ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 865 พ่อลูกยอมรับกัน คุณชายสามเย่ตกใจจนบื้อไปแล้ว (5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 865 พ่อลูกยอมรับกัน คุณชายสามเย่ตกใจจนบื้อไปแล้ว (5)
ความหมายของเห่อถงถงนั้นชัดเจนมากแล้ว ตอนนั้นเวินลั่วฉิงหย่าโดยไม่มีการลังเลใดๆ อีกอย่างหลังจากที่เวินลั่วฉิงหย่าแล้วก็ออกจากเมืองAไปที่ประเทศอเมริกา หากเวินลั่วฉิงอยากจะตอแยคุณชายสามเย่เธอไม่มีทางหย่าแน่นอน และไม่มีทางออกจากเมืองAไป
ครั้งที่แล้ว ในตอนที่คุณชายสามเย่เปิดงานแถลงข่าวกับนักข่าวก็ได้เผยแพร่แล้วว่าเวินลั่วฉิงเป็นคนหย่าก่อน ตอนนั้นคุณชายสามเย่ยังสารภาพรักอีกด้วย พูดเลยว่าจะสู่ขอเวินลั่วฉิงคนเดียว
ดังนั้นเห่อถงถงพูดเรื่องนี้อีกครั้ง ทุกคนต่างก็เริ่มเชื่อกันแล้ว
ทุกคนต่างก็เชื่อคำพูดของเห่อถงถง แน่นอนว่าเริ่มมีความสงสัยคำพูดของคุณย่าเย่และคุณปู่เย่แล้ว
ทุกคนต่างก็นึกคิดไปถึงความเป็นไปได้อีกแบบหนึ่ง เกรงว่าจะไม่ใช่เวินลั่วฉิงตอแยคุณชายสามเย่ แต่คือคุณชายสามเย่ตอแยเวินลั่วฉิง ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้แบบนี้จะทำให้ผู้คนไม่สามารถยอมรับได้
ไม่ว่ายังไงแล้วคุณชายสามเย่ก็เพอร์เฟกต์ขนาดนั้น อีกอย่างเวินลั่วฉิงก็ทั้งขี้เหร่ทั้งโง่ ไม่มีอะไรดีเลย
แต่ว่าในโลกอันใหญ่นี้ไม่มีอะไรที่ไม่มี อาจจะเป็นไปได้ว่าความชอบของคุณชายสามเย่พิเศษ ก็ชอบสเปคอย่างเวินลั่วฉิงแบบนี้ล่ะ?
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นการกระทำของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็เกินไปแล้วจริงๆ!!
“ตอนนี้คุณปู่เย่และคุณย่าเย่พูดว่าฉิงฉิงบ้านฉันตอแยคุณชายสามเย่? พวกคุณอายุปานนี้แล้วยังลืมตาพูดโกหกอีก พวกคุณอายุเยอะขนาดนี้แล้วเก็บหน้าไว้หน่อยสิ?” เห่อถงถงเห็นว่าผู้คนต่างก็เริ่มเข้าใจกันแล้ว จึงพูดเสริมขึ้นอีกครั้ง
คำพูดนี้ของเห่อถงถงไม่มีความเกรงใจเลย ไม่ได้เหลือหน้าเหลือตาให้กับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่เลย
สำหรับคนแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเลยจริงๆ
“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ในเมื่อคุณเวินขอหย่าก่อน ก็ไม่ควรจะตอแยคุณชายสามเย่นิ?”
“แน่นอนว่าไม่มีทาง หากคุณเวินอยากตอแยคุณชายสามเย่ ก็ไม่มีทางหย่าแน่นอน”
“งั้นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่กำลังใส่ร้ายคุณเวินอยู่จริงหรอ?”
“มีความเป็นไปได้สูงที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่จะใส่ร้ายคุณเวิน ไม่ว่ายังไงแล้วครั้งที่แล้วคุณปู่เย่ก็แกล้งบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลเพื่อใส่ร้ายคุณเวิน”
“ทำไมคนนี้ถึงเป็นแบบนี้ เกินไปแล้วจริงๆ ไม่สามารถเอาแต่ใจเพราะตัวเองอายุมากแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สามารถใส้รายคนอื่นไปมั่วๆ เพราะตัวเองอายุมากหรอกนะ”
“คุณย่าเย่คุกเข่ากับคุณเวินต่อหน้าผู้คน ก็เหมือนใช้อายุมาเป็นหลักเกณฑ์ ยังใช้ศีลธรรมมาบีบบังคับให้ทำอีก อยากจะให้ทุกคนกล่าวโทษคุณเวิน พวกเราเกือบจะติดกับดักแล้ว”
สถานการณ์ในตอนนี้พลิกแพลงไปเลย ผู้คนต่างก็รู้ความจริงกันหมด ต่างก็เห็นธาตุแท้ของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่แล้ว ดังนั้นจากนี้ไปถึงแม้ว่าคุณย่าเย่จะยังคุกเข่าลงพื้น ก็ไม่มีคนช่วยคุณย่าเย่พูดอีกแล้ว
ขณะนี้ยิ่งไม่คนรู้สึกว่าคุณย่าเย่ที่คุกเข่าน่าสงสาร ยิ่งรู้สึกว่าโหดร้าย
ผู้อาวุโสทั้งสองช่างร้ายกาจจริงๆ
เย่ซือเฉินในตอนนี้ได้ลงจากรถแล้ว แต่ว่าเขายืนอยู่ข้างหลังของผู้คนที่มาล้อมรอบ ไม่ได้เดินตรงมาข้างหน้า
สถานการณ์แบบนี้ เวินลั่วฉิงชนะขาดแล้ว ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาออกหน้าแล้ว อีกย่างสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะให้เขาออกหน้า
ไม่ว่ายังไงแล้วนั่นก็เป็นคุณปู่ คุณย่า เป็นผู้อาวุโสของเขา เขาไม่ได้เป็นห่วงหน้าตาของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่
เขาคิดเผื่อเวินลั่วฉิงทั้งนั้น ตอนนี้หากเขายังออกหน้าช่วยเหลือเวินลั่วฉิงอีกจะดูเหมือนเกินไปแล้วไร้ค่า และจะแตกต่างไปจากผลในตอนแรก
รถอีกคันหนึ่ง ถังจื่อโม่เม้มปากแน่น สีหน้าเย็นชา ร่างกายเล็กๆ กลับเผยกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวออกมา ตอนนี้คนขับรถเสี่ยวหลิวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเริ่มรู้สึกเย็นที่คอแล้ว ร่างกายเริ่มแข็ง ไม่ขยับเลย และไม่กล้าพูดไปมั่ว
ท่าทีนี้ของคุณชายน้อยนี้น่ากลัวมาก ดูออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณชายน้อยโมโหแล้ว
อื้ม คุณชายน้อยในตอนนี้โกรธมาก!!
ถังจื่อซีเองก็โมโหมาก แต่ว่าองค์หญิงน้อยถังจื่อซีไม่ได้ปกปิดดั่งถังจื่อโม่แบบนั้น เธอแสดงออกถึงความโมโหไว้บนใบหน้าเลย
“พวกเขารังแกคุณแม่อีกแล้ว เกินไปมากจริงๆ” องค์หญิงน้อยถังจื่อซีเบ้ปากขึ้นสูง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “พี่ชาย พวกเขารังแกคุณแม่ พวกเราจะไม่ยุ่งหรอ?”
ถังจื่อโม่มองไปทางเธอหนึ่งที ไม่ได้พูดอะไร เรื่องบางอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องพูด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะจัดการยังไง
แน่นอนว่า เรื่องจัดแบบนี้ให้เขามาทำก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้น้องสาวออกหน้า และไม่จำเป็นต้องให้น้องสาวรู้
น้องสาวของเขาแค่มีความสุขในทุกๆ วันก็พอแล้ว ไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจอะไรก็พอแล้ว
“พี่ชาย พวกเขาคือคุณปู่ทวด คุณย่าทวดของเราจริงๆ หรอ” ถังจื่อซีไม่ได้ฟังคำตอบของพี่ชายเลย แต่กลับถามต่ออีก แค่ว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกสงสัยในตัวตนของผู้อาวุโสทั้งสองที่รังแกคุณแม่
พวกเขาคือคุณปู่และคุณย่าของคุณพ่อ ก็คือคุณปู่ทวดและคุณย่าทวดของเธอ น่าจะเป็นญาติของเธอ แต่ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนั้นกับคุณแม่ล่ะ?
ญาติแบบนี้ เธอและพี่ชายจะยอมรับอีกไหม?
ถังจื่อโม่มองเห็นสีหน้าที่ดูสับสนของน้องสาว แววตาของเขาก็แย่ลง เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าภายในแววตามีความหนักแน่นเพิ่มขึ้น “จื่อซี เธอจำไว้ ขอแค่มีพี่ชายอยู่ เธอก็สามารถทำตามใจเธอได้ทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่เธออยากทำ เธอไม่จำเป็นต้องฝืนใจเพราะคนอื่น”
น้องสาวของเขาไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจคนอื่น ยิ่งไม่จำเป็นต้องไปทำดีกับคนอื่น เช่นเดียวกัน คุณแม่ของเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
เพราะว่าเขาไม่อนุญาต
ถึงแม้ว่าสองคนนั้นจะเป็นคุณปู่ คุณย่าของคุณพ่อแท้ๆ ของเขาก็ไม่สามารถทำได้
หากเย่ซือเฉินไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ งั้นก็ให้เขามาจัดการ เขาไม่ได้มีข้อควรพิจารณาพวกนั้นเหมือนเย่ซือเฉิน
ในใจของเขา คุณแม่ของเขา น้องสาวของเขาสำคัญที่สุดมาโดยตลอด คุณแม่ของเขาและน้องสาวของเขาแซงเย่ซือเฉินได้ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้อาวุโสสองคนนั้นที่รังแกคุณแม่ตลอด
ถังจื่อโม่หันไป มองไปทางเย่ซือเฉินที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ใบหน้าที่เย็นชาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความยืนหยัดที่ไม่สามารถละเลยได้
หากเย่ซือเฉินไม่สามารถปกป้องคุณแม่ของเขา เขาไม่มีทางยอมรับเย่ซือเฉินแน่นอน
คนขับรถเสี่ยวเหลียวได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่แล้วก็อึ้งไปเลย คุณชายน้อยสุดยอดมาก เยี่ยมมาก ท่าทีนี้ไม่ควรเป็นท่าทีที่เด็กอายุห้าขวบมีเลย
แต่ว่า ท่าทีแบบนี้เกิดขึ้นบนตัวของคุณชายน้อยแล้วกลับทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ถูกแล้วที่เป็นลูกของคุณหนูใหญ่และคุณชายสามเย่ สุดบอกมาหาจริงๆ ตอนนี้เขามีความวู่สามที่อยากจะก้มกราบนับถือ
“อื้ม ฉันรู้แล้ว” ถังจื่อซีได้ยินคำพูดของพี่ชายตัวเองแล้วไม่ได้รู้สึกตกใจ พี่ชายของเธอพูดอะไรก็ถูกหมด
ภายในใจขององค์หญิงน้อยถังจื่อซี ไม่ได้มีอะไรที่ยากจนสามารถล้มพี่ชายของเธอได้ ไม่มีเรื่องอะไรที่พี่ชายของเธอไม่สามารถทำได้
ดังนั้น พี่ชายพูดอะไร เธอก็ฟังอะไร
ถังจื่อซีได้นำเรื่องของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทิ้งออกไปเลย เธอยังต้องทำเรื่องหลักอีก “พี่ชาย พวกเราจะยังไปหาคุณพ่ออยู่ไหม?