ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 609 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 609 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (4)
บทที่ 609 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (4)
“หรือมีแต่ฉันที่รู้สึกว่าคุณหนูถังหล่อมาก เท่มาก มีเสน่ห์มากอยู่คนเดียวเหรอ?” แน่นอน แล้วก็มีเสียงอีกส่วนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วย
พอคอมเมนต์ออกมา ก็มีคนมากมายนับไม่ถ้วนมากดไลค์ ข้างหลังก็มีคอมเมนต์ชื่นชมคุณหนูใหญ่ตระกูลถังตามมาอีกมากมาย
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ตอนที่คุณปู่เย่เห็นคลิปนั้น ก็อึ้งไปทั้งตัวเลย และเอ๋อไปเลย “ทำไมถึงได้มีคลิปแบบนี้ออกมาได้? นี่ใครเป็นคนถ่ายคลิปกันเนี่ย?”
“นี่เป็นห้องโถงใหญ่บ้านตระกูลถัง จะต้องเป็นคนของตระกูลถังถ่ายแน่” พอคุณย่าเย่เห็นสถานการณ์ในคลิปแล้ว ดวงตาทั้งคู่ก็กลอกไปมาไม่หยุด
“พวกเราติดกับของตระกูลถังแล้ว? ตกหลุมกับดักของพวกเขาแล้ว” คุณย่าเย่จ้องมองคอมเมนต์พวกนั้น แล้วชั่วขณะหนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูได้เลย
ตั้งแต่แรกเธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยชอบมาพากลแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“เพราะอะไร? ทำไมคนของตระกูลถังจะต้องทำอย่างนี้ด้วย? ทำไมพวกเขาจะต้องช่วยเวินลั่วฉิงด้วย?” ดวงตาของคุณปู่เย่หรี่ขึ้นมาอย่างแรง ท่าทางในตอนนี้ดูไปแล้วน่ากลัวมาก
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่าคราวที่แล้วตอนที่อยู่ที่บ้านตระกูลกู้ท่านย่าถังก็เคยช่วยเวินลั่วฉิงมาก่อนแล้ว และที่สำคัญตอนนั้นท่านย่าถังก็ชอบเวินลั่วฉิงมาก……” คุณย่าเย่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนที่อยู่บ้านตระกูลกู้เมื่อคราวที่แล้ว หัวคิ้วก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน
“เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าท่านย่าถังจะชอบเวินลั่วฉิงแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางช่วยเวินลั่วฉิงแล้วมาวางกับดักกับพวกเราแบบนี้” ดวงตาของคุณปู่เย่หรี่ขึ้นมายิ่งกว่าเดิม ในความเยือกเย็นแฝงไว้ด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจบางส่วน “ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลถังก็ดีกันมาตลอด และบวกกับความสัมพันธ์ของซือเฉินและถังหลินแล้ว พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาวางกับดักและทำร้ายพวกเราเพื่อคนนอกเพียงคนเดียว”
คุณย่าเย่กำลังอยากจะเปิดปากพูด
แล้วก็ในขณะเดียวกัน อยู่ ๆ ประตูห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลก็โดนผลักเปิดออก นักข่าวกลุ่มหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้ามาโดยตรง
พอคุณปู่เย่และคุณย่าเย่มองเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ตกใจจนอึ้งไปเลย
พวกเขาเพิ่งจะเห็นคลิปเมื่อกี้เอง ยังไม่ทันจะได้ทำการโต้ตอบอะไร พวกนักข่าวพวกนี้ก็พุ่งตรงเข้ามาแล้ว
กะทันหันเกินไป และก็น่ากลัวมากด้วย
สถานการณ์อย่างนี้ จะต้องไม่ใช่คนทั่วไปที่สามารถควบคุมได้แน่
“คุณปู่เย่ ฉันอยากจะถามคุณหน่อย ตกลงขาของคุณบาดเจ็บจริง ๆ ไหม?”
“คุณปู่เย่ ขาของคุณกระดูกหักจริง ๆ เหรอ? กระดูกหักจริง ๆ นั้นจะต้องเดินไม่ได้ช่วยระยะยาวเลยนะ แต่ว่าที่คุณปู่เย่ไปที่บ้านตระกูลถังก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเดินได้ดีมากที่บ้านตระกูลถัง เพราะฉะนั้นอาการบาดเจ็บของคุณปู่เย่นั้นเป็นของปลอดใช่ไหม?”
คุณปู่เย่จ้องนักข่าวที่พูดเขม็ง สีหน้าก็ดูไม่ได้ แต่ว่าก็ยังไม่พูดอะไร
“คุณปู่เย่ไม่ยอมตอบตอนนี้ พวกเราก็จะคิดซะว่าคุณยอมรับแล้วนะ” พอนักข่าวเห็นว่าคุณปู่เย่ไม่ยอมตอบ ก็รู้เลยว่าเวลานี้คุณปู่เย่จะไม่ยอมตอบแน่ ก็เลยสรุปเอาเองเลย
“คุณปู่เย่ ที่คุณแกล้งทำเป็นบาดเจ็บก็เพราะว่าคุณจะใส่ร้ายคุณเวินใช่ไหม?”
“คุณปู่เย่ คุณทำแบบนี้ จิตใต้สำนึกไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ?”
“คุณปู่เย่ นี่คุณกำลังใส่ร้ายอยู่ ถ้าเกิดเวินลั่วฉิงฟ้องคุณขึ้นมา คุณจะต้องติดคุกนะ”
นักข่าวพุ่งเข้ามา แต่ละคนพุ่งมาอยู่ตรงหน้าคุณปู่เย่ คำถามที่ถามออกมาแต่ละคำถามแหลมคมกว่าแต่คำถาม
“พวกคุณออกไปให้หมดก่อนเถอะค่ะ เขาต้องการพักผ่อน” คุณย่าเย่จ้องมองสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ตรงหน้านี้ ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“พักผ่อน? คุณปู่เย่ไม่ได้บาดเจ็บจริง ๆ ด้วยซ้ำ ก่อนหน้านั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโจ๋วก็เคยบอกแล้ว ว่าร่างกายของคุณปู่เย่ไม่ได้มีปัญหาอะไรตั้งแต่แรก แล้วตอนนี้คุณย่าเย่ยังอยากจะหลอกคนอีกเหรอ?”
“คุณย่าเย่ ก่อนหน้านี้คุณช่วยคุณปู่เย่พูดโกหก ไม่ทราบว่าทำไมคุณจะต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“พวกเรามีความลำบากใจอยู่” คุณย่าเย่รู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ก็เลยอดไม่ได้จนพูดตะคอกเสียงดังออกไป
“ความลำบากใจของคุณย่าเย่ก็คือไม่อยากให้คุณชายสามเย่อยู่ด้วยกันเวินลั่วฉิงใช่ไหม? งั้นไม่ทราบว่าคุณชายสามเย่เห็นด้วยกับที่พวกคุณทำแบบนี้ไหม?”
“ซือเฉินรู้ว่าพวกเราหวังดีกับเขา และจะต้องฟังพวกเราแน่” คุณย่าเย่กัดฟันโถ้เถียงกลับไปประโยคหนึ่ง
“คุณย่าเย่ ความหมายของคำพูดประโยคนี้ของคุณคือ คุณชายสามเย่เห็นด้วยกับที่พวกคุณทำแบบนี้ และคุณชายสามเย่ก็เชื่อฟังพวกคุณยอมแยกทางกับเวินลั่วฉิงใช่ไหม?” นักข่าวคนหนึ่งถามติด ๆ ขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ดวงตาของคุณย่าเย่ค่อย ๆ หรี่ขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กัดฟันพยักหน้า “ใช่”
พอคำพูดนี้ของเธอพูดจบลง อยู่ ๆ เย่ซือเฉินก็ปรากฏขึ้นมาในจอทีวี คุณชายสามเย่ในตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังจัดงานแถลงข่าวกับนักข่าวอยู่
สีหน้าของคุณย่าเย่เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้เป็นอย่างมากขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านั้นเย่ซือเฉินก็เคยมาข่มขู่พวกเขาแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ที่บ้านตระกูลถังนั้น เย่ซือเฉินแทบจะไม่ได้สนใจพวกเขาด้วยซ้ำ และก็ไม่ได้รอพวกเขา แล้วก็จากไปตัวคนเดียวเลย
เพราะฉะนั้นคุณย่าเย่รู้ว่า ตอนนี้เย่ซือเฉินเปิดงานแถลงข่าวจะต้องไม่ช่วยพวกเขาแน่นอน แค่ไม่หักหน้าพวกเขาก็ไม่เลวแล้ว
“คุณชายสามเย่จะเปิดงานแถลงข่าวเหรอ? คุณชายสามเย่อยากจะพูดอะไร?”
พวกนักข่าวที่ไล่ถามคุณปู่เย่และคุณย่าเย่เมื่อกี้ พอเห็นว่าอยู่ ๆ คุณชายสามเย่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนหน้าจอทีวี ความสนใจก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตาทันที
“คุณชายสามเย่จัดแถลงข่าวตอนนี้จะต้องเป็นเพราะเรื่องของคลิปวิดีโอแน่”
“เมื่อกี้คุณย่าเย่บอกว่าคุณชายสามเย่จะฟังที่พวกเขาพูด งั้นไม่รู้ว่าต่อไปคุณชายสามเย่จะมาช่วยพวกคุณย่าเย่? หรือว่าจะมาช่วยเวินลั่วฉิงกันแน่?” นักข่าวคนที่ไล่ถามคุณย่าเย่คนเมื่อกี้อดไม่ได้ที่จะพูดเสริมขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ตอนนี้เพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าที่ขาของคุณปู่เย่บาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องโกหก และเพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าคุณปู่เย่และคุณย่าเย่พูดโกหก ถ้าหากว่าตอนนี้คุณชายสามเย่ยังช่วยพวกคุณย่าเย่อยู่อีก งั้นก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีหน่อยหนึ่งแล้ว”
“พวกเธอเลิกเถียงกันได้แล้ว ดูก่อนว่าคุณชายสามเย่จะพูดยังไง?” มีนักข่าวคนหนึ่งรู้เบื่อหน่ายและพูดขัดคำพูดของพวกเขาขึ้น
แล้วทุกคนก็หยุดการโต้เถียงลง และจ้องมองไปที่ทีวี และรอให้คุณชายสามเย่แถลงถ้อยคำ
ตอนนี้ ที่ห้องโถงใหญ่ตระกูลถัง ทุกคนก็กำลังจ้องมองเย่ซือเฉินในหน้าจอทีวีอยู่เหมือนกัน
“เจ้าเด็กคนนี้มาจัดงานแถลงข่าวตอนนี้ เขาอยากจะทำอะไร?” หัวคิ้วของท่านย่าถังค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน “อะไรกันนี่ พอตอนนี้สถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์ต่อตาแก่ตระกูลเย่สองคนนั้น เขาก็ออกมาเปิดแถลงข่าวเหรอ? เมื่อก่อนคุณปู่เย่โพสต์คลิปวิดีโอทำลายฉิงฉิงต่อกันติด ๆ ใส่ร้ายฉิงฉิง ฉิงฉิงต้องโดนคนด่าแค่ไหน ทำไมไม่เห็นเขาออกมาพูดทวงความยุติธรรมสักคำเลย?”
ท่านย่าถังนึกว่าตอนนี้ที่เย่ซือเฉินจัดงานแถลงข่าวขึ้นมาเพราะว่าเพื่อพวกคุณปู่เย่ เพราะฉะนั้นก็เลยยิ่งโกรธมากขึ้น
“ถ้าเขากล้าพูดคำพูดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อฉิงฉิงแม้แต่ครึ่งคำ ฉันก็จะไม่ให้หลานรักทั้งสองคนยอมรับเขาเลย”
ท่านย่าถังรู้สึกว่าจุดนี้สำหรับคุณชายสามเย่มาพูดแล้ว จะเป็นการข่มขู่ที่ดีที่สุดแน่
แน่นอนว่า ตอนนี้หลานรักทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ท่านย่าถังถึงได้พูดแบบนี้ คำพูดแบบนี้ ท่านย่าถังก็แค่พูดไปเรื่อยก็เท่านั้น
เย่ซือเฉินเป็นพ่อแท้ ๆ ของหลานรักทั้งสอง พ่อแท้ ๆ นี่ไม่ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องยอมรับอยู่ดี เธอเองก็ไม่มีทางที่จะมาขัดขวางจริง ๆ หรอก
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเย่ซือเฉินในจอทีวีตรง ๆ และปากเรียวก็เม้มไว้ด้วยกันแน่น
เธอคิดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะเปิดแถลงข่าวในเวลาแบบนี้ เขาตั้งใจเปิดแถลงข่าวนี้เพื่ออยากจะพูดอะไรกันแน่?