ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 879 เธอทำให้ผู้คนต้องตะลึงงันด้วยความช็อก (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 879 เธอทำให้ผู้คนต้องตะลึงงันด้วยความช็อก (3)
คุณตำรวจอู๋กับตำรวจทุกนายที่อยู่ในห้องทำงาน ล้วนมีอารมณ์ที่ซับซ้อนด้วยกันทั้งสิ้น
ถึงแม้เวินลั่วฉิงดูวิดีโอแค่ครั้งเดียวก็สามารถแคปภาพเวินจื้อหลงเสพยาไอซ์ได้อย่างแม่นยำ มันน่าตกตะลึงจริงๆ
ทว่าสำหรับเรื่องดูหนึ่งรอบแล้วสามารถวิเคราะห์ปริมาณที่เวินจื้อหลงเสพว่ามีกี่กรัมได้?
มันเกินจริงไปหน่อยแล้ว?
มันจะเป็นได้ยังไง?
ดังนั้นพวกเขารู้สึกว่าคำพูดของเวินลั่วฉิงเมื่อสักครู่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมาโม้เฉยๆ
หากดูได้แม่นยำจริงๆ มันยังเป็นดวงตาอีกหรือ?คงต้องเป็นเครื่องสแกนแล้วล่ะ?
พวกเขาตั้งใจดูภาพที่เวินลั่วฉิงแคปมาได้ ซึ่งดูยังไงก็ดูปริมาณการเสพของเวินจื้อหลงไม่ออกเลย
แน่นอน พวกเขาเชื่อถือผลตรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจับวัดปริมาณ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลตรวจ รอผลมาทำให้เวินลั่วฉิงหน้าหงาย
ผู้หญิงอายุแค่ยี่สิบกว่าปี ขนยังออกไม่หมดเลย แต่วิ่งมาโม้ในสถานีตรวจของพวกเขาซะงั้น?
สาวคนนี้อายุน้อยเกินไป!!บ้ามากเลย!!
คนหนุ่มสาวบ้าเกินควรจะทำให้เสียเปรียบได้!!
บัดนี้คนในห้องทำงานกว่าครึ่งมั่นใจว่าเวินลั่วฉิงต้องหน้าหงายเป็นแน่
ผู้จัดการหลิวไม่ได้คิดมากเหมือนตำรวจคนอื่นๆ ตอนนี้เขาใช้แววตาเลื่อมใสมองเวินลั่วฉิง
ท่านประธานเก่งทั้งบู๊และบุ๋น ที่บุ๋นคือสามารถบริหารบริษัท ส่วนเรื่องบู๊คือสามารถไขคดีได้ แน่นอนเวลานี้ผู้จัดการหลิวลืมไปว่าเลขาหลิวต่างหากที่เป็นคนบริหารบริษัทที่เขาทำงานอยู่
ผู้จัดการหลิวรู้สึกว่าประธานของเขาไต่สวนคดีเก่งกว่าตำรวจมืออาชีพเสียอีก
ตำรวจสืบมาหลายวันก็ไม่พบเบาะแสใดๆ แต่ประธานของเขามองแค่แวบเดียวก็สามารถบ่งบอกจุดสำคัญของคดีได้แล้ว
ขอถามหน่อยว่ายังมีใครเก่งกว่าประธานอีก?
เวลานี้อารมณ์ของคุณตำรวจอู๋สับสนซับซ้อน เขาทำคดีมาหลายปี ถือว่ามีประสบการณ์โชกโชน เขาทำคดีนี้มาหลายวันแต่ก็ไม่พบพิรุธเลย แต่เธอทำได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
หากศูนย์สถานีตำรวจแจ้งผลตรวจตรงกับเธอ งั้นคดีนี้จำเป็นต้องสืบสวนใหม่แล้ว
ผู้หญิงตัวเล็กๆเก่งกาจเพียงนี้?ดูคนจากภายนอกไม่ได้จริงๆ!!
ประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง ทางศูนย์ใหญ่ก็ส่งผลตรวจมาให้ โดยเขียนอย่างละเอียดว่า ภายในสิบแปดภาพนี้ เวินจื้อหลงเสพยาเสพติดในปริมาณ 14 กรัม ถึง 17 กรัม
14 กรัม ถึง 17 กรัม?นี่คือผลที่นักตรวจปริมาณให้มา
ส่วนเวินลั่วฉิงเมื่อกี้บอกว่าปริมาณอยู่ที่ 15 กรัม ถึง 16กรัม
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มันบ่งบอกถึงอะไร?
มันบ่งบอกว่าผลที่นักเชี่ยวชาญตรวจสอบออกมา ยังแม่นยำสู้เวินลั่วฉิงดูวิดีโอหนึ่งรอบเลย
มองผลตรวจที่ส่งมา เมื่อกี้ยังสงสัยในคำพูดของเวินลั่วฉิง รอดูเวินลั่วฉิงหน้าหงาย ชั่วขณะนี้คนพวกนี้รู้สึกตัวเองถูกตบหน้าอย่างจัง
โชคดีที่พวกเขาแค่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกมา ไม่งั้นคงขายหน้าแย่
“ประธานเวินครับ ผลตรวจที่ศูนย์สถานีตำรวจส่งมาสอดคล้องกับคุณครับ”เวลานี้น้ำเสียงคุณตำรวจอู๋สั่นเทาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดจากความตื่นเต้นในตอนนี้หรือเปล่า
“หัวหน้าครับ ผลสรุปของประธานเวินแม่นยำกว่าสถานีตำรวจอีกครับ”ตำรวจน้อยเป็นคนจริงจัง อดแก้ไขคำพูดของเจ้านายไม่ได้
“อืม รู้แล้ว”คุณตำรวจอู๋จ้องเขม็งตำรวจรายนี้ คิดว่าเขาไม่รู้เหรอ?จำเป็นต้องเตือนไหม?
เมื่อกี้ทางศูนย์สถานีตำรวจวิดีโอคอลมา มือของเขาสั่นจนเผลอกดรับสาย ดังนั้นฝ่ายโน้นก็ได้ยินบทสนทนานี้ด้วย
“อู๋ เกิดอะไรขึ้น ใครสรุปได้แม่นยำกว่าผลตรวจของผม?”กดรับสายวิดีโอคอลแล้ว คนทางโน้นได้ยินจริงๆด้วย
เสียงท้ายของคนนั้นสูงขึ้นเล็กน้อย รู้สึกไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด หรือน่าจะเป็นไม่เห็นด้วย
“จากญาติผู้ตายครับ”คุณตำรวจอู๋รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และไม่อยากอธิบายมาก เพราะเขาเห็นกับตาตัวเอง เขาต้องเชื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าเขาเล่าให้คนอื่นฟัง คนอื่นคงไม่เชื่อแน่ๆ
“โอ๊ย ญาติผู้ตายของพวกคุณเก่งจังเลยนะ”คนอีกฝั่งหนึ่งของวิดีโอหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย
“หมายความว่ายังไง?ดูถูกเหรอ?ถ้าไม่ใช่ประธานของพวกเรา ตอนนี้พวกคุณก็ยังไม่พบเบาะแสสำคัญเลยนะ”ผู้จัดการหลิวที่ชอบปกป้องคนอื่นไม่เกรงใจแล้ว หมายความว่ายังไงกัน?ประธานของเขาช่วยพวกเขาหาเบาะแสแท้ๆ พวกเขายังกล้าหัวเราะเยาะประธานอีก?
เกินไปจริงๆ!!
“หัวหน้าครับ พวกเราควรยอมรับความจริง ประธานเวินเก่งมากจริงๆครับ เป็นเพราะประธานเวินช่วยจริงๆครับ”ตำรวจที่จริงจังรายนี้เป็นคนซื่อสัตย์ ซึ่งไม่รู้จักประจบประแจงเจ้านายเสียเลย ยังคงยืนหยัดพูดความจริง
“อู๋?เกิดอะไรขึ้น?”เสียงบุคคลในวิดีโอคอลดังขึ้นกว่าเดิม มีความสงสัยอย่างฉายชัด หรือมีความดูหมิ่นมากกว่าหลายส่วน
“เหล่าหลี่ คดีนี้ญาติช่วยได้เยอะมากจริงๆ”ถึงแม้คุณตำรวจอู๋จะทำตัวไม่มีหลักการ แต่ก็ไม่อาจลืมตาพูดคำปดได้
“นับวันพวกคุณทำงานยิ่งไม่มีกฎระเบียบกันแล้ว ให้ญาติมาร่วมสืบสวนได้อย่างไร?”เหล่าหลี่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสายวิดีโอคอลรู้สึกโกรธเล็กน้อย เริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาแล้ว
“ญาติคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นครับ……”คุณตำรวจอู๋ยังคิดอธิบาย
“ไม่เหมือนกัน?มีอะไรไม่เหมือน?ผมว่าเป็นคนพูดจาสามหาวมากกว่า?”เหล่าหลี่ที่อยู่ในสายพูดจาไม่น่าฟังกว่าเดิม
“เหล่าหลี่ ทำอะไรอยู่?ทำไมฟังเหมือนทะเลาะกับคนอื่นอยู่ล่ะ?”บังเอิญที่เวลานี้ มีอีกเสียงหนึ่งส่งมาตามสายวิดีโอคอล
“ก็ญาติผู้ตายที่ม่ประสีประสาแต่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องสิครับ คนสมัยนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลย พวกเขาคิดว่าขอแค่เป็นคนก็ไขคดีได้อย่างนั้นหรือ?ตลกชะมัด”เหล่าหลี่ไม่คำนึกเลยว่ากำลังอยู่ในสายวิดีโอคอล พูดจาอย่างไม่เกรงใจ ไม่กลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน
บัดนี้ สีหน้าผู้คนในห้องทำงานย่ำแย่มาก เหล่าหลี่ช่างไม่รู้อะไรเลย แต่ดันพูดเหลวไหล มันเกินไปจริงๆ
สีหน้าเวินลั่วฉิงเรียบเฉย ไม่ได้ผิดแปลกอะไร
“ใครชอบยุ่งเรื่องคนอื่น?”มีเสียงจากบุคคลอื่นดังขึ้นอีกครั้ง
ได้ยินเสียงนี้ เวินลั่วฉิงพลางยกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย เสียงของผู้กำกับฉิงถิงนี่
“หัวหน้าสำนักงานฉิง เป็นคุณเองหรือครับ?คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เหล่าหลี่เห็นหัวหน้าสำนักงานฉิงน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยน
“ผมผ่านมาเห็นคุณทะเลาะกับคนอื่น เลยแวะมาดู”หัวหน้าสำนักงานฉิงเป็นคนช่างสงสัย ดังนั้นจึงเอนกายเข้าไป:“ให้ผมดูหน่อยว่าใครชอบยุ่งเรื่องคนอื่น?”
ตอนแรกเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้แยแส เพียงแต่ตอนนี้ฉิงถิงปรากฏตัวในวิดีโอคอล เธอจึงเข้าไปใกล้ให้หน้าตัวเองปรากฏบ้าง:“ฉันเอง”