ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 911 การโจมตีกลับของเทพธิดาเวิน และเจ้าชายน้อยตั้งท้องแล้ว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 911 การโจมตีกลับของเทพธิดาเวิน และเจ้าชายน้อยตั้งท้องแล้ว (3)
อะเฉียงเม้มที่ริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ว่าอะเฉียงสามารถคาดเดาได้แล้วว่าต่อจากนี้เมืองAคงไม่เงียบสงบสุขอีกต่อไปแล้ว
“อะเฉียง นายว่าฉันควรจะไปพบคุณหนูตระกูลถังนี้ไหม?” มู่เฉิงเดินออกไปทางข้างนอกด้วย เหลือกตาไปมองอะเฉียงด้วย
“ผมได้ข่าวมาว่าคุณหนูตระกูลถังสามารถมองคนออกตั้งแต่แวบแรก ไม่มีคนสามารถปกปิดความคิดใดๆ ต่อหน้าคุณหนูตระกูลถังได้ ลอร์ดน้อยเฉิงท่ามั่นใจหรอว่าจะไป?” อะเฉียงไม่ได้อยากจะโจมตีลอร์ดน้อยของเมืองตัวเอง แค่รู้สึกว่าลอร์ดน้อยของตัวเองหน้าด้านไปหน่อย
ลอร์ดน้อยเฉิงทำไมถึงมีหน้าไปพบคุณหนูตระกูลถังล่ะ?
“ความหมายของนายคือถึงแม้ว่าใส่เสื้อผ้าแล้วก็สามารถมองออก? สามารถมองทะลุได้” มู่เฉิงกะพริบตา ถามไปประโยคหนึ่งด้วยความจริงจัง เขามีหน้าตาที่หล่อมาก ความจริงจังและความไร้เดียงสานั้นดูแล้วทำให้รู้สึกน่าชื่นชมและสบายตาเป็นพิเศษ
“อื้ม งั้นแสดงว่าฉันไม่สามารถไปพบได้ง่ายๆ ฉันต้องปกป้องตัวเองเพื่อภรรยาในอนาคตของฉัน จะให้คนอื่นมาดูมั่วๆ ได้ยังไง”
อะเฉียงเหลือกตาขาวในใจ ลอร์ดน้อยเฉิงหน้าด้านจริงๆ
“แต่ว่า หากเธอยอมแต่งงานกับฉัน งั้นสามารถให้เธอดูได้” อะเฉียงกำลังเหลือกตาขาวในใจอยู่ จากนั้นก็ได้ยินคำพูดที่ไม่เอาหน้าสุดๆ ของลอร์ดน้อยเมืองตัวเอง
พูดเหมือนว่าคุณหนูตระกูลถังต้องการมากๆ เลย
ลอร์ดน้อยนั้นมีหน้าตาที่หล่อ แต่ว่าไม่สามารถหลงตัวเองแบบนี้ได้ คุณหนูตระกูลถังก็สวย สิ่งที่สำคัญคือคุณหนูตระกูลถังเธอมีแฟนแล้ว แฟนของคุณหนูตระกูลถังก็หล่อ ไม่ได้แย่ไปกว่าลอร์ดน้อยเฉิงเลย
จู่ๆ อะเฉียงก็รู้สึกอยากจะห่างไกลจากลอร์ดน้อยเฉิง อยากจะแกล้งทำเป็นเหมือนไม่รู้จักเขา
“นายห่างจากฉันไกลขนาดนั้นทำไม?” ในตอนที่มู่เฉิงค่อยๆ หันมา ก็เห็นอะเฉียงหยุดเดิน ไม่ได้เดินตามมา มีความแปลกใจเล็กน้อย
“ลอร์ดน้อยเฉิงท่านหล่อเกินไปแล้ว ผมอยู่ใกล้ลอร์ดน้อยเฉิงมากเกินไปสะดุดตาจนลืมตาไม่ขึ้นเลย” อะเฉียงรู้สึกว่าตัวเองอยู่ข้างกายของลอร์ดน้อยเฉิงนานมากแล้ว อาจจะถูกแพร่กระจายถึงความหน้าด้านของลอร์ดน้อยเฉิงได้
“อื้ม คำพูดนี้ของนายคือความจริง” ลอร์ดน้อยเฉิงพยักหน้าด้วยความจริงจัง “นายว่าหากฉันไปพบคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เธอจะสะดุดตาจนลืมตาไม่ออกเพราะฉันไหม จากนั้นก็จะมองไม่เห็นสิ่งอื่นแล้ว?”
“หรือว่าลอร์ดน้อยเฉิงไปลองดูก็ได้ครับ” อะเฉียงอึ้งไปเลย จู่ๆ ก็ไม่อยากจะพูดโน้มน้าวลอร์ดน้อยของเมืองตัวเองแล้ว ในเมื่อลอร์ดน้อยอยากจะเสแสร้ง งั้นก็ไปเสแสร้งเถอะ!!
พอเป็นแบบนี้ ไม่แน่เรื่องราวอาจจะสามารถจัดการได้เร็วมากขึ้นก็เป็นได้
ลอร์ดน้อยเฉิงมองไปทางอะเฉียงหนึ่งที กะพริบตา ไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่าฟังความคิดเห็นของอะเฉียงไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า
ในตอนที่เย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงมาถึงเมืองA ถังหลินได้รออยู่ที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว
เย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงขึ้นไปยังบนรถ ถังหลินยังไม่ทันเปิดปากพูด จู่ๆ โทรศัพท์ของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้น
เย่ซือเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่แปลกหน้า เย่ซือเฉินคิดไปคิดมา สุดท้ายก็รับแล้ว
“คุณเย่ พวกเราโทรมาจากโรงพยาบาลรักษา อาการของคุณพ่อคุณอยู่ขั้นอันตราย เขาให้พวกเราแจ้งให้คุณทราย” พอรับโทรศัพท์แล้ว เสียงทางนั้นก็ดังผ่านมา เย่ซือเฉินอึ้งไปเลย
ถึงแม้ว่าคุณพ่อของเขาจะไม่สามารถเดินได้ อยู่ในโรงพยาบาลรักษามาโดยตลอด แต่ว่าสถานการณ์และอาการอื่นก็ไม่ได้แย่มาโดยตลอด ทำไมจู่ๆ อาการถึงอยู่ขั้นอันตรายล่ะ
เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าเองของคุณพ่อจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้หรือเปล่า คุณพ่ออาการหนัก เขาจำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมแน่นอน
“ฉันไปที่โรงพยาบาลรักษา” หลังจากที่เย่ซือเฉินวางสายแล้ว สีหน้าก็แย่มาก
“ฉันส่งนายไป” ถังหลินรู้ว่าคุณพ่อของเย่ซือเฉินอยู่ที่โรงพยาบาลรักษา เย่ซือเฉินไปในเวลานี้ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
“ไม่ต้อง ฉันต่อรถไปเอง นายพาฉิงฉิงกลับไปก่อน” เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าทางนั้นเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น บวกกับก่อนหน้านี้เรื่องที่เย่โป๋เหวินได้ทำการตรวจดีเอ็นเอให้กับเวินลั่วฉิง เย่ซือเฉินไม่อยากให้เวินลั่วฉิงไปด้วย
อีกอย่างตอนนี้เรื่องของถังหลินก็ทำให้เวินลั่วฉิงยุ่งพอแล้ว
ถังหลินรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่ซือเฉินและพ่อของเขาซับซ้อนมาก จึงไม่ได้ยืนหยัดต่อไป
“เรื่องของเมืองไห่นายไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลรักษาอย่างสบายใจเถอะ” เวินลั่วฉิงไม่อยากให้เย่ซือเฉินลำบากเกินไป ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เรื่องหนึ่งต่อด้วยเรื่องหนึ่ง เธอไม่สามารถพึ่งแต่เย่ซือเฉินได้หมด
“อื้ม เธอก็อย่าเหนื่อยเกินไป” เย่ซือเฉินกอดเธอ จูบไปที่หน้าผากของเธอเบาๆ จากนั้นก็ลงจากรถ
“ฉิงฉิง เธอมีแผนไว้ยังไง?” หลังจากที่เย่ซือเฉินลงจากรถ แววตาของถังหลินก็ยิ่งหนักแน่นยิ่งขึ้น
“พี่ อย่ากังวลเกินไป และอย่าตื่นเต้นเกินไป สงบสติอารมณ์ใจเย็นๆ ก่อน” เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดการวางแผนของตัวเองให้ชัดเจน แค่ปลอบใจถังหลินเบาๆ
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนในตระกูลต่างก็ไม่สามารถทำอะไรมั่วๆได้ เพราะว่าในตอนที่คนสับสนวุ่นวายจะสามารถทำเรื่องผิดได้ง่าย
“แล้วทางฝั่งพ่อของฉันล่ะ?” แววตาของถังหลินเปล่งประกายขึ้น เขาเชื่อเวินลั่วฉิง แต่ว่าไม่ว่ายังไงแล้วนั่นก็คือพ่อของเขา สุดท้ายเขาก็ปล่อยวางไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ฟัง ไม่ถาม ไม่สนใจ ไม่ควบคุม” เวินลั่วฉิงยิ้ม แล้วให้แผนการที่ไม่สนใจในสี่อย่างไป
“ความหมายของเธอคือปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายไปแบบนี้?” ถังหลินสูดหายใจเข้าลึก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากยังวุ่นวายแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพ่อแม่ของเขา
“อื้ม” เวินลั่วฉิงตอบกลับด้วยเสียงเบาไปประโยคหนึ่ง “ไม่กลัวว่าพวกเขาจะวุ่นวาย กลัวว่าพวกเขาจะไม่วุ่นวายเนี่ยแหละ”
“ฉิงฉิง เธอจะทำอะไรกันแน่?” ถังหลินมองเธอ ขมวดคิ้ว
“พี่ พี่ไม่เชื่อฉันหรอ?” เวินลั่วฉิงไม่ได้ปฏิเสธ แค่สบตากับถังหลินด้วยแววตาที่เงียบสงบ
“เชื่อ” ถังหลินไม่ได้มีการหยุดใดๆ เลย เขาตอบกลับด้วยความยืนหยัด
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มอ่อน วินาทีนี้จู่ๆ หัวใจของถังหลินก็เก็บไปยังจุดเดิม
ในตอนที่เย่ซือเฉินมาถึงโรงพยาบาล เย่โป๋เหวินกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่ว่าผ่านไปไม่นาน การช่วยเหลือในห้องฉุกเฉินก็จบลง
อาจจะเป็นเพราะว่าช่วยได้ทันเวลาพอดี ไม่ได้มีอันตรายอะไรกับชีวิต แต่ว่า ร่างกายของเย่โป๋เหวินอ่อนแอมาก
สำหรับเหตุผลที่ทำให้อาการแย่ขึ้นคุณหมอได้ให้การอธิบายว่าเป็นเพราะเย่โป๋เหวินใช้ยาในปริมาณที่มากเกินไป
เย่โป๋เหวินกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น
ถึงแม้ว่าทั้งสองพ่อลูกจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีมาโดยตลอด แต่ว่าสภาพของเย่โป๋เหวินในตอนนี้ เย่ซือเฉินไม่มีทางจากไปแน่นอน
เย่ซือเฉินเป็นห่วงเวินลั่วฉิง เป็นห่วงว่าเธอจะเร่งรีบและกระวนกระวายเกินไปในเรื่องของถังหยุนเฉิง จึงโทรหาเวินลั่วฉิงถามถึงสถานการณ์
“เชื่อใจฉัน” เวินลั่วฉิงแค่ตอบกลับไปสามคำ ง่ายและตรง ทันใดนั้นเย่ซือเฉินก็วางใจแล้ว
เย่ซือเฉินไม่ได้ไปหาเวินลั่วฉิงอีก แต่ว่าอยู่ดูแลเย่โป๋เหวินต่อ
สำหรับเรื่องของถังหยุนเฉิงถูกแพร่กระจายออกไปอย่างไม่หยุด ไม่เพียงแต่แพร่ออกไปภายในประเทศ นอกประเทศก็มีการรายงานข่าวแล้ว
ในตอนที่หลินเป้ยเห็นข่าวเธออึ้งไปเลย ตอนแรกยังมีความมึนๆอยู่ ทันใดนั้นก็ตื่นทันที
สองสามวันนี้เธอไม่รู้ว่าเป็นอะไร มักจะรู้สึกง่วงตลอด และอยากนอนเป็นพิเศษ เหมือนว่าไม่มีแรงทั่วร่างกาย อีกอย่างตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา เธอยังรู้สึกมีความอยากอาเจียนเล็กน้อย
หลินเป้ยก็ไม่ได้คิดมาก ตอนนี้เธอเห็นรายงานข่าวของถังหยุนเฉิง จากนั้นก็นึกถึงถังหลิน จู่ๆ เธอก็นึกถึงว่าประจำเดือนของเดือนนี้ยังไม่มา
วินาทีนั้น ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปทั้งหมด