ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 752 พาน้องสาวไปทำความรู้จักคุณพ่อ
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 752 พาน้องสาวไปทำความรู้จักคุณพ่อ
ทั้งสองลุกขึ้นเดินออกไป
คุณหญิงจี้รีบเดินตามพวกเขาอยู่ด้านหลัง
“คุณหญิงจี้ ขอร้องคุณอย่าตามพวกเราอีกเลย คุณจะรบกวนพวกเราได้”เห้อถงถงเห็นคุณหญิงจี้ตามหลังมาต้อยๆ พลางแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก
คุณหญิงจี้ตามหลังพวกเธออย่างนี้ ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกเลย
“ได้ ได้ งั้นฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะติดต่อหนูนะ”คุณหญิงจี้ไม่ได้โกรธเคือง ตอนนี้เห้อถงถงพูดอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
“ถงถง หรือเดี๋ยวหนูไปเที่ยวที่บ้านฉันสิ ฉันให้จี้หซีกลับมาด้วย พวกหนูจะได้สืบสายใยรักกันได้”ท่าทีของคุณหญิงจี้ต่างจากแต่ก่อนหนึ่งแสนแปดพันลี้กันเลยทีเดียว
เห้อถงถงมองหน้าเธอโดยไม่ได้พูดอะไร กลับบ้าน?สองปีก่อน เธอถูกคุณหญิงจี้ไล่ออกมาจากบ้าน
คุณหญิงจี้เห็นเห้อถงถงไม่พูดอะไร นึกว่าเธอรับปากแล้วพลันรู้สึกดีใจ พูดเองเออเอง “ดี งั้นก็ตามนี้เลย ฉันรอหนูอยู่ที่บ้านนะ”
คุณหญิงจี้พูดจบก็จากไปอย่างรู้การรู้งาน
หลังคุณหญิงจี้ไป เห้อถงถงก็เบาใจอย่างโจ่งแจ้ง
“ฉิงฉิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ถึงตอนนี้เห้อถงถงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลย
“อันนี้ต้องรอให้เธอกลับบ้านไปถามจี้หซีของเธอเองนะ”เวินลั่วฉิงมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้มเบาๆ เป็นความดีความชอบของจี้หซีดังนั้นเรื่องนี้ก็ให้จี้หซีบอกเธอเองแล้วกัน
“เธอบอกฉันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?ฉันเห็นเธอก็รู้เรื่องดีนี่”เห้อถงถงมองเธอแบบไม่ค่อยพอใจ
แต่เวินลั่วฉิงแค่ยิ้มเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ช่างเถอะ พวกเราไปช้อปที่ห้างกัน ก่อนหน้านี้ฉันดูเสื้อผ้าเด็กไว้หลายแบบ น่าจะออกสู่ตลาดแล้ว ฉันจะไปซื้อให้เด็กทั้งสอง”เห้อถงถงเห็นเธอไม่พูด เลยไม่ได้ถามเซ้าซี้อีก
เวินลั่วฉิงก็อยากซื้อของให้เด็กๆพอดี เด็กน้อยถังจื่อโม่กำลังงอนอยู่ที่บ้าน ต้องปลอบใจเสียหน่อย
ทั้งสองเดินเข้าห้างสรรพสินค้าด้านหน้า
และในขณะเดียวกัน ถังจื่อโม่กับถังจื่อซีก็อยู่ในห้างแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
เด็กน้อยถังจื่อโม่ถามมาได้ความว่าเย่ซือเฉินจะมาที่นี่ ดังนั้นจึงพาน้องสาวออกมาโดยเฉพาะ
“พี่ชาย แด๊ดดี้อยู่ไหน?”ถังจื่อซีไม่เห็นคุณพ่อ จึงรู้สึกสึกผิดหวังเล็กน้อย
“ไม่รีบ จะมาแล้ว”ใบหน้าเด็กน้อยถังจื่อโม่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขารู้ว่าวันนี้เย่ซือเฉินจะมาที่ห้างนี้แน่นอน
“พี่ชาย แด๊ดดี้มาแล้ว แด๊ดดี้มาแล้ว”เด็กน้องถังจื่อซีมองไปยังประตูใหญ่ที่มีผู้ชายเดินเข้ามา พลางร้องด้วยความเซอร์ไพรส์
ถังจื่อโม่ก็เห็นด้วยเช่นกัน
ยามนี้คุณชายสามเย่เดินเข้ามา ใบหน้าที่องอาจมองอารมณ์ไม่ออก แต่กลับชวนให้เกรงขาม เขาเดินไม่เร็ว ทุกท่วงท่าเหมือนกลิ่นอายเผด็จการบนตัวราชัน
เด็กน้อยถังจื่อโม่เบะปาก เก๊กหล่อได้เนี๊ยบมาก แต่เสียดายที่ตาบอด
“ท่านประธานครับ เรื่องนี้เป็นความบกพร่องของพวกเราเองครับ คือพวกเราประมาท……”ผู้จัดการทั่วไปของห้างสรรพสินค้าเดินตามอยู่ด้านหลัง หน้าผากมีเหงื่อไหลพรากลงมา ใบหน้ามีความหวาดหวั่นหลายส่วน
อุณหภูมิของแอร์ในนี้ก็ต่ำมากแล้ว แต่เขายังคงมีเหงื่อไหลไม่หยุด
เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบ ไม่แม้แต่จะมองเขาแค่แวบเดียว เลขาหลิวส่งสัญญาณให้เขาหุบปากเงียบ
“พี่ชาย หนูไปหาแด๊ดดี้……”เด็กน้อยถังจื่อซียิ้มละมุนละไม ได้มองคุณพ่อในระยะที่ใกล้ชิดอย่างนี้ครั้งแรก เธอยิ่งมองยิ่งพอใจยิ่งมองยิ่งชอบใจ
“อย่า อย่ารีบร้อน”ถังจื่อโม่ได้สติรีบดึงตัวถังจื่อซีไว้
เย่ซือเฉินเคยพูดว่าเขาไม่ชอบเด็ก ตอนนี้เย่ซือเฉินมาที่ห้างก็เพราะทำธุระสำคัญ แถมดูจากท่าทางแล้วรู้สึกเร่งด่วนและรุนแรงเล็กน้อย ถ้าเวลานี้น้องสาวไปรบกวนเย่ซือเฉิน เขาต้องอารมณ์เสียแน่ๆ
ถ้าเกิดเขาโมโหขึ้นมา ทำให้น้องสาวตกใจกลัวแล้วควรทำอย่างไร?
ตอนที่เย่ซือเฉินไม่โมโหก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้องโมโหเลย
ซึ่งแค่เสียเวลาคุยกันเท่านี้ เย่ซือเฉินก็ได้เดินผ่านพวกเขาไปแล้ว
เวลานี้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยืนอยู่หลังตู้โชว์สินค้า ซึ่งเย่ซือเฉินไม่ได้เห็นพวกเขา
“พี่ชาย แด๊ดดี้ไปแล้ว”เด็กน้อยถังจื่อซีไม่พอใจเล็กน้อย“ทำไมต้องขวางหนูด้วย?”
“ไม่ต้องใจร้อน เขามาทำธุระ จัดการเสร็จก็จะลงมาเอง พอถึงเวลานั้นพวกเราค่อยเริ่มแผนการของพวกเรา”เด็กน้อยถังจื่อโม่คำนึกถึงความปลอดภัยของน้องสาวเป็นหลัก แต่ก็ไม่อยากทำให้เย่ซือเฉินเสียเวลางานด้วยเช่นกัน
ท่าทางผู้จัดการเมื่อสักครู่นี้ ต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ ไม่งั้นผู้จัดการคงไม่ตกใจกลัวถึงสภาพนั้นหรอก
เขายิ่งกลัวว่า ตอนนี้เย่ซือเฉินกำลังหงุดหงิด อาจทำให้น้องสาวตกใจกลัวได้
“งั้นพวกเราต้องรอถึงเมื่อไหร่?”เด็กน้อยถังจื่อซีรู้สึกไม่พอใจ จึงเริ่มงอแงขึ้น“หนูสำคัญกว่าหรือธุระบริษัทสำคัญกว่า?”
“……น้องสำคัญกว่า”ถังจื่อโม่มองหน้าเล็กของน้องสาวที่เต็มไปด้วยการไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจพูดปดด้วยความหวังดี
เย่ซือเฉินพูดแล้วว่าไม่ชอบเด็ก เห้อ!!
“ในเมื่อหนูสำคัญกว่า งั้นทำไมเมื่อกี้ต้องขวางหนูด้วย?”เด็กน้อยถังจื่อซีไม่ได้ถูกปลอบใจสำเร็จ เพราะเมื่อกี้พลาดการเจอหน้าคุณพ่อ ทำให้เธอไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
ถังจื่อโม่“……”
เขาคงพูดตรงๆกับน้องสาวไม่ได้ว่า เขากังวลเย่ซือเฉินโมโหแล้วตบน้องสาวกระเด็นลอยออกไป
“พี่ชาย ตอนนี้พวกเราวิ่งเข้าไป น่าจะทันอยู่นะ”ถังจื่อซีมองผ่านตู้โชว์ยังคงเห็นเย่ซือเฉินที่อยู่ด้านหน้า เธอก้าวเท้าออกไป คิดอยากวิ่งตามออกไป
เพียงแต่เธอเพิ่งวิ่งไปได้สองก้าวก็ชนกับพนักงานที่เดินผ่านพอดี
“อุ๊ย”เด็กน้อยถังจื่อซีวิ่งเร็วไปหน่อย ทำให้การชนครั้งนี้ ตัวเธอต้องล้มไปอยู่กับพื้น
“เอ๋”พนักงานคนนั้นสะดุ้งตกใจ เห็นเด็กผู้หญิงล้มอยู่ที่พื้นจึงรีบย่อตัวลง “เด็กน้อย หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม?เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เมื่อกี้เธอไม่เห็นเด็กน้อยคนนี้เลย
เด็กน้อยถังจื่อซีล้มจนรู้สึกปวดก้นนิดๆ แต่เธอก็รีบลุกขึ้น จากนั้นก็วิ่งตามไปด้านหน้า
ทว่าเย่ซือเฉินที่เดินอยู่ด้านหน้าเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วขึ้นไปชั้นบนเรียบร้อย
เด็กน้อยถังจื่อซีหน้าบึ้งทันที มุ่ยปากเล็กขึ้น เกือบจะร้องไห้ออกมา
“เด็กน้อยไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ฉันไม่เห็นหนูจริงๆ”พนักงานเห็นเธอจะร้องไห้ จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “เด็กน้อย พ่อแม่หนูล่ะ?หนูมากับใคร?”
“หนูมากับพี่ชาย?”ถังจื่อซีไม่เห็นเย่ซือเฉินแล้ว จึงได้แต่หันหลังไปมองพี่ชายของตน
ถังจื่อโม่ก็เดินออกมาจากด้านข้างตู้โชว์สินค้า
“พี่ชาย”เด็กน้อยถังจื่อซีจับก้มด้วยใบหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ห่ะ?คนนี้คือพี่ชายหนู?”พนักงานมึนงง เมื่อสักครู่เธอได้ยินเด็กผู้หญิงบอกว่ามากับพี่ชาย เธอยังคิดว่าพี่ชายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ที่แท้ก็โตเท่าเธอเอง