ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 888 ปีกกล้าขาแข็ง
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 888 ปีกกล้าขาแข็ง
ถึงแม้ตอนนี้อะเหลียงจะมีคนที่น่าสงสัยอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่ยังไงก็เป็นแค่การสงสัย ยังไม่ได้ยืนยัน
ในเมื่ออะเหลียงสงสัย ก็ต้องไปทำการตรวจสอบแน่นอน
ไป๋หยิงรู้ดี ว่าเธอไม่มีความสามารถที่จะไปขัดขวางอะเหลียง เจิ้งฉงเองก็ไม่มีความสามารถนั้น
แน่นอนว่าไป๋หยิงก็ไม่โง่ที่จะไปขัดขวางอะเหลียงตรง ๆ แต่เธอคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมได้วิธีหนึ่ง
ขอแค่เธอตามหา “ลูกสาว” ของหัวหน้าได้ก่อนที่อะเหลียงจะตรวจสอบยืนยันผลได้สำเร็จ ก็ถือว่าเป็นการขัดขวางยับยั้งอะเหลียงได้โดยที่แม้แต่ผีสางเทวดาก็ยังไม่รู้
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจะตามหา “ลูกสาว” ของหัวหน้าได้ยังไง
ยี่สิบกว่าปีมานี้ หัวหน้าไม่มีผู้หญิงอยู่ข้างกายเลยสักคน หัวหน้าคอยตามหาคุณนายมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ ฉะนั้นลูกสาวคนนี้หัวหน้าก็คงไม่เคยเจอมาก่อนแน่นอน
หัวหน้าไม่เคยเจอกับลูกสาวของตัวเองมาก่อน ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาวิธีเดียวที่จะยืนยันได้ก็คือการตรวจดีเอ็นเอ
นี่เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด
เมื่อวานหลังจากได้ฟังที่เจิ้งฉงพูด ไป๋หยิงก็นึกถึงคนคนหนึ่ง คนที่ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอได้รู้ข่าวเรื่องหัวหน้าตามหาคุณนาย หลังจากที่เธอได้เห็นภาพเหมือนของคุณนายเธอก็เพ่งเล็งไว้คนหนึ่ง
เพราะบุคลิกลักษณะของผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับผู้หญิงที่อยู่ในภาพเหมือนของหัวหน้ามาก เหมือนมากเลยล่ะ
ดูไปแล้ว เหมือนกับคนคนเดียวกันไม่มีผิด
เพียงแต่ ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยเกินไป อายุไม่ตรงกับความเป็นจริง เธอจึงไม่กล้าผลีผลามส่งคนนั้นไปให้หัวหน้า
แต่ตอนนี้หัวหน้าต้องการตามหาลูกสาว จึงค่อนข้างเหมาะสมมาก
เธอจำได้ว่าเด็กสาวคนนั้นเพิ่งอายุยี่สิบห้าปี เพราะเด็กสาวคนนั้นอายุเท่ากันกับเธอ เธอจึงจำได้อย่างแม่นยำ
ได้ยินมาว่าเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนหัวหน้าก็เริ่มตามหาคุณนายแล้ว นั่นหมายความว่าหัวหน้าแยกจากภรรยาเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน ถ้าหากมีลูกด้วยกันจริง ๆ นับอายุดูแล้วก็น่าจะยี่สิบห้าปีพอดี
ที่จริงไป๋หยิงถึงขั้นคิดจะสวมรอยเป็นลูกสาวของหัวหน้าซะเอง แต่ความคิดนี้ก็ถูกเธอตัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เธอรู้ว่าหัวหน้าไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น ถึงแม้เรื่องที่เธออยู่กับเจิ้งฉงจะไม่ค่อยมีใครรู้ แต่ก็ยังมีคนรู้จักเธออยู่บ้าง อีกอย่างเธอยังมีพ่อ มีพี่ชาย เรื่องพวกนี้คนทั่วไปก็สืบดูได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางกลายเป็น “ลูกสาว” ของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไปได้
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ใบหน้าของไป๋หยิงก็ดูบูดเบี้ยวอีกครั้ง ทำไมเรื่องดี ๆ ทุกอย่างถึงเกิดขึ้นกับเวินลั่วฉิง ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้ครอบครองเย่ซือเฉิน ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้ครอบครองทุกอย่างของตระกูลถัง ส่วนเธอกลับไม่ได้อะไรเลย?
เธอไม่ยอม ไม่ยอม!!
คงเป็นเพราะไป๋หยิงโกรธจัด เลยหายใจแรง เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยตอนสูดลมหายใจก็ทำให้กระทบถึงบาดแผลบนร่างกายเธอ เธอเจ็บปวดจนถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ความเจ็บปวดบนร่างกายเธอทำให้เธอต้องสงบนิ่งขึ้น ถึงแม้เธอไม่มีทางกลายเป็น “ลูกสาว” ของหัวหน้าได้ แต่เธอก็สามารถบงการ “ลูกสาว”ของหัวหน้าได้
เธอสามารถทำให้ “ลูกสาว” ของหัวหน้าเชื่อฟังเธอได้
ขอแค่เธอตามหาผู้หญิงคนนั้นพบ แล้วทำให้ผู้หญิงคนนั้นกลายเป็น “ลูกสาว” ของหัวหน้า ทำให้ผู้หญิงคนนั้นร่ำรวยล้นฟ้า ผู้หญิงคนนั้นต้องรู้สึกขอบคุณเธอแน่นอน
แค่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่เธอทำยังไม่พอ เธอยังต้องรู้จุดอ่อนของผู้หญิงคนนั้นด้วย ถึงเวลานั้นเธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่เชื่อฟังเธอ
ถ้าต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นกลายเป็น “ลูกสาว” ของหัวหน้า ก่อนอื่นต้องผ่านการตรวจดีเอ็นเอกับหัวหน้าก่อน
ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือหาวิธีแก้ไขผลตรวจดีเอ็นเอ
หากต้องการแก้ไขผลตรวจดีเอ็นเอ ลำพังความสามารถของเธอคงไม่มีทางทำได้สำเร็จแน่ เจิ้งฉงเองก็ไม่มีทางทำได้เหมือนกัน
เจิ้งฉงช่วยไม่ได้ แต่หัวหน้าน้อยช่วยได้ ฉะนั้นเรื่องนี้จำเป็นต้องให้หัวหน้าน้อยช่วยเหลือ เธอคิดว่าหัวหน้าน้อยก็คงไม่อยากให้หัวหน้าตามหาลูกสาวเพื่อมาแย่งทุกอย่างที่เป็นขององค์กรโกสต์ซิตี้ไปจากเขาหรอก
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไป๋หยิงก็แสยะยิ้มออกมา ขอแค่ครั้งนี้เธอทำสำเร็จ ไม่นานเธอก็คงจะได้แก้แค้นแล้ว ไม่นานเธอก็จะได้เห็นสภาพทุกข์ทรมานที่เหมือนตายทั้งเป็นของเวินลั่วฉิง
ไป๋หยิงฝืนทนความเจ็บปวดค่อย ๆ ลุกขึ้นมา จากนั้นค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องอย่างยากลำบาก
หลังออกไปจากห้องแล้ว เธอก็ไปที่ห้องหนังสือของเจิ้งฉง เพราะเธอรู้ว่าเวลานี้เจิ้งฉงต้องอยู่ที่ห้องหนังสือแน่นอน ตอนนี้เธอต้องไปเจรจากับเจิ้งฉง เพราะเธอรู้ว่าจะมัวชักช้าเสียเวลาอยู่ไม่ได้ เธอจำเป็นต้องรีบจัดการก่อนที่อะเหลียงจะทำสำเร็จ
“เธอตื่นแล้วเหรอ” เจิ้งฉงเห็นเธอก็รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะลุกขึ้นได้เร็วขนาดนี้ เห็นท่าทางที่เคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบากของเธอ เจิ้งฉงก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะทะนุถนอมเธอเลยสักนิด กลับหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าเจิ้งฉงก็ไม่ได้พูดจาอ่อนโยนแสดงความห่วงใยเลยแม้แต่น้อย
เจิ้งฉงเห็นเธอฝืนความเจ็บปวดเดินมาตรงหน้าเขาด้วยความยากลำบาก เขาเห็นเธอเหงื่อออกเต็มหน้าผากเพราะความเจ็บปวด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งดูสะใจมากขึ้นไปอีก แต่ว่า เธอรีบร้อนมาหาขนาดนี้ หรือว่าเธอจะคิดแผนดี ๆ ออกแล้ว?
“เธอรีบร้อนมาหาฉันขนาดนี้ คิดแผนดี ๆ ออกแล้วเหรอ?” เมื่อพูดเรื่องงาน รอยยิ้มบนหน้าของเจิ้งฉงก็หายไป
ไป๋หยิงจะไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจิ้งฉงได้ยังไงกัน ความเกลียดแค้นในใจของเธอถึงขีดสุดแล้ว แต่ก็ต้องทนเอาไว้
“ใช่ ฉันมีแผนแล้ว” ไป๋หยิงยืนตัวตรง แล้วแอบถอนหายใจออกมา อดกลั้นความเคียดแค้นเอาไว้ แล้วกดเสียงพูดให้ต่ำลง
“อ้อ? แผนอะไร?” เจิ้งฉงตาเป็นประกาย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที : “เธอรีบพูดมาสิ ตกลงแผนอะไร? ฉันจะดูสิว่าใช้ได้ไหม?”
“แผนการนี้อาศัยแค่ฉันกับนายคงจะไมได้ จำเป็นต้องให้อีกคนมาช่วย” ไป๋หยิงมีแผนในใจอยู่แล้ว ฉะนั้นตอนนี้เธอจึงดูมั่นใจมาก
“ใคร?” แววตาของเจิ้งฉงดูเคร่งขรึมขึ้น น้ำเสียงฟังดูดุขึ้นเล็กน้อย เจิ้งฉงเป็นคนหยิ่งทะนงมาก สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นดูถูกเขา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้เขาคงจับไป๋หยิงโยนออกไปแล้ว
“หัวหน้าน้อย เรื่องนี้มีเพียงเขาที่สามารถช่วยพวกเราได้ ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา ใครก็ทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ” ไป๋หยิงเข้าใจความคิดของเจิ้งฉงดี จึงอธิบายให้เขาฟังสักหน่อย
สีหน้าของเจิ้งฉงดีขึ้นมาพอสมควรจริง ๆ ถ้าหากคนคนนั้นคือหัวหน้าน้อยเขาก็จำเป็นต้องยอมรับ
ยังไงตอนนี้หัวหน้าก็ไม่สนใจเรื่องอะไรแล้ว เรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้ล้วนเป็นหัวหน้าน้อยที่มีอำนาจจัดการ
“ตกลง เธอบอกแผนของเธอให้ฉันฟัง แล้วฉันจะไปบอกหัวหน้าน้อย”
“ไม่ ฉันจะไปกับนายด้วย เรื่องนี้ฉันต้องบอกกับหัวหน้าน้อยด้วยตัวเอง” ในใจของไป๋หยิงมีแผนอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนที่จะพบกับหัวหน้าน้อย เธอไม่มีทางบอกแผนการทั้งหมดให้เจิ้งฉงรู้
เธอต้องเก็บไพ่ใบสุดท้ายเอาไว้ในมือของตัวเอง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เธอถึงสามารถได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ การพึ่งพาคนอื่นยังไงก็ไม่สู้พึ่งพาตัวเอง
“เหอะ” เจิ้งฉงมองเธอ แล้วแสยะยิ้มออกมา : “ทำไมเหรอ? ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือไง? อยากบินเดี่ยวสินะ? ไป๋หยิง ช่วงนี้ฉันดีกับเธอมากเกินไปแล้วใช่ไหม?”