ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 611 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (6)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 611 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (6)
บทที่ 611 คุณชายสามเย่สารภาพรักอย่างองอาจ สะเทือนไปทั่วทั้งงาน (6)
เวินลั่วฉิงนั่งมองภาพเขาที่อยู่ในโทรทัศน์ ฟังคำพูดของเขา ความรู้สึกในหัวใจถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง
“นึกไม่ถึงเลยว่าไอ่หนุ่มนี่จะพูดเรื่องแบบนี้เป็นด้วย” ทัศนคติของท่านย่าถังในตอนนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน เย่ซือเฉินพูดออกมาขนาดนี้แล้ว ต่อจากนี้เธอคงจะไม่คัดค้านแล้วแน่นอน ไม่ว่ายังไงแล้ว สิ่งที่เขาต้องการก็คือทัศนคติที่เย่ซือเฉินมีต่อฉิงฉิง
“คุณชายสามเย่หล่อเกินไปแล้ว”
“คุณชายสามเย่เท่เกินไปแล้ว”
“คุณชายสามเย่อบอุ่นเกินไปแล้ว”
“ช่างน่าซึ้งใจจริงๆ” ในสถานที่นั้นนอกจากนักข่าวแล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีกด้วย ต่างก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
“เวินลั่วฉิงล่ะ?”
“นั่นน่ะสิ เวินลั่วฉิงล่ะ? เวินลั่วฉิงรีบออกมา รีบมาตอบรับการขอแต่งงานของคุณชายสามเย่”
มีเริ่มช่วยคุณชายสามเย่เรียกเวินลั่วฉิง
“คุณเย่คะ ได้ข่าวว่าเวินลั่วฉิงไม่สามารถมีลูกได้แล้ว ถ้าหากคุณแต่งงานกับเธอไป ต่อจากนี้คุณก็จะไม่สามารถเป็นพ่อได้ ไม่สามารถมีลูกได้แล้ว” มีนักข่าวคนหนึ่งได้ถามถึงคำถามที่สำคัญและความเป็นจริงมากๆ ออกมา
สำหรับเรื่องที่เวินลั่วฉิงไม่สามารถมีลูกได้แล้ว จากคลิปก่อนๆ คุณปู่เย่ก็ได้พูดไว้อย่างชัดเจน ฉะนั้นตอนนี้ผู้คนส่วนมากต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว
ฉะนั้น คำถามนี้ก็เป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้คำตอบมากที่สุด
หลังจากที่เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของนักข่าวคนนั้นแล้ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เย่ซือเฉินยังไม่รู้เรื่องของลูกน้อยสองคน ฉะนั้นเขาตอบว่า……
“คำถามนี้ไม่ง่ายเลย ตอนนี้เย่ซือเฉินยังไม่รู้เรื่องของลูกน้อยสองคนเลย….” ดวงตาทั้งสองของท่าน่าถังเบิกกว้าง แล้วจ้องไปทางโทรทัศน์
“คิดว่าซือเฉินน่าจะผ่านคำถามนี้ไป ไม่ไปตอบ คำถามนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้วจริงๆ” เฟิ่งเหมียวเหมียวคิดว่าเย่ซือเฉินอาจจะไม่ตอบกลับคำถามนี้ ไม่ว่ายังไงแล้วคำถามนี้ก็มีความละเอียดอ่อนเกินไปแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าแววตาของเธอดูมีความซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัดเจน
เย่ซือเฉินห้ามปล่อยตัวเองเกินไปเด็ดขาด อย่าพูดคำพูดที่เอาแต่ใจเกินไปนะ
“ฉันไม่ชอบเด็ก ไม่อยากมีลูกอยู่แล้ว ฉันคิดว่าคนในตระกูลเย่ก็ไม่ควรจะมีลูก” แต่ว่า เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า คุณชายเย่ในขณะนี้ปล่อยตัวเองเกินไปแล้ว คำพูดประโยคนี้ของเขาได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว แน่นอนว่า ที่คุณชายเย่ทำอย่างนี้และพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน ก็เพื่อที่จะแสดงความจริงใจของตัวเองต่อเวินลั่วฉิง
“พู แค่ก แค่ก” เฟิ่งเหมียวเหมียวสำลักชาที่อยู่ในปากอีกครั้ง สำลักจนไอขึ้นมา
ท่านย่าถังก็เม้มปาก ไม่ชอบเด็ก ไม่อยากมีลูก แล้วลูกน้อยทั้งสองในตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?
เวินลั่วฉิงปิดตา ถอนหายใจแรงๆ ไปหนึ่งที
เรื่องที่เย่ซือเฉินไม่ชอบเด็ก เธอไม่กล้าพูดถึงเรื่องลูกน้อยสองคนเลย แค่ว่าตอนนี้เขาพูดต่อหน้านักข่าวขนาดนี้แล้ว เด็กทั้งสองก็ต้องมองเห็นแน่นอน
เจ้าเด็กถังจื่อโม่กำลังเล่นของเล่นโมเดลอยู่ในห้องทำงาน ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเย่ซือเฉินดังผ่านมาจากในโทรทัศน์ เขามีความสงสัยเล็กน้อย จึงลงตึกไปอยากจะดูว่าเย่ซือเฉินกำลังพูดอะไรอยู่
และในตอนที่เย่ซือเฉินกำลังพูดประโยคนี้ ถังจื่อโม่ก็เดินลงตึกมาพอดี จากนั้นคำพูดที่คุณชายสามเย่พูดต่างก็เข้าไปในหูของเด็กโดยไม่ขาดแม้แต่อักษรเดียว
เวินลั่วฉิงหันไป มองเห็นถังจื่อโม่ที่ยืนอยู่ใต้ตึก เม้มปากอย่างแรง ดูเหมือนว่า เธออยากจะช่วยเย่ซือเฉินปิดบังก็ปิดบังไม่อยู่แล้ว
“ลูกน้อย ทำไมถึงลงมาแล้วล่ะ” ท่านย่าถังเองก็เห็นถังจื่อโม่แล้ว แววตาคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้นทันที รีบเดินตรงไป
“ความหมายของคุณเย่คือจะไม่เอาลูกตลอดชีวิตเลยหรอครับ?” บนจอโทรทัศน์ มีนักข่าวถามเพิ่มอีก
“ใช่” คุณชายสามเย่ไม่มีการลังเลใดๆ เลย ตอบกลับได้อย่ารวดเร็วมาก นั่นเรียกว่าตอบไปงั้นๆ!
“ปิด ปิดทีวีเลย อะไรบ้าบอเนี่ย ดูแล้วก็ปวดหัว” ท่านย่าถังตะโกนไปทางเฟิ่งเหมียวเหมียว ท่านน่ากลัวว่าถังจื่อโม่ได้ยินคำพูดพวกนั้นของเย่ซือเฉินแล้วจะเสียใจ
“คะ? ค่ะ” แน่นอนว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นเข้าใจความหมายของท่านย่า รีบตอบกลับ แล้วไปหารีโมท
“ไม่ต้องปิดแล้วครับ ผมได้ยินหมดแล้วครับ” ถังจื่อโม่เดินมา นั่งลงบนโซฟา เงยหน้าขึ้น มองไปทางเย่ซือเฉินที่อยู่ในโทรทัศน์ ดูขึ้นมาอย่างตั้งใจ
แต่ว่า ในตอนนี้บทสนทนาที่เกี่ยวกับลูกได้ผ่านไปแล้ว นักข่าวได้ถามคำถามใหม่อีกไม่กี่คำถาม
แต่ถังจื่อโม่ก็ยังดูด้วยความตั้งใจ ไม่กะพริบตาเลย
ห้องรับแขกในตอนนี้ ทุกคนต่างก็มองไปทางถังจื่อโม่ มองดูท่าทีที่เขาดูโทรทัศน์ด้วยความตั้งใจ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย
สิ่งที่คุณชายสามเย่จะพูดก็พูดหมดแล้ว ฉะนั้นการแถลงข่าวก็จบลงในไม่ช้า
จนกระทั่งคุณชายสามเย่ออกไป ถังจื่อโม่จึงจะค่อยๆ เก็บสายตากลับคือมา
“เด็กน้อย ที่จริงแล้ว…..” ท่านย่าถังมองไปทางถังจื่อโม่ ลองที่จะเปิดปากถามดู
“ผมนามสกุลถัง ไม่ได้นามสกุลเย่ครับ” ทันใดนั้นเจ้าเด็กถังจื่อโม่ก็ยืนขึ้นกะทันหัน แล้วพูดคำนี้ออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด หลังจากที่เขาพูดจบแล้ว ก็หันหลังเดินขึ้นบันไดไป
คำพูดนี้ของเจ้าเด็กถังจื่อโม่ ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปหมด
นามสกุลถัง ไม่ได้นามสกุลเย่? คำพูดนี้หมายความว่าอะไร?
“ถังจื่อโม่ ลูกไปไหน?” แววตาของเวินลั่วฉิงประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เขาจะไปไหน?
ถังจื่อโม่หยุดเดิน หันหลังมองไปทางเวินลั่วฉิง “โมเดลของผมยังต่อไม่เสร็จเลย ผมจะไปทำโมเดล”
ในตอนที่เจ้าเด็กถังจื่อโม่พูดถึงคำพูดนี้ ไม่ได้ฟังออกถึงความแปลกผิดปกติอะไร ราวกับว่าจะไปทำโมเดลจริงๆ
ตามหลักแล้ว เด็กห้าขวบ ทั้งใจหวังแต่จะไปเล่นของเล่นก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าถังจื่อโม่ไม่ใช่เด็กทั่วไป จุดนี้เวินลั่วฉิงรู้ดีที่สุด
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายแบบนี้แน่นอน แต่ว่าถังจื่อโม่ไม่อยากจะพูด เธอก็ไม่ดีที่จะถามเยอะ อย่างน้อยในเวลานี้ ในสถานที่แบบนี้ก็ไม่เหมาะที่จะถาม
เวินลั่วฉิงแค่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเย่ซือเฉินในใจ ต่อมา ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?
เธอคิดว่าแม้แต่เธอก็คงจะไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
“ไปเถอะ ไปเถอะ โมเดลพวกนั้นหนูสามารถแกะได้ตามใจชอบเลย ท่านปู่ไม่มีความเห็นอะไร” ท่านปู่ถังเดิมทีที่ใจในเรื่องของโมเดลมากๆ ได้พูดประโยคนี้ออกมา
“อื้ม ท่านปู่พูดถูก ไปเล่นเถอะ เล่นจนเสียแล้วก็ไม่เป็นไร ถ้าหนูชอบอีก ก็ให้ท่านปู ไม่ก็ท่านอาของหนูไปต่อให้” ท่านย่าถังพูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง
“อื้ม ขอบคุณท่านปู่ ขอบคุณท่านย่าครับ” ถังจื่อโม่ตอบกลับ แล้วยิ้มไปทางทุกคน จากนั้นก็หันหลังแล้วขึ้นตึกไป ไปที่ห้องทำงาน แล้วเล่นโมเดลตอบ
“โชคดีที่เจ้าเด็กนี้ชอบโมเดลมากๆ ในใจยังนึกถึงแต่เรื่องโมเดล ไม่เช่นนั้น….” ท่านย่าถังรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดเจน
“โชคดีที่ฉันมีโมเดลเยอะ น่าสามารถให้เขาแกะได้เป็นช่วงเวลาหนึ่งเลย” ท่านปู่ถุงในขณะนี้ไม่รู้สึกเจ็บใจโมเดลของเขาแล้ว ยิ่งเป็นห่วงว่าโมเดลจะไม่พอสำหรับให้ถังจื่อโม่แกะ “ไม่ได้ ฉันจะไปหาโมเดลมาให้เขามากกว่านี้ จำได้ว่าที่บ้านท่านหลี่มีไม่น้อยเลย”