ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 733 การลงมือปฏิบัติของคุณชายสามเย่(2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 733 การลงมือปฏิบัติของคุณชายสามเย่(2)
บทที่ 733 การลงมือปฏิบัติของคุณชายสามเย่(2)
คุณชายสามเย่บอกเธอว่าหลังครึ่งชั่วโมงแล้วให้ลงมากินอาหารได้
แล้วอาหารนี้มันกินได้จริงเหรอ? มองด้วยสายตาก็รู้ว่ากินไม่ได้แน่นอน เวินลั่วฉิงคิดว่าหากกินสิ่งนั้นเข้าไปจริงๆ เธอคงต้องตายเพราะอาหารเป็นพิษแน่
ดูจากสถานการณ์แล้ว หากเธอมาช้ากว่านี้ คุณชายสามเย่คงได้ระเบิดครัวนี้ทิ้งเป็นแน่ ?
ริมฝีปากของเวินลั่วฉิงกระตุกอย่างแรง หากเธอหนีออกไปตอนนี้ยังทันไหม ?
พอคุณชายสามเย่ได้ยินเสียงดัง ก็หันไปมอง
เมื่อเวินลั่วฉิงเห็นเขาในสภาพนี้ ริมฝีปากก็กระตุกอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
คุณชายสามเย่ในตอนนี้ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ชุดนอนที่สวนใส่ มีคราบเลอะอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันเป็นคราบน้ำมัน หรืออะไรกระเด็นใส่
และ คุณชายสามเย่ในตอนนี้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด
แต่ การแสดงออกของคุณชายสามเย่นั้นช่างนิ่งสงบ และเมื่อเห็นเวินลั่วฉิงเขาก็ไม่ได้รู้สึกเอียงอายหรืออึดอัดแต่อย่างใด
“เหมือนมันจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร”คุณชายสามเย่มองไปยังเวินลั่วฉิง แล้วพูดอย่างสบายๆไปคำหนึ่ง
เวินลั่วฉิงรู้สึกสำลักเข้ากับน้ำลายตัวเอง
เหมือนจะ ? ไม่สำเร็จ ?
นี่เรียกว่าเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จ ? !
มันควรจะเรียกว่าล้มเหลวไหม ?
“หรือไม่ คุณรออีกสักแปบ ผมจะทำมันให้ใหม่ ”เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่ไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าฝีมือการทำอาหารของเขานั้นเข้าขั้นห่วยสุดๆ เขาคิดเพียงว่าการล้มเหลวในครั้งแรกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและไม่มีผลอะไรมากนัก
“โธ่……”พอเวินลั่วฉิงได้ยินที่เขาพูด ก็ตกใจขึ้นมาทันที
แค่ครั้งเดียวก็ขนาดนี้แล้ว หากให้เขาทำมันอีกครั้ง เธอคิดไม่ออกจริงๆว่ามันจะมีสภาพยังไง
อีกทั้ง สภาพห้องครัวในตอนนี้คงไม่เป็นการดีแน่ที่จะให้เขาทำมันอีกเป็นครั้งที่สอง ?
“เราออกไปกินข้างนอกกันดีกว่านะคะ”เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเธอไม่ควรทำลายความมั่นใจของคุณชายสามเย่ และไม่ควรจะบั่นทอนเขาไปมากกว่านี้ จึงได้พูดเสริมไปว่า :“ฉันอยากออกไปกินข้างนอก ฉันอยากกินกุ้งค่ะ”
หวังว่าที่บ้านคงไม่มีกุ้งหรอกนะ
เย่ซือเฉินมองไปยังผลงานที่เขาทำ และดูเหมือนจะเสียดายมันอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพยักหน้ารับ :“ก็ได้ครับ”
เวินลั่วฉิงสูดหายใจเข้า แล้วรีบดึงตัวคุณชายสามเย่ออกมา :“คุณขึ้นไปล้างตัวทำความสะอาด แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ”
เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังห้องครัวอีกครั้ง สภาพของห้องครัวในตอนนี้ คิดว่าคงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเพื่อจะล้างทำความสะอาดมัน เธอตัดสินใจแล้ว ว่าต่อไปจะต้องให้คุณชายสามเย่อยู่ให้ห่างจากห้องครัวเป็นดีที่สุด
ดูเหมือนว่า ถ้าเธออยากกินอาหารฝีมือคุณชายสามเย่ ชีวิตนี้เธอคงไม่มีหวังแล้ว
ในตอนที่เวินลั่วฉิงลงมายังชั้นล่างนั้นเธอได้แต่งตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น เย่ซือเฉินที่หันกลับมา อยากจะกอดเธอ และหอมแก้มเธอนั้น ก็เห็นหญิงสาวรีบเบี่ยงหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว สภาพของคุณชายสามเย่ในตอนนี้ เธอเองรู้สึกรังเกียจมันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอกลัวว่าเสื้อผ้าของเธอจะเปื้อน ถ้าหากเขาทำเสื้อผ้าเธอสกปรก เธอจะต้องไปเปลี่ยนใหม่อีกรอบ และเธอต้องไปเปลี่ยนพร้อมกับเขา เธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
เมื่อเย่ซือเฉินเห็นเธอเบี่ยงหนีหลบเขาออกไป ก็ตะลึง จ้องมองไปยังหญิงสาว:“ฉิงฉิง นี่คุณรังเกียจผมเหรอ ?”
ขณะที่คุณชายสามเย่พูดประโยคนี้ อาการของเขาแสดงออกถึงความน้อยใจอยู่มาก เพราะเขาทุ่มเทและตั้งใจทำอาหารมื้อนี้ให้เธออย่างเต็มที่ แม้ว่าอาหารที่ทำจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เธอก็ไม่ควรรังเกียจเขาแบบนี้
“ไม่นะคะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณ”เวินลั่วฉิงอึ้งไป แม้ว่าเธอจะรังเกียจเขาอยู่จริง แต่เธอก็พูดมันออกมาตรงๆแบบนั้นไม่ได้
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเธออยู่แบบนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด จึงได้รอการพิสูจน์จากเธอ
พิสูจน์ ? จะพิสูจน์มันยังไง ?
เวินลั่วฉิงถอนหายใจ ยืนนิ่งและไม่ได้ขยับ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากที่จะขยับเข้าไปหา
แต่ว่า เมื่อมองจ้องไปยังดวงตาที่น้อยใจของคุณชายสามเย่ เธอก็ไม่อาจทนดูมันได้
ทันใดนั้น เวินลั่วฉิงก็ถอยหลังไปอีกสองสามก้าว และห่างเขามากขึ้นไปอีก จากนั้นหญิงสาวก็พูดขึ้นมาว่า :“เย่ซือเฉิน คุณลองไปส่องกระจกดูก่อนไหมคะ?”
“ได้ ดี เวินลั่วฉิง คุณรอเลย” พอได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของคุณชายสามเย่ก็หรี่ลงทันที หมายความของหญิงสาวบ่งบอกถึงความรังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด และจงใจที่จะถอยห่างออกไปซะขนาดนั้น
ทำไมเขาถึงรู้สึกหมั่นไส้และอยากจะหยิกเธอขึ้นมามากขนาดนั้นกัน ! !
และแล้ว คุณชายสามเย่ก็เดินขึ้นชั้นบนไป พอขึ้นมาได้ ก็เดินปรี่เข้าไปยังห้องน้ำ เห็นใบหน้าที่มีคราบดำเลอะเปรอะเปื้อนเขาก็ตกตะลึง คราบพวกนี้มันมาอยู่บนใบหน้าของเขาได้ยังไงกัน ?
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของเขาจะมีคราบเลอะเปรอะเปื้อนอยู่ เธอก็ไม่เห็นจะต้องรังเกียจเขาถึงเพียงนี้ก็ได้ไหม
เธอชอบเขาที่ตัวตนของเขา ? หรือชอบที่หน้าตาของเขากันแน่ ?
แน่นอนว่า เมื่อคุณชายสามเย่ลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง ความสมบูรณ์แบบที่ไร้ที่ติของเขาก็กลับคืนมา
เวินลั่วฉิงมองไปยังชายหนุ่ม ริมฝีปากยกยิ้มขึ้น และรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
คุณชายสามเย่มองเธอไปแวบหนึ่ง แววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด และชัดว่ายังคงเคืองโกรธกับเรื่องเมื่อครู่อยู่
เวินลั่วฉิงถึงกับตะลึงงัน โอ้โห ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ขี้น้อยใจจัง ?
ไม่ใช่แค่ขี้น้อยใจ แต่ยังทำตัวเป็นเด็กอีกด้วย!
คุณชายสามเย่เดินอยู่ข้างหน้า เวินลั่วฉิงเดินตามอยู่ข้างหลัง และไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเดินมาถึงที่ประตู คุณชายสามเย่ก็หันกลับมาทันที เอื้อมมือไปแล้วดึงตัวเวินลั่วฉิงเข้ามากอด จากนั้นกดร่างเธอไปกับประตู แล้วจูบเธออย่างดูดดื่ม ผู้หญิงคนนี้ยั่วโมโหเขา และยังทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอช่างแน่จริงๆ !!
“หรือว่า เรายังไม่ออกไปกินข้าวกันในตอนนี้……”คุณชายสามเย่กดร่างเธอไว้ ริมฝีปากของเขากดทับไปยังปากของเธอคำพูดของชายหนุ่มในตอนนี้บ่งบอกเจตนารมณ์อย่างชัดเจน
“ไม่ค่ะ……”ร่างทั้งร่างของเวินลั่วฉิงก็แข็งค้างไป ยืนยันหนักแน่น เพราะตอนนี้เธอหิวมาก
คุณชายสามเย่ไม่ได้คลายมือออกแต่อย่างใด แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงมากไปกว่านั้น ทำเพียงใช้ริมฝีปากกดจูบไปบนริมฝีปากของเธอเบา ๆ
เวินลั่วฉิงถอนหายใจ เธอฉลาดมากพอ ที่จะเข้าใจว่าคุณชายสามเย่หมายถึงอะไร
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ”น้ำเสียงของเวินลั่วฉิงอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า คุณชายสามเย่ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี และยังไม่ปล่อยเธอในเดี๋ยวนั้น
“ที่รักค่ะ ฉันผิดไปแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อน ดีไหมคะ?”เวินลั่วฉิงหายใจเข้าลึกๆ เธอรู้ดีว่า หากเธอไม่ขอร้องอ้อนวอน ดูท่าแล้ววันนี้คงไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นแน่
“ผิดตรงไหน?”เย่ซือเฉินกระตุกริมฝีปาก เอาเข้าจริงแล้ว พอได้ยินที่เธอเรียกที่รักแบบนี้ หัวใจของเขาก็ฟูฟ่องขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ควรรังเกียจคุณ……”เวินลั่วฉิงรู้ว่าเขาโกรธเพราะเหตุนี้ เพราะฉะนั้น เธอจึงเอ่ยคำขอโทษไปอย่างจริงใจ! !
“นี่คุณหมายความว่าเมื่อกี้คุณรังเกียจผมจริงๆงั้นเหรอ?”คุณชายสามเย่คิ้วกระตุก และจ้องมองไปยังดวงตาของเธอแล้วหรี่ตาลง……
ขณะนั้นเอง ใบหน้าของคุณชายสามเย่ก็มีกลิ่นอายของความเคืองโกรธปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
เวินลั่วฉิง:“……”
แล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง ?
ไม่ว่าเธอจะช่างพูดช่างเจรจาและโน้มน้าวเก่งแค่ไหน ในตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ว่ากันว่าผู้หญิงมักไม่มีเหตุผล แต่ตอนนี้เธอมองว่าเย่ซือเฉินดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลมากกว่าผู้หญิงเป็นไหนๆ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับเธอแล้วก็เป็นหนักกว่ามาก