือนกับปกติที่หน้าขรึมอยู่ทั้งหน้าเป็นประจำ
“ดีค่ะ ดีค่ะ” ถังจื่อซีรีบวิ่งไปหา
เมื่อวานนั้น ถังหยุนเฉิงและเฟิ่งเหมียวเหมียวซื้อของเล่นมากมายหลายแบบกลับมา ถังจื่อโม่ไม่ได้สนใจของเล่นพวกนั้นเลย แต่ว่าถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็กกลับดีใจเป็นอย่างมาก
แล้วถังหยุนเฉิงก็อุ้มถังจื่อซีไปเล่นของเล่น
ที่จริงทุกคนต่างก็รู้ ว่าถังหยุนเฉิงนั้นตั้งใจอุ้มถังจื่อซีแยกออกไป พวกเขาไม่อยากให้เด็กมองเห็นความภาพที่ไม่ดีของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่
และอย่างรวดเร็ว คลิปที่เฟิ่งเหมียวเหมียวถ่ายไว้ก่อนหน้านั้นก็โดนโพสต์เข้าไปในโลกออกไลน์ ครั้งนี้ เป็นนักข่าวของสำนักข่าวที่ข้อมูลแน่นที่สุดเป็นคนโพสต์ ความน่าเชื่อถือนั้นสูงมาก ผลกระทบก็สูงมาก ยอดผู้เข้าชมก็ยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ
คลิปที่เฟิ่งเหมียวเหมียวถ่ายนั้นมีคุณภาพมาก ทุกรายละเอียดทุกขั้นที่ถ่ายนั้นต่างก็มีผลประโยชน์มาก และก็ถ่ายตอนที่คุณปู่เย่เดินได้อย่างชัดเจนเป็นพิเศษ และก็ถ่ายคำพูดทุกคำที่คุณปู่เย่พูดไว้ได้ครบถ้วนหมดเลย
แต่ว่า เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ถ่ายหลีกเลี่ยงถังจื่อซีออกไปได้อย่างฝีมือดีมาก โดยที่ไม่ได้ถ่ายถังจื่อซีติดเข้าไปด้วยเลย
พอคลิปในครั้งนี้เผยแพร่ออกไป ผู้คนทั้งหมดก็แตกตื่นกันเลย
“อาการบาดเจ็บคุณปู่เย่เป็นของปลอมเหรอ?”
“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ขอแค่คนที่มีตาก็มองออกได้ทั้งนั้น พวกเธอดูบนคลิปนี้ซิมันมีวันเวลาอยู่นะ วันที่เป็นวันนี้ และที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ก็คือข้างในห้องโถงใหญ่บ้านตระกูลถัง แล้วมีท่านปู่ถัง ท่านย่าถัง และคุณหนูถังด้วย ต้องไม่ใช่คลิปปลอมแน่”
“ที่สำคัญ ครั้งนี้ก็เป็นคลิปที่ผู้อาวุโส รุ่ยผิงเป็นคนโพสต์ออกมาด้วย ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่”
“เพราะฉะนั้น คลิปนี้จะต้องเป็นของจริงแน่”
“โอ้สวรรค์? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? นี่มันโกหกคนชัด ๆ?”
“ไม่ นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่โกหกคน ที่สำคัญยังเป็นการใส่ร้ายด้วย ทั้ง ๆ ที่คุณปู่เย่ไม่ได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ แต่กลับแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ เพื่อใส่ร้ายเวินลั่วฉิง”
“คุณปู่เย่ทำไมเป็นคนที่น่ารังเกียจแบบนี้ ร้ายขนาดนี้ คนแก่ในตอนนี้ร้ายขนาดนี้หมดเลยเหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่คนแก่เปลี่ยนเป็นคนชั่ว แต่คนชั่วแก่แล้วต่างหาก” คำพูดนี้ถือได้ว่ามาพูดเสริมได้ในระดับเทพเลย
“ฉันเคยเจอคนชั่ว แต่ไม่เคยเจอคนที่ชั่วร้ายได้อย่างโดดเด่นขนาดนี้มาก่อน ฝีปากกล้าขนาดนี้ แต่กลับไม่มีความจริงเลยสักคำ ฉันนี่ยอมแพ้แล้วจริง ๆ”
“คุณปู่เย่นี่ชั่วร้ายได้อย่างโดดเด่นไม่เหมือนใคร ส่วนคุณย่าเย่นี่ก็ชั่วแบบเสแสร้งแกล้งทำ คนสองคนนี้นี่ก็เหมาะสมกันสุด ๆ แล้ว”
“ชายโฉดกับหญิงชั่ว ผีเน่ากับโลงผุ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนแก่ พูดคำพูดแบบนี้ใส่จะไม่ค่อยเคารพสักหน่อย แต่ว่าฉันควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้วจริง ๆ คำพูดต่อไปฉันก็จะไม่พูดแล้ว พวกเธอไปคิดกันเอาเองละกัน”
ครั้งนี้ ก็ยังเป็นคำด่าแบบต่าง ๆ นานา เพียงแต่ว่าทิศทางลมนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนเป็นไปด่าคุณปู่เย่และคุณย่าเย่แล้ว