ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 804 ผลตรวจDNAคือหลักฐานที่ดีที่สุด (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 804 ผลตรวจDNAคือหลักฐานที่ดีที่สุด (1)
พูดจริงนะ เขาไม่ชินเลยที่มีการกระทำที่สนิทสนมกับพี่ชายใหญ่แบบนี้ แต่ว่า ขณะนี้มีผู้คนกำลังมองอยู่มากมาย เขาก็ไม่มีทางทำการกระทำอะไรที่ไม่ให้ความร่วมมือออกมา
“พี่ใหญ่ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นอนพักผ่อนไป ดีขึ้นเยอะแล้ว” บนใบหน้าของหลินเป้ยมีรอยยิ้มเบิกบาน ดูแล้วแจ่มใสมาก
ถังหลินมองดูมือของเจ้าชายใหญ่ที่วางอยู่บนหน้าผากของหลินเป้ย แววตาคู่หนึ่งของเขาค่อยๆ หรี่ตาขึ้น มิวนาทีหนึ่ง จู่ๆ ถังหลินก็รู้สึกอยากจะตัดมือนั้นทิ้ง
ขณะนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยเว่าถังหลินลืมไปแล้วว่า คนนั้นคือพี่ชายใหญ่ของเขา พี่ชายใหญ่แท้ๆ!
พี่ชายใหญ่คนอื่นเป็นห่วงน้องชายของตัวเองหน่อยมีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรอ?
แล้วเกี่ยวอะไรกับเขา ถังหลิน?
เขาถังหลินมีสิทธิ์อะไรไปตัดมือของพี่ชายใหญ่เขา?!
ถังหลินค่อยๆ หันไปมอง ในตอนที่เห็นหลินเป้ยยิ้ม แววตาของเขาดูเข้มขึ้นเยอะมาก
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไป ไปทานอาหารอร่อยกัน” เจ้าชายใหญ่จึงจะวางใจ หลินเป้ยเดินไปที่ห้องอาหารเลย
อยู่ข้างนอก หลินเป้ยเป็นคนที่ใจอ่อนไม่ค่อยกล้ามาโดยตลอด ไม่ได้ดูแลภาพลักษณ์อะไรเลย เจ้าชายใหญ่พูดอะไร หลินเป้ยก็ทำอย่างนั้น ไม่เคยมีการคัดค้านใดๆ เลย
แต่ว่าภายในส่วนตัว หลินเป้ยกลับเป็นคนที่วางแผนการให้กับเจ้าชายใหญ่
ถังหลินมองทั้งสองเดินไปทางข้างหน้า ดูแล้วพวกเขาสนิทสนมกันมาก แววตาของถังหลินดูเข้มขึ้นและหรี่ตาขึ้นอีกครั้ง
“อาหารป่วยของเจ้าชายน้อยดีขึ้นแล้ว งั้นก็ดีมากจริงๆ เจ้าชายน้อยอยากกินอะไร ผมให้คนในครัวไปเตรียม” หยวนจุนหลินนั้นไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองพี่น้องก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาแค่ทำหน้าที่ต้อนรับเจ้าชายใหญ่ทั้งสองท่านนี้ก็พอแล้ว
“เขาชอบกิน……” เจ้าชายใหญ่ได้ยินคำพูดของหยวนจุนหลินแล้ว เท้าของเขาก็หยุดลง หันไปมองหยวนจุนหลิน แล้วรีบพูดชื่อของเมนูออกมายกใหญ่เลย
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า เจ้าชายใหญ่นั้นรู้ดีเกี่ยวกับความชอบของน้องชายคนนี้เป็นอย่างดี
หลินเป้ยไม่ได้พูดอะไร เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเห็นด้วยแล้ว
แววตาของถังหลินเข้มขึ้นไปอีก ริมฝีปากที่โค้งขึ้นนั้นก็มีความเย็นชาแฝงอยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน
เจ้าชายใหญ่ท่านนี้ให้ความสำคัญกับเจ้าชายน้อยมากจริงๆ!!
แน่นอน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถังหลินต้องไม่พูดอะไรมากแน่นอน
เดินไปยังห้องอาหารคนเดียว หยวนจุนหลินสั่งอาหารให้เจ้าชายน้อยด้วยตัวเขาเอง ต่างก็เป็นอาหารที่เจ้าชายใหญ่พูดเมื่อกี้
ความจำของหยวนจุนหลินดีมาก เจ้าชายใหญ่พึ่งพูดไปรอบเดียว หยวนจุนหลินก็จำได้หมดแล้ว แม้กระทั่งลำดับหน้าหลังก็ไม่ผิด
หลินเป้ยมีความตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นทันที มองไปทางหยวนจุนหลิน แววตามีความนับถือแฝงอยู่ “ความจำของคุณหยวนดีมากเลยจริงๆ”
ประโยคนี้ ออกมาจากคำชมจากใจจองหลินเป้ย
“เจ้าชายน้อยชมเกินไปแล้วครับ” หยวนจุนหลินมองไปทางเจ้าชายน้อย ยิ้มอย่างมีมารยาท
ได้ยินคำพูดที่หลินเป้ยชื่นชมหยวนจุนหลินแล้ว สีหน้าของถังหลินดูอึมครึมลงเยอะมาก
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินเป้ยก็ไม่ได้มองถังหลินเลย ราวกับว่าถังหลินเป็นอากาศเลย
หลังจากที่อาหารขึ้นมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ความสนใจของหลินเป้ยต่างก็อยู่บนอาหารทั้งหมด ขณะนี้ในสายตาของหลินเป้ยมีแต่ของกิน แน่นอนว่ามองไม่เห็นถังหลินอยู่แล้ว
ถังหลินไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ในใจของเขาก็มีความอึดอัด ความอึดอัดที่เหมือนจะหายใจไม่ออก
และในขณะเดียวกัน เวินลั่วฉิงยังคงสืบเรื่องของวันนั้นอยู่ ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเป้าหมายของคนนั้นคือเย่ซือเฉินตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าเย่ซือเฉินไม่ได้ไป ถังหลินเข้าไปในห้องนอนของเย่ซือเฉิน ถังหลินจึงได้ติดกับดัก
แต่ว่า เวินลั่วฉิงก็คิดไม่ออกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครกันแน่?
กล้านำเย่ซือเฉินมาเป็นศัตรูนั้นมีไม่น้อย ในเวลาเดียวกันยังกล้าเป็นศัตรูกับถังหลินอีกด้วย? จะเป็นคนแบบไหนกันแน่?
เวินลั่วฉิงคิดไม่ออกเลยจริงๆ
แม้กระทั่งคนอย่างเย่ซือเฉินก็คิดไม่ออก สองสามปีนี้คนที่เย่ซือเฉินไปเป็นโทษด้วยก็ไม่น้อย แต่ว่าเย่ซือเฉินต่างก็ได้ตัดคนที่เป็นไปได้ออกหมดแล้ว
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเย่ซือเฉิน โม่เซิน เย่ซือเฉินก็ให้คนไปสืบแล้ว สามารถแน่ใจได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโม่เซิน
เย่ซือเฉินยังให้คนไปสืบถังไป๋เชียนอีกด้วย แต่ว่าความจริงก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีทางเป็นถังไป๋เชียนไปได้
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของถังหลินก็คือตระกูลกู้ ถึงแม้ว่ากู้ฉิ้งหยู่เองก็จะอยู่ในสถานการณ์นั้น แต่ว่าเวินลั่วฉิงมองออกว่าตระกูลกู้ไม่ใช่คนบงการเรื่องนี้ เธอกลับรู้สึกว่าตระกูลกู้น่าจะถูกรับใช้แล้ว
วันนั้นตอนที่อยู่ในสถานการณ์ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากู้ฉิ้งหยู่ทำตามสีหน้าของกงหยุน
ดังนั้น จนถึงตอนนี้ กงหยุนคือบุคคลสำคัญ แต่ว่าปากของกงหยุนมิดชิดแน่นมาก ถามอะไรก็ถามไม่ออก เขากัดฟันแน่นแล้วว่าถังหลินข่มขืนเขา
ผ่านไปสองวันแล้ว สำหรับคนที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่พบเจอเบาะแสอะไรเลย ไม่รู้เลยว่าคนอะไรที่กำลังทำเรื่องนี้อยู่
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เธอแอบรู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเหมือนกำลังต่อต้านเธออยู่
แน่นอนว่า นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของเธอ ยังหาหลักฐานใดๆ ไม่เจอ ดังนั้น เธอจะต้องไปสืบให้ชัดเจน…….
เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เวินลั่วฉิงมองไปหนึ่งที แล้วรีบรับ
“ฉิงฉิง ฉันสืบเรื่องหนึ่งเจอแล้ว” โทรศัพท์เป็นสายของมู่หรงดัวหยางโทรมา
ทางเวินลั่วฉิงไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ดังนั้นเธออยากจะให้มู่หรงดัวหยางมาช่วย มู่หรงดัวหยางนั้นเก่งมากในด้านคอมพิวเตอร์ สิ่งที่เขาอยากจะสืบไม่มีเรื่องอะไรที่จะสืบไม่ได้
แต่ว่าเวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงว่ามู่หรงดัวหยางจะเจอเร็วขนาดนี้
“เรื่องอะไรหรอ?” เวินลั่วฉิงยักคิ้วเล็กน้อย ฟังจากน้ำเสียงของมู่หรงดัวหยางแล้ว ข่าวนี้คงจะเป็นเศษมาก
“ฉันสืบได้ว่าเจ้าชายใหญ่ประเทศDนั้นชอบผู้ชาย” มู่หรงดัวหยางหยุดหายใจไปสักพัก จึงจะพูดผลออกมา
“แค่ก แค่ก……” เวินลั่วฉิงกระอักน้ำลายของตัวเองไปเลย เจ้าชายใหญ่ชอบผู้ชาย?
ข่าวนี้ระเบิดมากจริงๆ!!
จู่ๆ เวินลั่วฉิงก็นึกได้ว่าเย่ซือเฉินจองห้องให้กับเจ้าชายใหญ่ จากนั้นก็เป็นเรื่องที่นัดเย่ซือเฉินไปที่โรงแรมกลางดึก
พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ เวินลั่วฉิงก็ขนลุกขึ้นทันที อย่างบอกนะว่าเจ้าชายใหญ่จะชอบเย่ซือเฉิน?
“ข่าวนี้จริงไหม?” เวินลั่วฉิงสุดหายใจลึก พยายามให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นได้นะ
เจ้าชายใหญ่ชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิง จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่ว่าหากเจ้าชายใหญ่มีความคิดต่อผู้ชายของเธอ งั้นก็เกี่ยวข้องกับเธอแล้ว
อีกอย่างมีความเกี่ยวข้องใหญ่ด้วย!!
“แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์” มู่หรงดัวหยางตอบกลับได้ยืนหยัดมาก
“งั้นต่อจากนี้จะต้องให้เย่ซือเฉินรักษาระยะห่างจากเจ้าชายใหญ่ท่านนั้นแล้ว” จากนั้นเวินลั่วฉิงก็พูดเสริมขึ้นด้วยความกังวล
“ฉิงฉิง หลังจากที่เธอได้ยินปัญหานี้แล้ว การตอบสนองแรกไม่ใช่ว่าควรจะเป็นห่วงพี่ชายใหญ่เธอว่าในคืนนั้นได้จัดผู้ชายไปแล้วคนหนึ่งจริงๆ หรือเปล่าไม่ใช่หรอ?” อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ หลังจากที่มู่หรงดัวหยางได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว ก็เงียบไปสามวิ
ไม่ว่ายังไงแล้วเจ้าชายใหญ่ก็ชอบผู้ชาย อย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าคืนนั้นถังหลินจะ….