ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 859 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ(8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 859 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ(8)
“ผมรู้แล้วครับจะไปเดี๋ยวนี้เลย”เลขาหลิวรู้ว่าไม่ว่าต่อจากนี้จะมีสิ่งใดรอเขาอยู่ เขาก็ต้องขึ้นไปอย่างกล้าหาญ
เพียงแต่พอนึกถึงภาพเจ้าหญิงน้อยน้ำตาไหล สองขาของเขาก็สั่นเล็กน้อย
นาทีนี้เลขาหลิวเดินช้ามาก แต่ลิฟต์ไม่ได้ห่างจากห้องทำงานท่านประธานไกลมากนัก ถึงเขาจะเดินช้าแค่ไหนก็ยังเดินไปถึงห้องทำงานท่านประธานอยู่ดี
เลขาหลิวถอนหายใจยาวๆอีกครั้ง จากนั้นก็รวบรวมความกล้าดันประตูห้องทำงาน วินาทีที่เปิดประตูห้องทำงาน เขาพยายามให้ตัวเองเผยรอยยิ้มออกมาทางใบหน้า แบบที่เขาคิดว่าอ่อนโยนและเป็นมิตรที่สุด:“เจ้าหญิงน้อยครับ ผมมาแล้ว”
ถังจื่อซีได้ยินเสียงเปิดประตู พลางเงยหน้ามองด้วยความคาดหวัง เมื่อเห็นเลขาหลิว ใบหน้าเล็กบึ้งเล็กน้อย ความคาดหวังบนใบหน้าก็จางหายอย่างรวดเร็ว:“แดดดี้ของหนูล่ะคะ?”
“ท่านประธานมีเรื่องด่วน ออกไปแล้วครับ……”เลขาหลิวพูดตามความจริง เมื่อกี้ท่านประธานมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เขาไม่ได้พูดปด
ดวงตาดำเงางามของเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีมองเลขาหลิว แต่ไม่ได้พูดอะไร แค่มองเลขาหลิวอย่างเงียบๆเท่านั้น
เจ้าหญิงน้อยเงียบงันมาก เงียบมากๆ เงียบจนเหนือความคาดหมายของเลขาหลิวไปแล้ว
เลขาหลิวสบตากับเจ้าหญิงน้อย พลางกลืนน้ำลายด้วยจิตใต้สำนึก ทันใดนั้นเขารู้สึกกดดันเหมือนมีภูเขาทับอก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าแววตาเจ้าหญิงน้อยช่างน่ากลัวเสียจริงๆ สามารถเทียบเทียมท่านประธานได้เลย
“ท่านประธานมีธุระด่วนที่ต้องออกไปจริงๆครับ อาไม่ได้หลอกหนูนะครับ”เลขาหลิวพยายามอธิบาย ทั้งๆที่เขาไม่ได้โกหก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่ออยู่ภายใต้การจ้องมองของเจ้าหญิงน้อย เขาถึงรู้สึกผิดในใจอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายเขารู้สึกว่าแม้แต่เขาเองก็ใกล้จะไม่ได้ยินเสียงตัวเองแล้ว
เขากลัวเจ้าหญิงน้อยจะร้องไห้ แต่ตอนนี้เจ้าหญิงน้อยกลับไม่ร้องไห้ แค่ยืนมองเขาอยู่เงียบๆ มันจึงยิ่งทำให้เขากลัวมากขึ้น
“เจ้าหญิงน้อยครับ หนูอย่ามองอาอย่างนี้สิครับ หนูพูดอะไรหน่อยสิครับ?”เลขาหลิววุ่นวายใจมากๆ ท่าทางเช่นนี้ของเจ้าหญิงน้อยทำให้เขารับไม่ไหว
“เลขาหลิวค่ะ อาได้บอกแดดดี้หรือเปล่าว่าหนูมาที่บริษัท?”เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีคล้ายกับถอนหายใจเบาๆ เสียงหวานแหววฟังแล้วไพเราะยิ่งนัก
“ไม่ ไม่ทันบอกครับ”เลขาหลิวรู้สึกเหงื่อแตกที่หน้าผาก ทั้งที่เป็นการซักไซ้ของเจ้าหญิงน้อย แต่น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ทำให้เขายิ่งรับไม่ไหว
เขาแอบพูดกับตัวเองในใจว่าเขาไม่ทันบอกจริงๆ
แต่เมื่อสบตาเข้ากับเจ้าหญิงน้อย เขาก็รู้สึกผิดในใจเหลือเกิน
ยังดีที่เจ้าหญิงน้อยไม่ได้ไล่ถามต่อ จึงทำให้เขาเบาใจเล็กน้อย
เจ้าหญิงน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้ของท่านประธาน ร่างกายน้อยๆอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ดูแล้วน่ารักเสียจริงๆ แต่รัศมีแห่งจักรพรรดินีของเธอทำให้เลขาหลิวอกสั่นขวัญแขวน
ใช่ ไม่ใช่มาดเจ้าหญิงเลยสักนิด นี่มันจักรพรรดินีชัดๆ แถมยังเป็นจักรพรรดินีที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนทั่วสารทิศอีกด้วย!!
“คุณนายเกิดเรื่องขึ้นครับ ท่านประธานเลยต้องรีบไปครับ”ภายใต้อานุภาพจักรพรรดินีอันแรงกล้าของถังจื่อซี ครั้งนี้ไม่รอให้ถังจื่อซีถาม เลขาหลิวก็รีบอธิบายโดยเร็ว
ตามหลักแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน ไม่ควรบอกคนอื่น แต่เลขาหลิวต้านทานอานุภาพจักรพรรดินีของถังจื่อซีไม่ไหวจริงๆ
ดวงตาถังจื่อซีเปล่งแสงสว่างเล็กน้อย ที่แท้คุณพ่อก็ไปหาคุณแม่นี่เอง งั้นก็ให้อภัยได้อยู่
เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เลขาหลิวบอกว่าคุณแม่เกิดเรื่องขึ้นอย่างนั้นหรือ?
เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่กันเหรอ?อย่างคุณแม่จะเกิดอะไรขึ้นได้?
ถังจื่อซีรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ ไม่ได้สนใจเลขาหลิวอีกต่อไป แล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก ถึงแม้เธอไม่เชื่อว่าจะมีใครทำร้ายคุณแม่เธอได้ แต่ได้ยินว่าคุณแม่เกิดเรื่องก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้
อีกอย่างคุณพ่อกำลังจะไปหาคุณแม่ ขอเพียงเธอหาคุณแม่เจอ งั้นก็ต้องเจอคุณพ่อด้วยเหมือนกัน อย่างนี้ก็ไม่ส่งผลต่อการนับพ่อของเธอแล้ว
“เจ้าหญิงจะไปไหนครับ?”เลขาหลิวเห็นถังจื่อซีจะไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขาไม่วางใจจริงๆที่ปล่อยให้เด็กอายุไม่ถึงห้าขวบออกไปเอง
เด็กน้อยถังจื่อซีหันไปจ้องเขม็งเขาแวบหนึ่ง:“เชอะ พูดแล้วไม่ทำตาม คนหลอกลวง”
หัวใจเลขาหลิวปวดระบม แถมยังพูดไม่ได้อีกต่างหาก
ทำไม?ทำไมคนซวยมักจะเป็นเขาเสมอ
ตอนที่เลขาหลิวคร่ำครวญ ถังจื่อซีเปิดประตูออกจากห้องทำงานแล้ว
เลขาหลิวได้สติก็รีบตามไป คิดจะอธิบายเพื่อตัวเอง จากนั้นก็ค่อยส่งเจ้าหญิงน้อยกลับไป
แต่บัดนี้เจ้าหญิงน้อยกำลังคุยโทรศัพท์:“หม่ามี้อยู่ไหนคะ?”
เลขาหลิวเก็บคำพูดที่มาถึงปลายลิ้น ได้ยินถังจื่อซีเรียกว่าคุณแม่ ดวงตาพลันเปล่งประกายระยิบระยับ แม่ของเจ้าหญิงน้อย?
คือเห่อถงถงคุณเห่อหรือเปล่า?
“ค่ะ ค่ะ หนูรู้แล้วค่ะ”ถังจื่อซีไม่สนใจเลขาหลิว โทรศัพท์ไปพลางเดินเข้าลิฟต์ไปพลาง
ตอนที่เลขาหลิวไล่ตามมา ถังจื่อซีก็ปิดประตูลิฟต์เสียแล้ว เลขาหลิวจึงถูกทิ้งอยู่ด้านนอก
ตอนนี้เธอจะลงไปหาพี่ชายที่ชั้นล่าง จากนั้นก็ให้พี่ชายพาเธอไปพบคุณแม่
ตอนที่คุณแม่รับสาย ถึงแม้ทางโน้นจะเสียงดังเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของคุณแม่นั้นอ่อนโยน เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงรู้ว่าคุณแม่ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ดังนั้น เธอจะไปหาคุณพ่อ
ดูสิว่าจะมีโอกาสนับพ่อหรือเปล่า จะให้เซอร์ไพรส์แก่คุณพ่อได้ไหม!
เวลานี้เวินลั่วฉิงถูกคนล้อมโจมตีจริงๆ วันนี้เธอไปเยี่ยมคุณปู่เวินที่โรงพยาบาล จากนั้นก็มีสายจากผู้จัดการหลิวบอกว่าทางบริษัทมีเรื่องที่จำเป็นต้องให้เธอออกหน้าเอง บอกให้เธอเข้าบริษัท
ตอนแรกเวินลั่วฉิงนัดกับเห่อถงถงไว้ ซึ่งเห่อถงถงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปอยู่แล้ว เพื่อเป็นการรักษาเวลา
เห่อถงถงจึงไปรอเธอที่ใต้ตึกบริษัทเวินซื่อกรุ๊ป
เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งถึงบริษัทก็ถูกคนขวางไว้เสียแล้ว
คนที่เข้าขัดขวางทางเธอไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่นั่นเอง
เนื่องจากเรื่องก่อนหน้านี้ เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกับทั้งสองท่านมากนัก เหตุที่เธอไม่ติใจเอาความก็เพราะเย่ซือเฉิน
ดังนั้น เธอเลี่ยงพวกท่านได้ก็จะเลี่ยงไม่เจอหน้ากัน
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอย่างไรเสียเธอก็หลีกเลี่ยงการเจอกันไม่พ้น เพราะคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ถึงกลับมาขวางหน้าบริษัทเชียว
“เวินลั่วฉิง พวกเราคุยกันหน่อย”เมื่อคุณย่าเย่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ท่านยังคงมีอากัปกิริยาสูงศักดิ์เช่นเดิม แน่นอนด้วยเหตุตระกูลถังคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะไม่อยากให้เรื่องมันเอิกเกริกใหญ่โต
ทว่าหากไม่สะสางเรื่องเวินลั่วฉิง เย่ซือเฉินก็ไม่อาจสู่ขอคุณหนูตระกูลถังได้ ช่วงนี้พวกท่านคิดหาวิธีเพื่อเจอหน้าเวินลั่วฉิงอย่างสุดความสามารถ แต่ก็หาไม่เจอเสียที วันนี้ได้ข่าวว่าเวินลั่วฉิงเข้าบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปอย่างยากเย็น พวกท่านจึงรีบมาดักรออยู่หน้าบริษัทเวินซื่อกรุ๊ป
พวกท่านก็ไม่อยากก่อเรื่องหน้าบริษัท แต่พวกเขากังวลว่าหลังเวินลั่วฉิงเข้าไปด้านในบริษัทแล้ว พวกท่านจะจับตัวคนไม่ได้ เพราะพนักงานบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปไม่ยอมให้พวกท่านเข้าไป ดังนั้นจึงได้แต่ดักรออยู่หน้าประตูบริษัท