ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 912 การโจมตีกลับของเทพธิดาเวิน และเจ้าชายน้อยตั้งท้องแล้ว (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 912 การโจมตีกลับของเทพธิดาเวิน และเจ้าชายน้อยตั้งท้องแล้ว (4)
หลินเป้ยก็ไม่ได้คิดมาก ตอนนี้เธอเห็นรายงานข่าวของถังหยุนเฉิง จากนั้นก็นึกถึงถังหลิน จู่ๆ เธอก็นึกถึงว่าประจำเดือนของเดือนนี้ยังไม่มา
ประจำเดือนของเธอมาตรงเวลาโดยตลอด ไม่เคยมาช้าเลย ครั้งนี้ช้าไปหลายวันมาก
วินาทีนั้น ทั้งตัวของเธอแข็งทื่อไปหมด
เธอ? หรือว่าเธอจะท้อง?
ครั้งที่แล้วที่เธอกับถังหลินในครั้งนั้น ตอนแรกก็แค่อุบัติเหตุ เธอและถังหลินไม่ได้ทำการป้องกันอะไรเลย คืนนั้นเธอเองก็กระวนกระวาย อีกอย่างก็เหนื่อยมากจริงๆ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ต่อมาพอเธอตอนที่เธอนึกได้ก็สายไปแล้ว
ตอนแรกเธอคิดว่าก็มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว คงจะไม่บังเอิญมีหรอก แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วเกรงว่า……
ตลอดหลายปีมานี้หลินเป้ยปลอมตัวเองผู้ชายมาโดยตลอด สำหรับเรื่องของผู้หญิงมากมายเธอก็ไม่ได้ชัดเจนมากนัก แต่ว่าเรื่องท้องที่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอก็พอเข้าใจบ้าง
ในใจของหลินเป้ยมีความสงสัยเล็กน้อย จึงอยากจะยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือปลอม?
เรื่องแบบนี้เธอไม่สามารถบอกคนอื่นได้เด็ดขาด แม้กระทั่งคุณแม่ก็ไม่ได้
และเธอก็ไม่กล้าไปตรวจที่โรงพยาบาล เธอที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายจะไปเอาบัตรคิวที่แผนกตั้งครรภ์?
นั่นเป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ?
หลินเป้ยได้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพิมพ์ค้นหาว่า—ท้องในระยะแรกตรวจสอบอย่างไร?
จากนั้นหลินเป้ยผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี ในที่สุดก็รู้จักที่ตรวจครรภ์แล้ว
พึ่งท้องได้ไม่กี่วัน ที่ตรวจครรภ์ก็สามารถตรวจออกมาได้ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ตัวเองก็สามารถจัดการได้ ง่ายและสะดวก
หลินเป้ยออกจากบ้าน ตรงไปที่ร้านยาเลย ซื้อยามากมายเพื่อปกปิด จากนั้นจึงจะแอบเอาที่ตรวจครรภ์สองสามอัน เพราะเธอกลัวว่าครั้งเดียวจะไม่แม่นยำ ดังนั้นจึงเอามาหลายๆ อัน
หลินเป้ยสวมหน้ากาก สวมแว่นตาดำ คนในร้านยาไม่มีใครออกเธอออก
เธอนำที่ตรวจครรภ์กลับไปยังบ้าน แล้วเข้าไปตรวจโดยไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว
ทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ หลังจากที่เธอทำเสร็จทั้งหมด ก็นำที่ตรวจครรภ์ใส่ไว้ข้างๆ เธอจ้องที่ตรวจครรภ์ ไม่กล้าแม้แต่กะพริบตา เธอจ้องอยู่อย่างนั้น ตอนนี้หลินเป้ยสามารถรับรู้ได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วมาก ทั้งหัวใจเหมือนจะทะลักออกมาแล้ว
ที่จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงของที่ตรวจครรภ์ไม่ได้ใช้เวลานาน แต่ว่าหลินเป้ยมักจะรู้สึกว่าขณะนี้เวลานานมาก ราวกับว่าชาติชาติหนึ่งเลย
พอเห็นสีของที่ตรวจครรภ์ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ร่างกายที่แข็งทื่อของหลินเป้ยก็อดสั่นไม่ได้ ทั้งหน้าของเธอซีดขาวทันที
อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ยอมที่จะเชื่อ และอาจจะเป็นเพราะว่าไม่ตายใจ หลินเป้ยนำที่ตรวจครรภ์ที่ซื้อมาทั้งหมดแกะออกให้หมด ทั้งหมดต่างก็นำมาตรวจสอบแล้ว
แต่ว่าผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งหมด
วินาทีนั้น หลินเป้ยรู้สึกเพียงแค่ว่าทั้งตัวของเธอเย็นไปหมด ราวกับว่าถูกสาดน้ำเย็นจากหัวจรดเท้าในฤดูหนาว ทั้งตัวไม่มีความอบอุ่นเลย ราวกับว่าเลือกในร่างกายของเธอมีน้ำแข็งแฝงอยู่
หลินเป้ยยืนแข็งทื่ออยู่ในห้องน้ำ นานมากก็ดึงสติกลับมาไม่ได้ ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปประมาณครึ่งชั่วโมง
“หลินเป้ย เธอทำอะไร?” คุณแม่ของหลินเป้ยเห็นเธอไม่ออกมาเลย มีความแปลกใจเล็กน้อย และมีความกังวล
“เปล่า เปล่าค่ะ” จู่ๆ หลินเป้ยก็ตื่นกะทันหัน ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนทันที เธอรีบเก็บที่ตรวจครรภ์ขึ้นมา อยากจะโยนลงไปที่ถังขยะ
แต่ว่าพอหันกลับมาคิด เธอก็หยุด แล้วนำของทั้งหมดใช้กระดาษก่อไว้ จากนั้นก็ซ่อนไว้ในกระเป๋า
“ทำไมเธอถึงนานขนาดนี้? เป็นอะไรหรอ?” คุณแม่หลินเห็นสีหน้าของหลินเป้ยในขณะนี้แย่มาก ยิ่งเป็นห่วงไปใหญ่
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่ไม่ค่อยสบายท้อง” หลินเป้ยพยายามกดทับความกระวนกระวายในใจ แสดงออกถึงความไม่เป็นไรออกมา
แต่ว่าสีหน้าที่แย่ของเธอนั้นก็ชัดเจนมากกลับไม่สามารถปกปิดได้
คุณแม่หลินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หลินเป้ยก็กลับห้องไปแล้ว “แม่ หนูไม่สบาย อยากจะพักผ่อนสักพัก”
คำพูดของคุณแม่หลินมาถึงปากแล้วก็กลืนลงไป เธอรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้ลูกสาวของเธอไม่ง่ายเลย ลูกสาวไม่เพียงแต่ต้องป้องกันการถูกวางแผนต่างๆ จากในวัง ยังต้องแบกรับความกดดันมากมายในเรื่องที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย
ตอนนั้นที่เธอทำแบบนั้น ผิดไปแล้วหรือเปล่า?
หลินเป้ยเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียง แววตาคู่หนึ่งจ้องไปยังเพดาน ตอนนี้เธอกำลังคิดอยู่ว่าควรทำอย่างไรดี?
หลินเป้ยไม่รู้ว่าขณะนี้ตัวเองควรทำอย่างไร? ส่วนถังหลินคุณชายใหญ่ตระกูลถังในตอนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร
ในตอนที่ถังหลินพาเวินลั่วฉิงกลับมาถึงบ้าน เฟิ่งเหมียวเหมียวมีความงงเล็กน้อย ถ่ายทอดสดในก่อนหน้านี้เธอก็ดูแล้ว เรื่องราวค่อนข้างที่จะหนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเวลานี้เวินลั่วฉิงจะกลับมา?
แต่ว่าตอนนี้ท่านปู่ถังและท่านย่าถังก็อยู่ในห้องรับแขก ก็ไม่ดีที่เฟิ่งเหมียวเหมียวจะถามมาก ได้แต่พยายามอดทน
เฟิ่งเหมียวเหมียวอยู่กับผู้อาวุโสทั้งสองตั้งแต่เช้าแล้ว ตั้งใจให้ผู้อาวุโสทั้งสองหลบข่าวที่เกี่ยวกับถังหยุนเฉิง
“ฉิงฉิง เธอกลับมาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” ท่านย่าถังเห็นเวินลั่วฉิงรีบกลับมาขนาดนี้ก็แอบแปลกใจ ไม่ใช่บอกว่ารีบไปประเทศ M หรอ? แค่ระยะทางไปประเทศMก็ต้องใช้สองวันแล้ว
นี่ฉิงฉิงรีบขนาดนี้เลย?
“ไม่มีอะไรค่ะ” ผู้อาวุโสทั้งสองยังไม่รู้เรื่อง แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงก็ไม่สามารถบอกเขาได้ในเวลานี้ ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามโหดร้ายมากเกินไปแล้วจริงๆ เรื่องราวโหดร้ายมาก ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะมีจิตใจที่ดีคิดในแง่บวก แต่ก็กลัวว่าจะรับไม่ไหว
เวินลั่วฉิงขึ้นตึกไป แน่นอนว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวก็รีบตามไป
“ฉิงฉิง ทำไมเธอถึงกลับมาแล้ว? คุณลุงของเธอเขา?” ขึ้นตึกมา เฟิ่งเหมียวเหมียวจึงจะถามถึงความสงสัยในใจ เพราะว่าเป็นห่วงมากเกินไป เสียงจึงมีความแหบด้วย
“คุณแม่ อย่ากังวลไปเลย ฉิงฉิงวางแผนไว้แล้ว” ถังหลินนั้นมีความเชื่อถือในความสามารถของเวินลั่วฉิง คำพูดที่เวินลั่วฉิงพูดตอนอยู่บนรถ ทำให้เขาสงบใจลง
“มีการวางแผน? มีแผนอะไร? ตอนนี้พวกเราต้องทำอะไร?” แน่นอนว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวไม่มีทางสงบสติอารมณ์เหมือนถังหลิน ตลอดปีมานี้เธอมีสามี และลูกชายอยู่กลางใจมาโดยตลอด สามีเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เธอจะไม่กระวนกระวายได้ยังไง
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นค่ะ ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ในใจของเวินลั่วฉิงมีการวางแผนไว้ น้ำเสียงเงียบสงบมาก
“แล้วทางฝั่งคุณลุงของเธอ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวกลับอึ้งไปเลย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น? เหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เป็นไปได้ยังไง?
“ทางเมืองไห่คุณลุงจะจัดการเองค่ะ” เวินลั่วฉิงเชื่อใจในความสามารถของถังหยุนเฉิง ก่อนหน้านี้ต้องเป็นเพราะเมืองไห่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะไร้ความเป็นคนขนาดนี้ จึงไม่มีการป้องกันตัว แต่ว่าครั้งนี้ถังหยุนเฉิงต้องมีการป้องกันแน่นอน
มีคำพูดของเด็กผู้หญิงเข้ามาก่อน ไม่ว่าถังหยุนเฉิงจะพูดอะไรก็ยากที่จะให้คนอื่นเชื่อ แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้หวังว่าเรื่องนี้จะสามารถจัดการได้ง่ายๆ
ขอแค่ถังหยุนเฉิงสามารถนำเรื่องที่มีหลักฐานวางไว้ข้างหน้าก็ได้แล้ว
ตอนนี้คนอื่นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ต่างก็ไม่สำคัญแล้ว
“ฉิงฉิง ความหมายของเธอคือพวกเราไม่ต้องสนใจคุณลุงของเธอหรอ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวมองดูเวินลั่วฉิง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ฉิงฉิงตัดสินใจปล่อยมือไม่ยุ่งแล้วหรอ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้?