ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 889 ไปหาถึงที่
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 889 ไปหาถึงที่
“ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พูด ฉันก็พอจะเดาแผนการของเธอออก เวลาอย่างนี้ก็คงต้องหาผู้หญิงสักคนมาสวมรอยเป็นลูกสาวของหัวหน้า ขอแค่หัวหน้าน้อยช่วยเหลือ มีหลักฐานการตรวจดีเอ็นเอก็พอ ดังนั้นแผนการอย่างนี้ใครก็คิดได้ทั้งนั้นแหละ มีหรือไม่มีเธอก็ไม่ต่างกัน ฉะนั้นฉันจะบอกเธอไว้นะ อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญเกินไป” เดิมทีเจิ้งฉงเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว ตอนนี้ไป๋หยิงอยากจะไปพบหัวหน้าน้อยขึ้นมา เลยทำให้เขาโกรธ
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เชื่องนักหรอก แต่เมื่อก่อนก็ยังถือว่าเธออยู่ในโอวาท ตอนนี้เธอกลับคิดจะข้ามหน้าข้ามตาเขาไปพบกับหัวหน้าน้อย?
“ใช่ นายพูดถูก แผนการแบบนี้ใครก็เดาได้ การตรวจดีเอ็นเอเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ก็มีจุดที่สำคัญกว่านั้นอยู่เล็กน้อย คือต้องทำให้หัวหน้ายอมรับด้วยใจของเขาด้วย” ไป๋หยิงรู้ว่าเจิ้งฉงโกรธแล้ว แต่เธอไม่ได้กังวลเลย เพราะเธอมีแผนเตรียมรับมือไว้พร้อมแล้ว เรื่องนี้มีเพียงเท่านั้นที่จะทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“หมายความว่าไง?” เจิ้งฉงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วหรี่ตามองเธอ : “การยอมรับจากหัวหน้า?”
เจิ้งฉงรู้ว่าไป๋หยิงฉลาดมาก แผนการทุกครั้งของเธอสำเร็จลุล่วงด้วยดี และที่สำคัญรายละเอียดทุกอย่างจัดการได้เป็นอย่างดี บางครั้งจะทำสำเร็จหรือไม่นั้นสิ่งสำคัญก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียกเล็กน้อยพวกนั้นเหมือนกัน
รายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้คนมากมายมักจะคิดไม่ถึง แต่ไป๋หยิงกลับคิดได้เสมอ และนี่คือเหตุผลที่เจิ้งฉงซักถามเธอ
เจิ้งฉงรู้อยู่แล้วว่าการยอมรับของหัวหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงขนาดที่อาจจะสำคัญกว่าผลตรวจดีเอ็นเอเลยก็ว่าได้
“ใช่ การยอมรับของหัวหน้า” ไป๋หยิงมองเขา ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ดูมั่นใจออกมา : “ถ้าหากในใจของหัวหน้าเองไม่ยอมรับ ต่อให้มีผลตรวจดีเอ็นเอ ถึงตอนนั้นก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้”
“อยากได้การยอมรับจากหัวหน้าไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น” ถึงแม้เจิ้งฉงไม่เคยเจอกับหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มาก่อน แต่เขาก็รู้ดีว่าหัวหน้าเป็นคนที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะหลอกลวงเขาได้ง่าย ๆ
“ฉันสามารถรับประกันได้เลยว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถได้การยอมรับจากหัวหน้า” ไป๋หยิงมีไพ่ตายอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลเลยสักนิด
“เธอมีไพ่ตายอะไรในมือ?” เจิ้งฉงสามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้ ต้องไม่โง่แน่นอน เขาฟังแล้วก็เข้าใจความหมายของไป๋หยิงได้ดี
ผู้หญิงคนนี้ต้องมีไพ่ตายอยู่ในมือแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางมั่นใจขนาดนี้หรอก
เจิ้งฉงเม้มปากเล็กน้อย แล้วมองไปที่เธอ เขาเงียบไปทันที ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ที่จริงนายไม่ต้องระแวงฉันเลยสักนิด เรื่องนี้พวกเราต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน จะสำเร็จก็สำเร็จด้วยกัน จะตกม้าตายก็ตายไปด้วยกัน ไม่เพียงแค่นายกับฉัน ขอแค่หัวหน้าน้อยยอมร่วมมือ ต่อจากนี้ก็ถือว่าเขาลงเรือลำเดียวกับพวกเราแล้ว” ไป๋หยิงรู้ว่าเจิ้งฉงไม่เชื่อใจเธอ ดังนั้น ตอนนี้เธอจำเป็นต้องพูดหว่านล้อมเจิ้งฉง
ถึงแม้เธอจะมีแผนของตัวเองอยู่แล้ว แต่ตอนนี้จะให้เจิ้งฉงรู้ไม่ได้เด็ดขาด และจะให้หัวหน้าน้อยรู้ไม่ได้เหมือนกัน
“ทางที่ดีเธออย่าคิดตุกติกแล้วกัน ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ปล่อยเธอไว้เด็ดขาด” เจิ้งฉงมองเธอด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม : “เธออยู่กับฉันมานานขนาดนี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันจะจัดการยังไง”
“ฉันจะคิดตุกติกอะไรได้ล่ะ นายเป็นผู้ชายของฉันนะ เป็นที่พึ่งของฉัน ฉันยังต้องพึ่งพานายให้ช่วยแก้แค้น” ไป๋หยิงรู้ว่าเธอพูดหว่านล้อมเจิ้งฉงได้สำเร็จแล้ว แผนการของเธอสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว
ได้ฟังที่เธอพูด ดวงตาของเจิ้งฉงก็เป็นประกายเล็กน้อย : “ก็ดี ฉันจะพาเธอไปพบหัวหน้าน้อย”
เจิ้งฉงรู้สึกว่าก่อนหน้าเขาขี้ระแวงมากเกินไป ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะฉลาด แต่ยังไงก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้ต้องคอยพึ่งพาเขาทั้งนั้น ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็ทำอะไรได้หรอก
ขอแค่เธอยังคิดจะให้เขาช่วยแก้แค้น เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะหักหลังเขาแล้ว
ถ้าหากถึงตอนนั้นเธอตุกติกขึ้นมาจริง ๆ เขาจะกำจัดเธอทิ้งทันที แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยอ่อนโยนเห็นใจผู้หญิงเลยสักครั้ง
“เธอไปเตรียมตัว แล้วตามฉันไปพบหัวหน้าน้อย” ที่จริงเขาตั้งใจจะไปพบหัวหน้าน้อยอยู่แล้ว เขารู้ว่าวันนี้หัวหน้าน้อยเพิ่งมาถึงประเทศ Z พอดี
“อืม” ดวงตาของไป๋หยิงเป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วรีบพยักหน้าอย่างเร็ว เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับหัวหน้าน้อยเร็วขนาดนี้
ขอแค่ได้พบกับหัวหน้าน้อย เธอก็เข้าใกล้ความสำเร็จเข้าไปทุกที
เธอคิดว่าตัวเองฉลาดมาก คิดว่าตัวเองระมัดระวังทุกย่างก้าวแล้วจะไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่กลับลืมไปว่าการที่คลุกคลีอยู่กับหมาจิ้งจอกก็คือเรื่องที่อันตรายมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ระวังให้ดีก็อาจจะถูกหมาจิ้งจอกจับฉีกกินเป็นอาหารได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเธออยู่กับหมาจิ้งจอกเป็นฝูง
เมื่อคืนผู้ดูแลจ้งโทรศัพท์ไปหาไม่ติด ส่งข้อความไปก็ไม่ได้ผล แต่เรื่องเล็กแค่นี้ทำอะไรผู้ดูแลที่มากความสามารถขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้หรอก ผู้ดูแลจ้งวางแผนแล้วก็มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ
ครั้งที่สอง ผู้ดูแลจ้งตื่นแต่เช้าแล้วไปเฝ้าอยู่ที่นอกบ้านตระกูลถัง โทรศัพท์กับส่งข้อความไม่ได้ผล เขาก็ต้องมาดักเจอด้วยตัวเอง
เมื่อพบหน้าแล้ว ก็จะอธิบายทุกอย่างได้กระจ่างแจ้งเองแหละ
ผู้ดูแลจ้งตื่นค่อนข้างเช้ามาก ไม่ถึงหกโมงเช้าก็มาดักรออยู่แล้ว เขาคิดว่าขอแค่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังออกจากบ้าน เขาก็สามารถพบกับเธอได้ทันที
ตอนที่เขามาถึง คนของตระกูลถังยังไม่ตื่นนอนกัน บริเวณลานบ้านเงียบสงัดมาก ดังนั้นผู้ดูแลจ้งจึงยิ่งเบาใจมากขึ้น
ผู้ดูแลจ้งรออยู่ด้านนอกบ้าน แน่นอนว่าด้วยความสามารถของผู้ดูแลจ้ง ถ้าหากเขาไม่อยากให้คนเห็นเขา แม้แต่คนของตระกูลถังก็ยากที่จะเห็นเขาได้
ในเมื่อต้องแอบซ่อน ผู้ดูแลจ้งจึงเข้าไปใกล้มากไม่ได้ ดังนั้นจึงมองเห็นสภาพภายในลานบ้านของตระกูลถังได้ไม่ชัดเจน
ผู้ดูแลจ้งรอจนถึงแปดโมงเช้า เขาเห็นบ้านถังมีคนเข้า ๆ ออก ๆ หลายคน แต่กลับไม่เห็นคนที่เขาเฝ้ารอเลยสักนิด
ตามหลักแล้วเรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อาจเป็นเพราะวันนี้คุณหนูถังไม่มีธุระอะไรเลยไม่ได้ออกจากบ้าน
แต่ในฐานะผู้ดูแลที่มากความสามารถขององค์กรโกสต์ซิตี้ และคอยติดตามรับใช้ซ่างกวนหงมานานหลายปี ผู้ดูแลจ้งจึงมีเซ้นส์ที่คนทั่วไปไม่มี
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ!
ผู้ดูแลจ้งครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังประตูใหญ่ เขาคิดว่าในเมื่อรอแล้วไม่พบ งั้นก็เข้าไปเยี่ยมเลยแล้วกัน
เข้าไปเยี่ยมถึงบ้านเหมือนจะยิ่งดูจริงใจมากขึ้น ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าหลายปีมานี้เขาได้แต่แอบตามหาคุณนายของหัวหน้าอย่างลับ ๆมาตลอดจนทำให้ความสามารถในการจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ของเขาลดลง
ที่จริงตอนแรกเขาก็ควรจะตรงเข้าไปเยี่ยมถึงบ้านเลย ตระกูลถังไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาทั่วไป ตระกูลถังมีพิธีรีตองมากกว่าครอบครัวธรรมดาอื่น ๆ
“ไม่ทราบว่าคุณหนูถังอยู่ไหมครับ? ผมอยากมาเยี่ยมคุณหนูถังของพวกคุณหน่อยครับ” ตอนที่ผู้ดูแลจ้งเดินไปถึงหน้าประตูใหญ่ก็พบกับพ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังพอดี
“คุณต้องการพบคุณหนูใหญ่ของพวกเราเหรอ?” พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังมองผู้ดูแลจ้งแวบหนึ่ง ถึงแม้ไม่รู้จัก แต่ก็เห็นว่าผู้ดูแลจ้งดูท่าทางใจดีมีเมตตา พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังจึงปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทด้วย ยังไงซะก็ถือว่าเป็นแขก!!