ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 716 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (6)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 716 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (6)
บทที่ 716 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (6)
เวินลั่วฉิงก็พึ่งรู้เรื่องนี้ภายหลัง แต่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น รวมไปถึงคุณปู่เวินด้วย
ตลอดช่วงที่ผ่านมา เธอเห็นแก่หน้าคุณปู่ จึงไม่ได้ขับไล่ครอบครัวเวินจีหยันออกไป
“เวินลั่วฉิง เธอมีสิทธิ์อะไร?”ยามนี้เวินจีหยันไม่ได้ทำท่าเอ้อระเหยลอยชายแล้ว ตอนนี้เขาร้อนใจจริงๆอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องผลประโยชน์ของเขาเท่านั้นที่จะทำให้เขาร้อนใจได้
ตอนนี้ในมือเวินจีหยันไม่มีเงินเหลือแล้ว เงินก้อนสุดท้ายของพวกเขาให้โจรลักพาตัวหมดแล้ว
เวินจีหยันย้ายออกไปตอนนี้ ไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนเลย ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เงินกินข้าวก็ยังเป็นปัญหา
“ด้วยสิทธิ์ที่ฉันเป็นเวินลั่วฉิง”เวินลั่วฉิงมองหน้าเขาพูดเสียงเย็นออกมาทีละคำ สำหรับคนที่ไร้มนุษยธรรม เธอไม่อยากพูดไร้สาระกับเขาอีก
เวินลั่วฉิงพูดจบก็หันหลังจากไป
“เวินลั่วฉิง เธออย่าไป เธอพูดให้รู้เรื่องหน่อย เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกไป ตาเฒ่ายังไม่ไล่ฉันเลย เธอมีสิทธิ์อะไร?เธอมีคุณสมบัติอะไร”เวินจีหยันได้สติตะโกนร้องอีกครั้ง
เขาไม่เอ่ยถึงคุณปู่เวินยังพอว่า แต่เมื่อเขาพูดถึง ใบหน้าเวินลั่วฉิงก็มีความเย็นเยียบหลายส่วน
“ส่งคุณเวินออกไป เฝ้าดูเขาเก็บของเสร็จ จากนั้นก็ให้เขาออกจากคฤหาสน์ตระกูลเวิน จำไว้ว่า ไม่อนุญาตให้เขาเอาของในคฤหาสน์ตระกูลเวินไปเด็ดขาด”เวินลั่วฉิงไม่ได้หันหลังกลับไป และไม่ได้มองเวินจีหยันแม้แต่แวบเดียว เพียงแต่สั่งการกับบอดี้การ์ดอย่างเคร่งขรึม
เมื่อคืนเย่ซือเฉินจัดบอดี้การ์ดมาสองคน เย่ซือเฉินบอกว่าโจรลักพาตัวอาจจะมีคนเล็ดลอดหนีไปได้ ไม่ระวังตัวไม่ได้
เวินลั่วฉิงจึงตามใจเขา
“ครับ”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบพยักหน้างึกๆ แล้วเดินไปยังเวินจีหยัน
“เวินลั่วฉิง เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้กับฉัน เธอมันไอ้สารเลวที่หน้าไม่อาย ฉันจะฆ่าเธอ น่าจะให้พวกโจรลักพาตัวจับเธอไป
แล้วเล่นงานเธอหนักๆจนตายไปเลย เธอน่าจะถูกพวกเขาอัดคลิปวิดีโอเรื่องถูกพวกผู้ชายลวนลาม ให้เธอ……”เวินจีหยันยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง ยิ่งพูดยิ่งรับไม่ได้
ดวงตาเวินลั่วฉิงหรี่ขึ้น เพียงแต่เวลานี้เสียงของเวินจีหยันหยุดกะทันหัน
เวินลั่วฉิงชะงัก ตามหลักแล้วเวินจีหยันกำลังด่าได้รสอยู่ ไม่น่าจะหยุดเอง
เวินลั่วฉิงหันหลังมองผ่านไป จากนั้นก็เย่ซือเฉินกลับมาแล้ว เวลานี้เย่ซือเฉินหรี่ตาที่เจื่อความกระหายเลือดแบบจะคร่าชีวิตผู้คน ความคิดจะคร่าชีวิตผู้คนชวนให้ขนหัวลุกมาก
คำพูดเมื่อกี้ของเวินจีหยันกระตุ้นจุดเดือดของคุณชายสามเย่อย่างแรง ซึ่งไม่เพียงแต่เพราะเรื่องเวินลั่วฉิงเท่านั้น ยิ่งเป็นเพราะเรื่องในอดีตอีกด้วย
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่ของเธอ!!
เวินจีหยันตกใจกลัวเย่ซือเฉินจนไม่กล้าด่าอย่างชัดเจน
“พาเขาออกไปดูแลดีๆ”เย่ซือเฉินเห็นเวินลั่วฉิงหันกลับมามอง ไอสังหารในแววตาก็กลบเกลื่อนลงไป จากนั้นก็สั่งการบอดี้การ์ดเสียงลุ่มลึก
ได้ยินคุณชายสามเย่พูดว่าดูแลดีๆ ร่างกายบอดี้การ์ดพลันสั่นเล็กน้อย เขารู้ความหมายที่คุณชายสามเย่พูดว่าดูแลดีๆเหลือเกิน
ทว่าเวินจีหยันไม่รู้ ได้ยินคุณชายสามเย่พูดแบบนี้ ใบหน้าเวินจีหยันก็ชื่นมื่น ยังอดกลาวคำขอบคุณไม่ได้ “ขอบคุณคุณชายสามเย่……”
“ไปเถอะ”บอดี้การ์ดดูต่อไปไม่ลง พาเวินจีหยันจากไปเลย
หลังเวินจีหยันจากไป เย่ซือเฉินก็รีบเดินไปด้านหน้าเวินลั่วฉิง ก่อนจะกอดเธอแล้วก้มหน้าจูบเธอเต็มพลัง
นึกถึงคำพูดของเวินจีหยันเมื่อกี้ เขาก็อดหวาดกลัวไม่ได้ ถ้าหากคืนนั้นคนที่ถูกโจรลักพาตัวไปคือเธอ เช่นนั้นผลที่ตามมา เขาไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิด
เขาคิดว่าเขาจะฆ่าคนพวกนั้นกับมือ เขาคิดว่า เขาอาจฆ่าตัวเองด้วย
เขาย้อนนึกถึงเรื่องหลายปีก่อน เขากลัวมากจริงๆ กลัวมาก
โชคดี!โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไร!!
เขา ไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นอีกเป็นแน่
ถึงแม้เธอจะไม่เป็นอะไร แต่คนที่ประสงค์ร้ายกับเธอ เขาก็ไม่ปล่อยไปเด็ดขาด รวมทั้งเวินจีหยันด้วย และวันนี้เวินจีหยันมาชนหัวปืนเขาเอง ถ้างั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้วแหละ
“ฉันไม่เป็นอะไร”เวินลั่วฉิงรู้ว่าเขากังวลอะไรอยู่ เธอพิงอยู่ในอ้อนกอดเขาแน่นๆ เอามือโอบเอวเขาไว้ “วางใจเถอะ ฉันไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องขึ้นหรอก”
เมื่อก่อนเธอ เพื่อลูกรักทั้งสองคน เธอไม่ปล่อยให้ตัวเองเกิดเรื่องขึ้นเด็ดขาด นับจากนี้ไป บวกเขาเพิ่มอีกหนึ่งคน
เพื่อพวกเขา เธอจำเป็นต้องแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
เวินลั่วฉิงรับรู้ความเครียดและความกลัวของเขาเมื่อสักครู่ได้ เธอเงยหน้า พลางเขย่งเท้า จากนั้นริมฝีปากเธอประทับบนริมฝีปากเขา
เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มาก แต่บางเวลาเขาก็อ่อนแอและต้องการการปลอบประโลม
ซึ่งตอนนี้เขามีความอ่อนแอชนิดที่ชวนให้สงสาร เวินลั่วฉิงเห็นแล้วก็สงสารมากมาย
เดิมทีเวินลั่วแค่จะจูบเบาๆเขาหนึ่งครั้ง แต่เย่ซือเฉินกลับกอดเธอไว้ จากนั้นก็จูบรุกล้ำลึกเข้าไป
เย่ซือเฉินจูบอย่างเผ็ดร้อน แต่มือที่กอดเธอไว้ยังคงสั่นเทาอยู่ ซึ่งมาจากความหวาดกลัวที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ไม่มีใครรู้ว่าความหวาดกลัวในใจของเขาเป็นแบบไหน
แบบที่เก็บซ่อนไว้นานหลายปี ตอนนี้จู่ๆกลับถูกรื้อฟื้นความหวาดกลัวส่วนนั้นออกมาอย่างโหดเหี้ยม
ปกติเวินลั่วฉิงเป็นคนสัมผัสไวอยู่แล้ว จึงรู้ความผิดปกติของเขา ดวงตาเธอกะพริบเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เธอคิดว่าเขากลัวเรื่องของเธอ
เธอยื่นมือไปโอบเขาไว้แน่น อยากปลอบประโลมเขาในฉบับที่รับรู้ได้
มือที่สั่นเทาของเย่ซือเฉินค่อยๆทุเลาลง ความหวาดกลัวนั้นก็สงบลงอย่างช้าๆ
คนไข้ชั้นนี้มีไม่มากนัก จึงเงียบสงัดมาก และไม่มีใครอยู่ด้วย เวลานี้มีเพียงบอดี้การ์ดที่เหลือหนึ่งคน ซึ่งบอดี้การ์ดรู้การรู้งาน เขารีบหันหลังให้พวกเขา
“กินข้าวก่อน แล้วคุณกลับไปพักผ่อน ผมอยู่ดูทางนี้เอง”หลังการจูบดื่มด่ำอย่างเผ็ดร้อนผ่านพ้นไป เย่ซือเฉินก็ถอนหายใจเบาๆ
คิดว่าเมื่อคืนเธออยู่แต่โรงพยาบาลทั้งคืน คงเหนื่อยล้าเต็มทน
เธอเหนื่อย คนที่เป็นห่วงคือเขา
“คุณก็กลับไปพักผ่อนเถอะ เมื่อคืนคุณก็ไม่ได้พักผ่อนเลย”เวินลั่วฉิงกลัวว่าเมื่อคืนจะเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นจึงเฝ้ารอตรงนี้ แต่หลังคุณหมอมาตรวจอาการหลายครั้งหลาย ต่างบอกว่าถึงแม้คุณปู่เวินจะฟื้นขึ้นมาได้ยาก แต่เกิดเรื่องไม่คาดฝันได้น้อย
ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินมีความดูแลเป็นพิเศษ เฟิ่งเหมียวเหมียวยังจ้างคนดูแลมาโดยเฉพาะ และเธอกับเย่ซือเฉินจำเป็นต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว
“ทำไม?อันนี้คือคุณอยากกลับไปพักผ่อนกับผมด้วยกันเหรอ?”เย่ซือเฉินมองหน้าเธอ หางคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย เวลานี้อารมณ์เขาไม่ดีนัก หรืออาจบอกว่าไม่ดีมากๆเลย แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นห่วง ดังนั้นจึงพยายามแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมา
เวินลั่วฉิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย กลับไปพักผ่อนกับเขาด้วยกัน?แล้วจะได้พักผ่อนดีๆไหม?
คาดว่าคงยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเดิม?
สุดท้ายเย่ซือเฉินยืนยันให้เวินลั่วฉิงกลับไปพักผ่อนก่อน
ตอนที่เวินลั่วฉิงลงไป เลขาหลิวก็รออยู่ใต้ตึกแล้ว
ขณะที่เวินลั่วฉิงจะขึ้นรถบังเอิญเห็นบอดี้การ์ดที่ส่งเวินจีหยันออกไปกลับมาพอดี
เวินลั่วฉิงชะงัก บอดี้การ์ดคนนี้ส่งคนไปถึงไหนกันนะ?ไปส่งเสียเนิ่นนานเช่นนี้?
จำเป็นต้องเกรงใจกับคนอย่างเวินจีหยันด้วยเหรอ?
“นายส่งเขาไปไหน?”เวินลั่วฉิงมองไปยังบอดี้การ์ดคนนั้น อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้
“ผมออมมือแล้ว ไม่ได้ตีเขาให้ตาย”อาจเป็นเพราะบอดี้การ์ดคนนั้นติดตามคุณชายสามเย่จนเคยชินแล้ว วิธีการสนทนากับวิธีคิดไม่เหมือนกัน
เขาคิดว่าเวินลั่วฉิงถามเขาว่ากระทืบคนเป็นยังไงบ้าง
เวินลั่วฉิงอึ้ง จกานั้นมุมปากก็กระตุก ก็ได้ เธอก็เข้าใจความหมายกับสิ่งที่คุณชายสามเย่พูดว่าดูแลดีๆแล้ว
ไม่ได้ซ้อมเจียนตาย ถือว่าออมมือแล้ว!
อืม เป็นรูปแบบการกระทำของคุณชายสามเย่โดยแท้!!
เวินลั่วฉิงต้องกลับคฤหาสน์ตระกูลถังก่อนอยู่แล้ว เลขาหลิวส่งเธอกลับไป แต่เย่ซือเฉินยังคงให้บอดี้การ์ดติดตามเธอ เพียงแต่พอถึงบ้านตระกูลถัง บอดี้การ์ดไม่ได้เข้าไป รออยู่ด้านนอก
แต่เวินลั่วฉิงถามเย่ซือเฉิน บอกว่าให้บอดี้การ์ดกลับไป คุณชายสามเย่เถียงเธอไม่ไหว สุดท้ายได้แต่ตกลง แต่เงื่อนไขคือตอนเธอออกจากบ้านตระกูลถัง เธอต้องโทรบอกเย่ซือเฉิน
เวินลั่วฉิงถอนหายใจเบาๆ แต่ไม่ได้พูดมากอะไร
เวินลั่วฉิงไม่ได้นอนมาทั้งคืน จึงเหนื่อยล้าเต็มทน เวินลั่วฉิงคิดว่าจะไปดูลูกรักทั้งสองคนก่อน แล้วค่อยขึ้นไปนอนชั้นบน
เพียงแต่เวินลั่วฉิงยังไม่ทันเดินเข้าห้องโถง มือถือของเธอก็ดังขึ้นกะทันหัน
เวินลั่วฉิงเอามือถือออกมาเห็นเป็นเบอร์แปลก เธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังรับสาย “ฮัลโหล ใครคะ?”
“คุณคือถังฉิ้นเอ๋อ คุณถังหรือเปล่าครับ?”อีกฝั่งหนึ่งของสายเป็นเสียงของผู้ชาย เสียงทุ้มต่ำที่เจือเสียงแหบแห้งไว้หลายส่วน ทำให้คนรู้สึกหนักอึ้ง รู้สึกหดหู่
“ใช่ค่ะ คุณเป็นใครคะ?”ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบถี่ๆ เสียงนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน คนนี้เธอน่าจะไม่รู้จัก
“ผมคือเย่โป๋เหวิน”ผู้ชายในสายลังเลสักพัก จากนั้นก็กล่าวแนะนำตัว
ตอนที่เขาพูด เขาแอบถอนหายใจเลือนราง คล้ายกับตึงเครียดเล็กน้อย คล้ายกับกลัวเล็กน้อย และคล้ายกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
ความกดดันที่ไม่แสดงออกมากลับมีการรอคอยอย่างชัดเจน……
เวินลั่วฉิงหรี่ตาขึ้นอย่างฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เย่โป๋เหวิน?พ่อของเย่ซือเฉิน เย่โป๋เหวิน?
เย่โป๋เหวิน คนที่เธอเคยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการตายของแม่เธอ ?
วินาทีนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกคาดไม่ถึง อีกทั้งยังรู้สึกประหลาดใจอีกด้วย ทำไมจู่ๆเย่โป๋เหวินถึงโทรหาเธอได้?