ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 870 วิธีการพะเน้าพะนอลูกของตระกูลเย่ คุณชายสามเย่เอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันนี่? (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 870 วิธีการพะเน้าพะนอลูกของตระกูลเย่ คุณชายสามเย่เอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันนี่? (1)
แต่ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นมองไปทางเย่ซือเฉินแววตากลับมีความดูถูก คนอะไรเนี่ย? ผู้ชายคนหนึ่งก่อนเรื่องขึ้นแล้ว กลับให้เด็กคนหนึ่งออกหน้าให้
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นคุณชายสามเย่ไม่มีการตอบสนองใดๆ จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปจับมืออันเล็กของถังจื่อซี การกระทำรวดเร็วมาก แต่กลับไม่กล้าใช้แรง กลัวว่าจะทำร้ายโดนองค์หญิงน้อย
“เมื่อกี้หนูบอกว่าพ่อหนูคือใคร? คือใครนะ?” คุณชายสามเย่กลืนน้ำลายลงไป ถามคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบ แล้วถามคำถามที่แอบดูซื่อบื้อด้วย
อื้ม ซื่อบื้อมากจริงๆ!!
แต่ว่านี่ก็โทษเขาไม่ได้ ไม่ใช่เขาไม่เชื่อ แต่ว่าเขาเคยได้รับการโจมตีที่ใหญ่มากในเรื่องนี้มาก่อน
การโจมตีทำให้เขาไม่มีความมั่นใจที่จะไปคาดหวังอีก
หรือว่า คุณชายสามเย่อยากจะได้ยินองค์หญิงน้อยถังจื่อซีพูดอีกครั้ง
องค์หญิงน้อยถังจื่อซีมองเขา กะพริบตาไปมา เบ้ปากเล็กน้อย “ต่อจากนี้ตอนที่คุณออกจากบ้านอย่าบอกว่าเป็นพ่อของหนู คุณโง่มากเลย”
เมื่อกี้เธอพูดได้ชัดเจนขนาดนั้นแล้ว คุณพ่อยังถามคำถามแบบนี้เธออีก?
เมื่อกี้เธอรู้สึกว่าคุณแม้โง่มากจริงๆ!!
เธอรู้สึกเสียใจตอนนี้ยังทันไหม? หากรู้ว่าเป็นคุณพ่อแบบนี้ เมื่อกี้เธอน่าจะฟังพี่ชายไม่มายอมรับกับคุณพ่อ!
เฮ้อ เธอและพี่ชายฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงมีคุณพ่อที่โง่ขนาดนี้ล่ะ?
คุณชายสามเย่ถูกรังเกียจแล้ว แต่ว่าคุณชายสามเย่ได้ยินคำพูดของถังจื่อซีแล้ว ในใจก็รู้สึกดีใจมาก
ดังนั้น เขาเป็นพ่อของเธอจริงๆ
นี่เป็นลูกสาวของเขาจริงๆ!!
เป็นลูกสาวของเขาจริงๆ!!
ครั้งนี้ต้องไม่ผิดแน่นอน เมื่อกี้เขาได้ยืนยันจากเด็กน้อยด้วยตัวเองแล้ว
เด็กน้อยพูดขึ้นเองว่า เขาคือพ่อของเธอ!!
ถูก เป็นลูกสาวของเขาพูดออกจากปากเอง
ดังนั้นไม่ผิดแน่นอน แนะไม่มีทางผิด
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเย่ซือเฉินนึกถึงปัญหาหนึ่ง แค่เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบจริงๆ คำพูดก็ใช่ว่าถูกเป็นความจริงเสมอไป!!
คุณชายสามเย่ที่เฉลียวฉลาดมาโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาไม่ล้มขณะนี้กลับละเลยความเป็นไปไม่ได้อื่นๆ ไป ในใจของเขายืนหยัดในผลที่เขาอยากได้
เขาแน่ใจแล้วว่านี่ก็คือลูกสาวของเขา!!
วินาทีนี้ คุณชายสามเย่ถึงขั้นกลัวที่จะทำการยืนยันอีกขั้น ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะหนี แต่ว่าเพราะวินาทีนี้เขารู้สึกมีความสุขมากๆ เขาไม่อยากจะให้ความสุขแบบนี้ถูกทำลายอีก
ถึงแม้ว่าจะถูกทำลาย ก็ให้เขามีความสุขสักพักเถอะ!!
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า สำหรับเรื่องนี้แล้วความร้องขอของเย่ซือเฉินมีความเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะว่าคาดหวังมากเกินไป ดิ้นรนมากเกินไป ดังนั้นจึงยืนหยัดกฎเกณฑ์ที่จะถอยออกมาก่อน
มือที่คุณชายสามเย่จับถังจื่อซีเขาจับด้วยแรงที่มากขึ้น ราวกับว่ากลัวว่าองค์หญิงน้อยถังจื่อซีจะหายไปกะทันหัน
จนถึงตอนนี้แล้วองค์หญิงน้อยถังจื่อซีเห็นว่าคุณพ่อก็ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ แอบถอนหายใจในใจ “คุณพ่อ คุณพ่ออย่าจับแน่นขนาดนี้ หนูไม่หายไปไหนหรอกค่ะ”
คุณไม่ไม่เพียงแต่โง่ อีกอย่างยังรู้สึกซื่ออีกด้วย เฮ้อ ตอนนี้อารมณ์ของเธอสับสนมาก
แต่ว่าเธอไม่สามารถเสียใจได้ และไม่เสียใจแน่นอน คุณพ่อที่โง่คนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ ดังนั้นเธอทำได้แต่อยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อแล้ว
ได้ยินถังจื่อซีเรียกคุณพ่ออีกครั้ง ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็มีความรู้สึกที่จริงแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ความคาดหวังของเขา แต่เป็นเรื่องจริง
เขามีลูกสาวแล้ว อีกอย่างลูกสาวของเขายังยืนอยู่ข้างหน้าแล้วเรียกเขาว่าพ่อ
คุณชายสามเย่ค่อยๆ ปล่อยแรงออก แต่ว่าไม่ได้ปล่อยมือเธอออกทั้งหมด เขาไม่กล้าปล่อย และไม่อยากปล่อย
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า คุณชายสามเย่ในตอนนี้ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ทั้งหมด เขาถึงขั้นไม่ไปคิดถึงเรื่องอื่นๆ
อย่างเช่นเวินลั่วฉิงที่ยืนอยู่ในที่ไม่ไกล เขาไม่คิดเลยที่จะพาถังจื่อซีไปยืนยันตัวหน่อย แน่นอนว่า เขาละเลยเรื่องหนึ่งไป ในเมื่อลูกสาวของเขาและเวินลั่วฉิงโตขนาดนี้แล้ว ทำไมเวินลั่วฉิงถึงไม่บอกเขาเลย?
ก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงไม่บอกเขายังสามารถให้อภัยได้ แต่ว่าตอนนี้เธอหวั่นไหวกับเขาแล้วแท้ๆ ทั้งสองต่างก็รักกันแล้วแท้ๆ ทั้งสองเตรียมตัวจะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทำไมเวินลั่วฉิงถึงไม่บอกเขาเลย?
คุณชายสามเย่ในขณะนี้สมองเหมือนกลายเป็นเส้นเลือดหนึ่ง เรื่องอื่นเขาต่างก็คิดไม่ถึง!!
คนอื่นบอกว่าในช่วงเวลาที่มีความรักสมองมักจะเป็นศูนย์ สมองในตอนนี้ของคุณชายสามเย่น่าจะติดลบสองร้อยห้าสิบ
“ลูกน้อย ใครส่งเธอมา?” คุณชายสามเย่ที่สมองติดลบสองร้อยห้ามสิบแล้วคิดถึงคำถามที่ค่อนข้างจะปกติ ถังจื่อซีพึ่งอายุห้ามขวบ น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งมาหาเขาที่นี่คนเดียวหรอกมั้ง?
งั้นใครมากับเธอล่ะ?
คือเวินลั่วฉิงหรอ?
แต่ว่าเวินลั่วฉิงอยู่ข้างหน้าตลอดเวลา ถังจื่อซีพึ่งปรากฏตัวข้างกายเธอหลังจากต่อมา?
ดังนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าถังจื่อซีและเวินลั่วฉิงไม่ได้มาพร้อมกัน
“คือ….” ถังจื่อซีในขณะนี้ดีใจมาก ได้ยินคำพูดของคุณชายสามเย่แล้ว ก็รีบอยากจะตอบ แต่ว่าเธอนึกถึงสิ่งที่พี่ชายบอกเอาไว้ จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “หนูให้คนขับรถมาส่งค่ะ”
“คนขับรถส่งหนูมาหรอ?” แววตาของคุณชายสามเย่เปล่งประกาย “มีแต่คนขับรถ? ไม่มีคนอื่น?”
“คุณพ่อ หนูจะบอกให้นะคะ หนูแอบมาค่ะ คุณแม่ไม่รู้” เจ้าเด็กถังจื่อซีไม่อยากพูดโกหก ดังนั้น เธอจึงหลบคำถามของคุณชายสามเย่ แล้วเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
องค์หญิงน้อยถังจื่อซีนั้นฉลาด เธอรู้ว่าพูดแบบไหนที่สามารถเปลี่ยนความสนใจของคุณพ่อได้ ไม่ว่ายังไงแล้วคุณพ่อก็ดูโง่ๆ การตอบสนองไม่ได้ไหวพริบดีขนาดนั้น
“แม่ของหนูไม่รู้?” เป็นอย่างที่คิดไว้เลยองค์หญิงน้อยถังจื่อซีได้เปลี่ยนความสนใจของคุณชายสามเย่ได้ง่ายๆ คุณชายสามเย่ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขานึกถึงเพียงแค่ปัญหาเดียว เวินลั่วฉิงไม่รู่ว่าลูกมา?
ถังจื่อซีบอกว่าเธอแอบมา? แอบมา? ทำไมถึงต้องแอบมา?
เย่ซือเฉินค่อยๆ ตามหาสมองของตัวเองกลับมา แล้วมองเวินลั่วฉิงจากทางไม่ไกลมากนัก
แต่ว่า ปัญหาตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว เวินลั่วฉิงกำลังเดินตรงไปทางตึกใหญ่ของบริษัทเวินซื่อกรุ๊ป
แววตาคู่หนึ่งของถังจื่อซีมองดูเย่ซือเฉิน พูดด้วยสำเนียงเหมือนทดสอบว่า “คุณพ่อ คุณพ่ออย่าพึ่งบอกคุณได้ไหมคะ”
เพราะว่าพี่ชายแอบพาเธอออกมา คุณแม่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ อีกอย่างพี่ชายก็บอกแล้วว่า เรื่องนี้อย่าพึ่งให้คุณแม่รู้
พี่ชายยังพูดอีกว่า เรื่องนี้คุณแม่ปกปิดมานานขนาดนี้ คุณพ่อรู้แล้ว ไม่แน่อาจจะไปคิดบัญชีกับคุณแม่ก็ได้ ดังนั้น เธอจำเป็นต้องแยกความสนใจของคุณพ่อก่อน
อีกอย่างตอนที่เอลงจากรถ พี่ชายก็ย้ำเตือนเธอแล้วว่า ห้ามนำเรื่องของพี่ชายบอกกับคุณพ่อ
ดังนั้น มีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถพูดได้
“ทำไมล่ะ?” คุณชายสามเย่อึ้งไปเลย ถามออกมาทันที ในที่สุดเขาก็ยอมรับกับลูกสาวแล้ว ยังไม่สามารถให้เวินลั่วฉิงรู้อีก?