ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 675 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 675 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (5)
บทที่ 675 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (5)
แต่ว่าตามหลักเบอร์โทรศัพท์และเลขบัญชีที่หลี่หยุนให้มาแล้ว สืบได้ว่าทั้งสองต่างก็เป็นประชาชนธรรมดา ทั้งสองต่างก็มีงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต่างก็มีสังคมที่ปกติ ไม่มีการจดบันทึกทำผิดใดๆ ต่างก็เป็นประชาชนที่ทำตามกฎระเบียบ
ตอนแรก หลี่หยุนก็เขียนมั่วอยู่แล้ว
เสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เท่ากับว่าสิ่งที่ทำนั้นไร้ประโยชน์ทั้งหมด
หลังจากที่ถังหลินเห็นผลแล้ว แววตาก็เย็นชาขั้นสุด เขาคิดไปคิดมา สุดท้ายก็โทรหาเวินลั่วฉิง
“ได้ข้อมูลอะไรไหม?” เวินลั่วฉิงเห็นว่าเป็นเบอร์ของถังหลิน จึงคิดว่าน่าจะพบข้อมูลอะไร
“ไม่มี เบอร์โทรศัพท์และเลขบัญชีที่พวกเขาให้มาเป็นของปลอม” ถังหลินถอนหายใจอีกครั้ง
ถังหลินในขณะนี้แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ก็เพราะว่าข้อมูลที่เขาให้มาเป็นของปลอม พวกเราจึงเสียเวลาเปล่าๆ ไปหนึ่งชั่วโมงกว่า”
“ของปลอม?” เวินลั่วฉิงอดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย เธอไม่สามารถเชื่อได้จริงๆ พวกหลี่หยุนจะโหดร้ายเช่นนี้ แม้กระทั่งลูกสาวแท้ๆ ก็ไม่ช่วย
“พวกเขาไม่ได้คิดอยากจะช่วยเวินหรวนหรวนกลับมาอยู่แล้ว พวกเขายิ่งไม่อยากให้เราจับคนพวกนั้นได้” เสียงของถังหลินเย็นชาลงเล็กน้อย “สองสามปีนี้ฉันก็รับงานเกี่ยวกับแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมาบ้าง คนที่โหดร้าย เรื่องที่โหดร้ายเจอมามากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นพ่อแม่ที่โหดร้ายแบบนี้”
เวลานั้นเวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอเองก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเองสามารถพูดอะไรได้อีก
ในเมื่อหลี่หยุนโกหกเธอตั้งแต่แรก ไปถามอีกครั้ง ยิ่งไม่สามารถถามอะไรได้ทั้งนั้น
เวินลั่วฉิงมองดูเวลา เสียเวลาไปแบบนี้ ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้ว คนพวกนั้นจับเวินหรวนหรวนไปเมื่อคืน ถึงตอนนี้ผ่านมาสิบกว่าชั่วโมงแล้ว การถูกทำร้ายสิบกว่าชั่วโมง ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหวหรอ?
“พอแล้ว เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว เรื่องนี้ พวกเราสืบเอง เธอก็ไม่ต้องอยู่ที่บ้านของตระกูลเวินต่อแล้ว เธอกลับไปที่บ้านของตระกูลถังก่อน” ถังหลินนึกถึงคนสองคนที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ที่บ้านของตระกูลเวิน จึงมีความไม่ค่อยวางใจที่จะให้เวินลั่วฉิงอยู่ต่อที่บ้านของตระกูลเวิน
“ฉันกำลังอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่” เวินลั่วฉิงในขณะนี้กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่หน้าระเบียง เธอหันหลังไป มองไปทางคุณปู่เวินที่อยู่ในห้องรับแขก มีความไม่วางใจเล็กน้อย
เธอกลัวว่า หลังจากที่เธอไปแล้ว พวกหลี่หยุนจะทำไม่ดีกับคุณปู่ เธอกลัวว่าหลังจากที่เธอไปแล้ว คุณปู่เวินจะรู้เรื่องของเวินหรวนหรวน
คุณปู่เวินมีโรคหัวใจ ไม่สามารถได้รับการถูกกระตุ้น หากรู้เรื่องนั้นแล้ว เกรงว่า….
ฉะนั้น เธอจึงพูดคุยเป็นเพื่อนคุณปู่เวินอยู่ที่ห้องรับแขกเรื่อยมา ไม่อยากให้เขาไปสนใจเรื่องอื่น ยังดีที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวินหรวนหรวนเธอได้ให้คนคิดหาวิธีทางปิดไปแล้ว
“เธอรับคุณปู่เวินกลับบ้านเราไปก่อนละกัน เธออยากให้คุณปู่เวินเจอเจ้าเด็กสองคนนั้นมาโดยตลอดไม่ใช่หรอ? ฉันว่านี่เป็นโอกาสที่ไม่เลวเลยนะ” ถังหลินในขณะนี้ไม่วางใจให้เวินลั่วฉิงอยู่ต่อที่บ้านของตระกูลเวินจริงๆ
แววตาของเวินลั่วฉิงเปล่งประกาย “นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย”
เธอมีความคิดนี้มาโดยตลอด แต่ว่ายังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่เจอสักที
“อย่าลืมพาบอดี้การ์ดสองคนที่ฉันจัดหาให้เธอไปด้วย” ถังหลินพูดด้วยความไม่วางใจอีกประโยคหนึ่ง
“พี่ สองคนนั้นคือบอดี้การ์ดติดตัวของพี่ใช่ไหม?” เวินลั่วฉิงฟังออกถึงความเชื่อใจที่ถังหลินมีต่อสองคนนั้น ฉะนั้นจึงมั่นใจการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตัวเอง
“เธอยุ่งอะไรเยอะขนาดนั้น? มีให้ใช้ก็ใช้ พูดมากจริงๆ” ถังหลินตั้งใจพูดตอบกลับด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็พูดด้วยความไม่วางใจไปไม่กี่ประโยค แล้วจึงจะวางสาย
หลังจากที่เวินลั่วฉิงวางสายแล้ว ก็กลับไปยังห้องรับแขก มองไปทางคุณปู่เวิน ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณปู่คะ วันนี้หนูพาคุณปู่ออกไปเดินดูที่ข้างนอกนะคะ”
“ไปไหน?” คุณปู่เวินเงยหน้าขึ้น มองไปทางเธอ มีความแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่ามองออกว่าเขาดีใจมากๆ และดูมีความหวังมากๆ
คนมาถึงอายุนี้แล้ว แน่นอนว่าอยากจะมีลูกหลานอยู่ข้างกาย แต่ก็ไม่อยากรบกวนพวกเด็กๆ ฉะนั้น มีคำพูดบางอย่างที่พวกเขาจะไม่พูด แต่ในใจพวกเขากลับมีความหวังอยู่
เวินลั่วฉิงบอกว่าจะพาเขาออกไปเล่นที่ข้างนอก เขาจะไม่ดีใจหรอ?
“คุณปู่ คุณปู่วางใจไปกับหนูเถอะ พอถึงคุณปู่ก็รู้แล้ว” เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดให้ชัดเจน
เวินลั่วฉิงพยุงคุณปู่เวินขึ้นมา เดินออกไปทางข้างนอก
ในใจของคุณปู่เวินดีใจมาก ไม่ว่าเธอไปไหน เขาจะต้องตามไปแน่นอน ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
“คุณปู่ ตอนนี้หนูจะพาคุณปู่ไปที่บ้านของตระกูลถังค่ะ” หลังจากขึ้นรถแล้ว เวินลั่วฉิงจึงจะพูดกับคุณปู่เวินอย่างชัดเจน
“ไปบ้านของตระกูลถัง? ไปเยี่ยมคุณปู่ถัง? ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ ฉันจะได้เตรียมตัวก่อน” คุณปู่เวินอึ้งไปเลยอย่างเห็นได้ชัดเจน สีหน้าดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย “ฉิงฉิง ตระกูลถังไม่ใช่ตระกูลธรรมดานะ คุณปู่ถังยิ่งไม่ใช่คนธรรมดา ฉันเริ่มมีความตื่นเต้นแล้ว”
“ฮ่า……” เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ไ่ด้ “คุณปู่ นั่นคือคุณตาของหนู พวกเราคือคนบ้านเดียวกัน มีอะไรน่าตื่นเต้นคะ แต่ว่า มีเจ้าตัวเล็กอีกสองคน อาจจะซับซ้อนเล็กน้อย….”
“ตัวเล็ก? ตัวเล็กคืออะไร?” คุณปู่เวินขมวดคิ้วขึ้น สีหน้ามีความไม่เข้าใจเล็กน้อย
“คุณปู่คะ มีเรื่องหนึ่ง หนูไม่ได้บอกคุณปู่มาโดยตลอด” เวินลั่วฉิงตัดสินใจว่าบอกคุณปู่ก่อนจะดีกว่า คุณปู่มีโรคหัวใจ เธอกลัวว่าพอถึงเวลาคุณปู่เจอเจ้าเด็กสองคนนั้นแล้วจะรับไม่ไหว
“ที่จริงแล้ว หนูมีลูกสองคนค่ะ เป็นฝาแฝด ชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน….” ในตอนที่เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ เธอมองคุณปู่ตลอดเวลา เธอเห็นสีหน้าของคุณปู่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน รีบพูดอธิบายต่อว่า “เป็นลูกของหนูกับเย่ซือเฉินค่ะ ลูกมีอายุห้าขวบแล้ว น่ารักมาก ตอนนี้หนูจะพาคุณปู่ไปเจอพวกเขาค่ะ”
“ลูก? สองคน?” คุณปู่เวินก็ยังได้รับการกระตุ้นแล้ว ทันใดนั้น หายใจถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
“คุณปู่ คุณเป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เวินลั่วฉิงรีบนำยามาให้คุณปู่ทานลงไป
“คุณปู่ไม่เป็นอะไร ก็แค่รู้สึกตื้นตันขึ้นมาทันที” หลังจากที่คุณปู่เวินสงบลงแล้ว สีหน้าก็มีความดีใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน “เธอ เธอรีบพาฉันไปดู ไปดูหลานของฉัน อัยยา ฉันมีหลานแล้วหรอเนี่ย คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คิดไม่ถึงเลยเนี่ย”
เวินลั่วฉิงเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ นี่ถึงจะโล่งอก
“จริงด้วย เมื่อกี้เธอบอกว่าเป็นลูกของเย่ซือเฉิน? พวกเธอก็มีลูกกันแล้ว ยัยเย่ซือเฉินนั่นยังหย่ากับเธออีก?” หลังจากดึงสติกลับมาได้สีหน้าของคุณปู่เวินก็เปลี่ยนไปเลย การตอบสนองในตอนนี้ของคุณปู่เวินเป็นเหมือนกับสองสามีภรรยาตระกูลถังในตอนแรกเลย
“ถึงตอนนี้แล้วเย่ซือเฉินยังไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ” จู่ๆ เวินลั่วฉิงก็รู้สึกผิดกับเย่ซือเฉิน หากไม่ใช่เพราะถังจื่อโม่ยืนหยัดจะให้แบบทดสอบกับเย่ซือเฉิน ไม่แน่เธอคงจะบอกเรื่องนี้กับเย่ซือเฉินตั้งนานแล้ว
คุณปู่เวินอึ้งไปสักพัก เห็นท่าทีของเวินลั่วฉิงแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “ไม่สนยัยเย่ซือเฉินนั่นแล้ว ตอนนี้ฉันจะไปดูหลานของฉัน หลานของฉัน”
ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการไปดูหลานของเขาแล้ว