ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 653 หึงจนโมโห (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 653 หึงจนโมโห (4)
บทที่ 653 หึงจนโมโห (4)
หลิวหยิงรู้ว่าเขายืนขึ้นมาสู้อีกครั้งเพราะเวินลั่วฉิง เธอคิดว่า เขาอยากเห็นเวินลั่วฉิงมีความสุข เขาคงต้องอยากมีชีวิตต่อไปแน่นอน
“แล้วแต่”ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้เรื่องมากเรื่องการกิน สำหรับเขาขอเพียงกินอิ่มท้องก็พอ ไม่มีสิ่งชอบหรือไม่ชอบ
หลิวหยิงกะพริบ เธอรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่ยุ่งยากเรื่องกินเสมอมา แต่เธอรู้ว่าเขาชอบกินอะไรบางอย่าง
ตอนที่แม่ของไป๋ยี่รุ่ยยังมีชีวิตชอบทำให้เขากินประจำ ตอนนั้นความสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลของพวกเขาดีมาก เธอมักจะไปกินข้าวบ้านเขาประจำ
“คุณรอเดี๋ยว ฉันจะไปทำให้คุณ”หลิวหยิงยิ้มอีกครั้ง มีโอกาสทำเพื่อเขาก็คือความเบิกบานใจอย่างหนึ่ง
หลังหลิวหยิงออกจากโรงพยาบาล เธอไปซื้อของที่ต้องการในห้างสรรพสินค้าก่อน เพราะโรงพยาบาลอยู่ไกลบ้าน ดังนั้นเธอจึงหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆแห่งหนึ่ง
เธอไม่ได้ให้พ่อครัวร้านอาหารทำ แต่ยืมพื้นที่เข้าครัวเอง
ตอนนี้เพิ่งสี่โมงเย็นกว่าๆ ร้านอาหารยังไม่แขก เธอให้เงินกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านก็ต้องเต็มใจให้ใช้อยู่แล้ว
เพราะรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยชอบกิน และเธอก็ชอบกินด้วย ดังนั้นเธอเคยเรียนวิธีการปรุงจากคุณแม่ไป๋ยี่รุ่ยมาก่อน ซึ่งต่อมาก็เคยทำหลายครั้ง
เพียงแต่หลังจากอยู่กับมู่หรงซือถูแล้วก็ไม่ได้ทำอีก
อันที่จริงเป็นอาหารที่แสนจะธรรมดามากจานหนึ่ง———ผัดเต้าหู้
ถึงแม้จะไม่ได้ลงมือทำมาหลายปี แต่เธอก็ไม่ได้ลืมคล้ายกับทุกอย่างตราตรึงอยู่ในความทรงจำ……
ทำอาหารจานนี้ง่ายมาก หลิวหยิงใช้เวลาในการปรุงประมาณยี่สิบนาทีก็แล้วเสร็จ
หลิวหยิงใส่ในกล่องเก็บความร้อนที่เพิ่งซื้อเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นก็เดินถือออกจากร้าน แล้วกลับไปที่โรงพยาบาลใหม่
ด้านในคฤหาสน์ มู่หรงซือถูดูเวลา สีหน้าก็ยิ่งขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ เธอแน่มาก นานป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีก
มีเรื่องให้คุยกับไป๋ยี่รุ่ยมากเหรอ?
เขาเอามือถือออกมาค้นหาเบอร์ของเธอ เพื่อจะได้โทรหาเธอ แต่วินาทีต่อมา เขาก็หยุดการกระทำ จากนั้นก็โทรอีกหมายเลขหนึ่ง
“เธอออกจากโรงพยาบาลหรือยัง?”น้ำเสียงมู่หรงซือถูในเวลานี้สามารถทำให้สรรพสิ่งบนโลกจับตัวกลายเป็นน้ำแข็งได้เลย
“คือ?”คนในสายมองหลิวหยิงถือกล่องเก็บความร้อนเข้ามาที่โรงพยาบาล ไม่รู้ควรตอบคำถามเจ้านายอย่างไรในชั่วขณะนั้น
“ทำไม?เกิดอะไรขึ้น?”ดวงตามู่หรงซือถูเบิกกว้าง จับมือถือไว้แน่น
“ไม่ได้เกิดเรื่องครับ เมื่อกี้คุณหลิวออกไป ตอนนี้กลับเข้ามาแล้วครับ”ลูกน้องคนนั้นรีบตอบ
“กลับมาอีก?หมายความว่ายังไง?”ตาหรี่ของมู่หรงซือถูกะพริบรัวๆ
“……”คนนั้นแอบถอนหายใจ จากนั้นก็รวบรวมความกล้าพูดว่า“เมื่อกี้คุณหลิวออกไปทำกับข้าวครับ”
“ทำกับข้าว?”ดวงตาที่กำลังหรี่ขึ้นของมู่หรงซือถูทอแสงเย็นเหยียบออกมากะทันหัน “เธอทำเอง?ทำที่ไหน?”
“คุณหลิวยืนครัวจากร้านอาหาร แล้วทำด้วยตัวเองครับ”อันที่จริงคนนั้นไม่ได้อยากพูด แต่เขาไม่กล้าปิดบัง
“เธอยืมครัวร้านอาหาร แล้วทำกับข้าวให้ไป๋ยี่รุ่ยเอง!!”มู่หรงซือถูได้ยินคล้ายกับอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดซ้ำประโยคของลูกน้องทีละคำอย่างช้าๆ
เธอใส่ใจมากเลย!!
เธออยู่กับเขามาห้าปี ไม่เคยทำกับข้าวให้เขาทานมาก่อน แน่นอน เขาจ้างแม่บ้านมา เธอไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง
แต่ตอนนี้เธอไปร้านอาหาร ลงมือทำกับข้าวให้ไป๋ยี่รุ่ยด้วยตัวเอง
ดี ดีมาก!!
หากเวลานี้เธออยู่ข้างกายเขา เขาคิดว่าเขาจะบีบคอเธอให้ตายอย่างไม่ลังเล
มู่หรงซือถูวางสาย จากนั้นก็เขวี้ยงมือถือไปด้านข้าง
แม่บ้านลาสองวันพอดี ดังนั้นที่บ้านจึงมีเขาอยู่คนเดียว
เขาเอาเหล้ามาเปิดหนึ่งขวด จากนั้นก็ดื่มอย่างหนักจนสำลัก
จากนั้นเขานั่งอยู่บนโซฟา ดูเวลาก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว
เขาจะดูสิว่าเธอคิดจะกลับมากี่โมง?
หลิวหยิงถืออาหารที่ตัวเองทำ และเกือบชนกับผู้หญิงที่เดินมาด้านหน้า
ผู้หญิงจ้องเขม็งใส่เธอ ท่าทางดุเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ”หลิวหยิงรีบกล่าวคำขอโทษ อันที่จริงไม่ใช่ความผิดเธอทั้งหมด แต่เธอไม่อยากสร้างปัญหา
ผู้หญิงคนนั้นมองเธอแวบหนึ่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ก้าวเท้าจากไป
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องเอามือถือให้เขา ไม่ต้องให้เขาดูเรื่องวุ่นวายด้านนอก ทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีกับเขานะ”หลิวหยิงคิดจะเดินต่อไป ตอนที่ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้น เธอก็ต้องหยุดก้าวเท้า
ทันใดนั้นเธอนึกถึงไป๋ยี่รุ่ย จากนั้นก็อดมองผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่เวลานี้เธอมองเห็นเฉพาะแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้น
เมื่อกี้เธอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นด้วยระยะที่ใกล้ชิดแล้ว จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นอายุน่าจะประมาณสามสิบ ดูแลตัวเองได้ดีมาก ผิวพรรณสดใส หน้าตาสวยงาม เพียงแต่ดูแล้วมีความดุดันเล็กน้อย!
หลิวหยิงกำลังคิด ผู้หญิงคนนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว
หลิวหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวพันกับเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่า!!
ตอนที่หลิวหยิงเข้ามาถึงห้องคนไข้ เห็นสีหน้าไป๋ยี่รุ่ยแย่มาก แย่กว่าตอนที่เธอเข้ามาก่อนหน้านี้เสียอีก
ดวงตาหลิวหยิงกะพริบ ตอนเธอออกไป ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย ดังนั้นเมื่อสักครู่ต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่
หลิวหยิงนึกถึงผู้หญิงที่เกือบชนเมื่อสักครู่ด้วยจิตใต้สำนึก
แต่เธอรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่มีทางบอกเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ถาม เปิดกล่องกับข้าวออก ใส่จานเรียบร้อยแล้วส่งให้เขา “กินข้าว”
เดิมทีสีหน้าไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่น่ามองอยู่แล้ว ไม่ได้ตอบสนองอะไร เพียงแต่ตอนที่เธอยื่นกับข้าวไปถึง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาทั้งคู่มีความตกตะลึงอยู่หลายส่วน
“ฉันรู้ว่าคุณชอบกินอันนี้มากที่สุด เมื่อก่อนฉันเคยฝึกกับคุณแม่ไป๋มาก่อน คุณลองชิมดูว่าชอบหรือเปล่า?”หลิวหยิงเห็นการตอบสนองของเขา อดดีใจไม่ได้ ดูแล้วเธอก็สามารถปรับความทุกข์ของเขาได้บ้าง
ไป๋ยี่รุ่ยเงยหน้ามองเธอ มุมปากขยิบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ฉันป้อนคุณนะ”หลิวหยิงเห็นเขาไม่ขยับ จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค
“ไม่ ไม่ต้อง ผมกินเอง”ไป๋ยี่รุ่ยชะงัก จากนั้นก็รีบรับกับข้าวมา
เขาไม่ได้กินข้าวดีๆมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้ เขารอคอยแต่ความตายมาตลอด
เขาไม่อยากแก้แค้นอีก สาเหตุเพราะเวินลั่วฉิงและเพื่อตัวเองด้วย
อันที่จริงเขาทำได้เท่านี้ ถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่เธอไม่เต็มใจ ไม่พอใจ เธอบีบให้เขาแก้แค้นต่อไป
ไป๋ยี่รุ่ยกินข้าวช้ามาก กินแบบทีละนิด เขาคิดว่าเขาจะมีชีวิตต่อไป อย่างนั้นเขาต้องเห็นฉิงฉิงมีความสุข เขาถึงจะวางใจ