ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 854 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 854 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ (3)
ปรารถนาสุดๆ!!
เพียงเพราะเป็นของเธอกับเขา……
ทว่าสุดท้ายสวรรค์ก็โหดร้ายต่อเขา เขากับเธอไม่อาจมีลูกด้วยกันได้เลย
แต่สวรรค์ก็ไม่ได้โหดร้ายถึงขีดสุด อย่างน้อยก็ยังส่งเธอมาอยู่ข้างกายเขา ชั่วชีวิตนี้มีเธอเคียงข้าง เขาก็ควรรู้สึกพอแล้ว ควรรู้สึกพอแล้ว
เขาอยากไปหาเวินลั่วฉิง แต่วินาทีต่อมาเขาก็ระงับความคิดนี้ไว้ เขากังวลว่าสภาพเขาในตอนนี้จะเผยพิรุธให้เธอเห็น เพราะเธอนั้นฉลาดมากๆ ไม่มีอะไรปิดบังเธอได้เลย
เขาไม่อยากให้เธอกังวล และไม่อยากให้เธอมีภาระความกดดัน
ไม่มีลูกก็ไม่มีลูกสิ มีเธอก็พอ
ถึงแม้เขาจะคิดได้เช่นนี้ แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี ปวดมาก ปวดมากๆ เป็นความเจ็บปวดที่ควบคุมไม่ได้
ฟ้ามืดลง ภายในห้องจึงมืดตาม เขาซึ่งยังคงยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง เวลานี้มองไม่เห็นท่าทางเขาอีกแล้ว
แต่เขาไม่ได้เปิดไฟ ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ให้ร่างกายตัวเองจมลงในความมืดมิด
เลขาหลิวยืนอยู่ด้านหลังเย่ซือเฉินด้วยท่าตรง ชั่วขณะนั้นเขาไม่แม้แต่จะหายใจแรงๆ เขากลัวท่านประธานในเวลานี้มาก
ซึ่งไม่ใช่ความกลัวเฉกเช่นปกติ ท่านประธานในปกติที่แสนเย็นชา ถึงแม้จะน่ากลัว เขาก็ยังพอรับไหว แต่ตอนนี้ท่านประธานยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมน เงาร่างที่พร่ามัวทำให้เขากลัวการอ้างว้างที่เงียบเหงา เขากังวลว่าท่านประธานจะอยู่ในอาการอ้างว้างที่แสนจะเงียบเหงาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และหลุดพ้นไม่ได้
เลขาหลิวรู้ว่าครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจท่านประธานอย่างหนักหน่วง เขาติดตามท่านประธานมาหลายปี แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านประธานเป็นเช่นนี้
เลขาหลิวรู้ว่าเวลานี้สิ่งที่ท่านประธานต้องการไม่ใช่คำปลอบใจ อีกทั้งคำพูดใดๆก็ไม่อาจปลอบใจท่านประธานได้ นอกเสียจากเรื่องนี้จะกลับกัน นอกเสียจากเจ้าหญิงน้อยจะเป็นลูกของคุณนาย เมื่อเป็นลูกสาวของคุณนายก็ต้องเป็นลูกของท่านประธานด้วย
แต่เลขาหลิวรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาได้สืบสาวหาความจริงจนกระจ่างแล้ว ความจริงยืนยันว่าเจ้าหญิงน้อยไม่มีทางเป็นลูกของคุณนายกับท่านประธาน
ดังนั้นเวลานี้เลขาหลิวจึงไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แค่ยืนนิ่งๆอยู่ด้านหลังเย่ซือเฉิน
ณ ตอนนี้เลขาหลิวรู้สึกสงสารท่านประธานของตนจับใจ
ท่านประธานเป็นผู้มากความสามารถและเป็นผู้มั่งคั่ง หลายปีมานี้ในแวดวงการธุรกิจ ท่านประธานสามารถเรียกฝนเรียกลมได้ตามใจอยาก ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ แต่บนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเสมอไป
ท่านประธานรักคุณนายอย่างลึกซึ้ง แต่คุณนายดันมีลูกไม่ได้ เมื่อท่านประธานกับคุณนายอยู่ด้วยกัน จึงถูกกำหนดให้มีลูกไม่ได้
แน่นอน เลขาหลิวยังรู้อีกว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ท่านประธานก็จะเลือกอยู่กับคุณนายโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ความเจ็บปวดของท่านประธานในเวลานี้เป็นเพราะความหวังจางหาย ไม่อาจยอมรับได้ทันทีทันใด
บางครั้งการหมดความหวังเป็นตัวทำร้ายที่แรงที่สุด
เลขาหลิวคิดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เย่ซือเฉินก็ไม่ได้ล่วงรู้เลยสักนิด เพราะบัดนี้สมองเย่ซือเฉินโล่งโปร่ง เขาไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ได้แต่มองไปด้านหน้า ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่
วินาทีนี้ เขาอนุญาตให้ตัวเองจมปลักอยู่กับความเงียบเหงาเคว้งคว้าง
เย่ซือเฉินยืนตรงอยู่อย่างนั้นทั้งคืน ซึ่งเวลาหนึ่งคืนนี้เย่ซือเฉินแทบไม่เคยขยับเลย
เลขาหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาสองขาอ่อนแรง แต่ท่านประธานไม่ขยับ เขาก็ไม่กล้าขยับ
วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ส่องแสงเข้ามา คล้ายกับทำให้เย่ซือเฉินมีสติขึ้นมา
“ไปเถอะ”เขาอนุญาตให้ตัวเองอยู่เงียบๆด้วยความเศร้าโศกได้ แต่ก็ไม่ใช้เวลานานมากนัก ซึ่งเวลาหนึ่งคืนก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้หัวใจเขาจะปรารถนาลูกสาวที่เกิดจากเขากับเธอ แต่หากถูกกำหนดว่าไม่ได้ เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านต่อไป
จิตตกย่อมต้องมีเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อผ่านการนิ่งเงียบมาหนึ่งคืนเต็มๆ มันเพียงพอที่จะปรับสภาพจิตใจเขาได้แล้ว
จะไม่คิดเรื่องลูกอีกต่อไปแล้ว!!
เอาอย่างนี้แล้วกัน!!
เอาอย่างนี้แล้วกัน!!
“ไปไหนครับ?”เลขาหลิวอึ้ง การเคลื่อนไหวของท่านประธานอย่างกะทันหันทำให้เขาตามไม่ทัน ไม่รู้ว่าท่านประธานจะไปไหน?
ไปหาคุณนายหรือ?
“ไปบริษัท”เย่ซือเฉินมองท่าทางโง่งมของเลขาหลิว พลางอธิบายอย่างหาได้ยาก บัดนี้น้ำเสียงเย่ซือเฉินดีเยี่ยมมาก เมื่อก่อนเลขาหลิวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“ไปบริษัท?”เลขาหลิวตกใจในชั่วขณะนั้น แน่นอนยิ่งไม่มีการตอบสนองอะไร ท่านประธานยืนมาทั้งคืน จากนั้นก็ไปที่บริษัท?
“ผมจำได้ว่าวันนี้มีประชุมที่บริษัท”น้ำเสียงของเย่ซือเฉินเป็นธรรมชาติมาก ธรรมชาติเสียจนฟังความผิดแปลกไม่ออก บัดนี้สีหน้าเขากลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว
“ห้ะ?ออ ครับ มีประชุมครับ”เลขาหลิวรีบพยักหน้า วันนี้มีประชุมจริงๆ ความหมายของท่านประธานคือตอนนี้ไปประชุมที่บริษัท?
ก่อนหน้านี้ ท่านประธานนิ่งเงียบด้วยความเศร้าราวกับจะเป็นจะตาย แต่ตอนนี้จะไปประชุมที่บริษัท?
ทำไมเขารู้สึกว่าท่านประธานเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?
เย่ซือเฉินไม่ได้สนใจเลขาหลิว เปิดประตูเดินออกไป พอเลขาหลิวได้สติก็รีบตามออกไป
เลขาหลิวตามออกมาอยู่ด้านหลัง ไม่พบอารมณ์ที่แวบผ่านบนนัยน์ตาของเย่ซือเฉิน แน่นอน มันเป็นเพียงอารมณ์ประกายผ่านแค่เพียงแวบเดียว
เย่ซือเฉินทำอย่างที่เขาคิดจริงๆ เย่ซือเฉินไปประชุมที่บริษัทจริงๆ
เวินลั่วฉิงตื่นมาตอนเช้าก็ไปเยี่ยมไข้คุณปู่เวินเลย
เมื่อเวินลั่วฉิงออกไป ถังจื่อโม่ก็พาถังจื่อซีลงมาชั้นล่าง
“คุณย่าครับ คุณปู่ทวดครับ คุณย่าทวดครับ พวกเราจะตามคุณแม่ไปเยี่ยมคุณปู่ทวดที่โรงพยาบาลครับ”ถังจื่อโม่พูดพร้อมกับเดินออกไปด้านนอก
“หา?แม่ผมออกไปแล้วนี่ครับ ย่าไปเป็นเพื่อนพวกผมนะครับ”เฟิ่งเหมียวเหมียวนึกได้ว่าเวินลั่วฉิงอาจจะออกไปแล้ว จึงลุกขึ้นเพื่อตามพวกเขาไป
“คุณย่าไม่ต้องเป็นเพื่อนพวกผมหรอกครับ คุณแม่ยังรอพวกเราอยู่ด้านนอกครับ พวกผมกับคุณแม่คุยกันไว้แล้วครับ”ถังจื่อโม่รีบกล่าวโดยฝีเท้าไม่ได้หยุดนิ่งเลย
“ออ ก็ได้จ้ะ งั้นพวกผมช้าๆหน่อยนะ อย่าวิ่งเร็วจนหกล้มล่ะ”เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินว่าพวกเขาคุยกับเวินลั่วฉิงไว้แล้ว คิดว่าเวินลั่วฉิงรอพวกเขาอยู่ด้านนอกจริงๆ จึงไม่เป็นห่วงแล้ว
เพราะเด็กน้อยถังจื่อโม่เป็นคนรู้ความมาโดยตลอด รู้จักแยกแยะกาลเทศะ ไม่เคยเหลวไหลมาก่อน
เด็กน้อยทั้งสองตอบรับเสร็จก็รีบวิ่งออกไป
ตอนที่พวกเขาออกไป เวินลั่วฉิงก็ออกไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
“ลุงเสี่ยวหลิว รีบครับ ออกไปกับพวกผมครับ”เด็กน้อยถังจื่อโม่รู้ว่าหากเรียกคนขับรถคนอื่นคงไม่ได้ มีเพียงคนขับรถเสี่ยวหลิวเท่านั้นที่ยอมพาพวกเขาไป
เพราะในบ้านตระกูลถังแบ่งแยกหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนตั้งแต่เช้า ทำให้ไม่มีใครสังเกตพวกเขา เด็กน้อยทั้งสองรีบขึ้นรถแล้วออกจากบ้านตระกูลถัง
“คุณชายน้อย วันนี้พวกเราจะไปไหนครับ?”คนขับรถเสี่ยวหลิวมองเด็กทั้งสอง พลางอดหัวเราะไม่ได้ เด็กสองคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่จริงๆ
“ไปบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปครับ”ถังจื่อโม่รีบตอบหนึ่งประโยค
“ไปบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปเหรอครับ?ไปหาคุณชายสามเย่เหรอครับ?วันนี้จะไปดักซุ่มรอที่บริษัทหรือครับ?”คนขับรถเสี่ยวหลิวยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พวกเขาจะไปดักซุ่มรอคุณชายสามเย่หรอกหรือ?