ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 931 เข้าข้างเจ้าหญิง มีเรื่องสนุกแล้วสิ (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 931 เข้าข้างเจ้าหญิง มีเรื่องสนุกแล้วสิ (4)
คุณชายหานกับหนูจิ่วล้วนถูกลุงเหลียงเก็บกลับมา แต่ หนูจิ่วมี ลุงเหลียงชุบเลี้ยงฟูมฟักกับมือจนเติบใหญ่ ส่วนสำหรับคุณชายหานท่านนี้เขากลับต้องพึ่งพาตัวเองเสมอมา
แต่ไหนแต่ไรคุณชายหานมักจะทำตัวลึกลับเป็นประจำ ปกติจะไม่ค่อยมีคนเห็นหน้าเขามากนัก
“คุณชายหานครับนี่ คือเส้นผมที่ หนูจิ่วเอามาครับ พวกเรากำลังเตรียมตัวตรวจสอบครับ”ภายในห้องตรวจสอบมีคนถนัดดูสีหน้านำเส้นผมที่เจ้าเก้านำมายื่นให้คุณชายหานดู
ชายหนุ่มก้มหน้ามองแล้วตอบเสียงต่ำ ของที่เจ้าเก้าเอามาคาดว่าเขาก็ไม่กล้าเปลี่ยน ถึงคิดจะเปลี่ยน แต่เวลาสั้นๆเช่นนี้ก็ไม่ทันการหรอก อีกทั้งก่อนเขาจะมาก็เคยดูกล้องวงจรปิดแล้ว ซึ่งไม่พบความผิดปกติใดๆ
คนนั้นรีบนำเส้นผมไปตรวจ
ผู้คนคิดว่าคุณชายหานผู้มีนิสัยไม่ก้าวร้าวแค่เอ่ยผ่านๆ
ทว่าเหนือความคาดหมาย คุณชายหานบอกว่าจะจับตามองก็จ้องอย่างไม่กะพริบตา ไม่ลดละแม้แต่วินาทีเดียว
ไป๋หยิงไม่มีทางล่วงรู้เหตุการณ์ทางนี้ ถึงแม้ซุนซิ่งจะเป็นแฟนหนุ่มของเจ้าเก้า แต่ซุนซิ่งก็เข้าห้องตรวจสอบไม่ได้
แม้แต่เจ้าเก้าไม่รู้ว่าคุณชายหานเป็นผู้กำกับดูแลการตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้ด้วยตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซุนซิ่งเลย
ผ่านไปหนึ่งวัน ข่าวฉาวโฉ่ของถังหยุนเฉิงแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางตระกูลถังยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“ตระกูลถังหมายความว่ายังไงกันแน่?”ไป๋หยิงเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ครั้งนี้เธอวางแผนจะกำจัดเวินลั่วฉิงทีเดียวรวดเลย
ขอเพียงเวินลั่วฉิงออกหน้าแทนถังหยุนเฉิง ขอเพียงเด็กน้อยไม่เปลี่ยนคำ เธอมีวิธีทำให้ชื่อเสียงเวินลั่วฉิงป่นปี้
ทว่าเธอคาดไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะไม่มีท่าทีเลยสักนิดเดียว
ทำให้แผนการมุ่งร้ายของเธอไม่รู้จะก้าวต่อในทิศทางไหน
แน่นอน เธอยิ่งกังวลว่าเวินลั่วฉิงจะมีแผนเสริมที่เป็นท่าไม้ตาย ถึงแม้ไลฟ์สดของเด็กผู้หญิงทำให้ถังหยุนถังตกเป็นผู้ต้องหาไปโดยปริยาย
ถึงแม้สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครช่วยถังหยุนเฉิงได้ ทว่าเวินลั่วฉิงหยุดอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนทัพไปไหน ส่งผลให้ไป๋หยิงไม่วางใจเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงหากคิดว่าเรื่องนี้คงจะสงบเงียบในไม่ช้า หากเวินลั่วฉิงคิดเช่นนี้จริงๆ มันเป็นความผิดคาดครั้งใหญ่หลวงเลยทีเดียว
ตระกูลถังไม่เคลื่อนไหว คงอยากลดกระแสเรื่องนี้ให้มากที่สุด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็จะช่วยตระกูลถังสร้างกระแสเอง
ไป๋หยิงเอามือถือที่เพิ่งไปลงทะเบียนเบอร์ใหม่ส่งข้อความออกไป
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง โรงพยาบาลศูนย์กลางไห่เฉิง เด็กผู้หญิงให้สัมภาษณ์อีกครั้ง
ครั้งนี้เปลี่ยนสื่อบริษัทอื่น คงเป็นเพราะคำนึกถึงสภาพจิตใจของเด็กผู้หญิง ผู้รับผิดชอบทำข่าวจึงเป็นนักข่าวหญิง
เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของเด็กผู้หญิงครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน ใบหน้าของเธอซีดเซียวกว่าเดิม แววตาฉายประกายความหวาดกลัวจนทำให้คนสงสารมากขึ้น
“หนูเจ็บ เจ็บมากค่ะ เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ”เด็กผู้หญิงขดตัวร้องครวญด้วยความเจ็บปวด
นักข่าวหญิงผู้กำลังสัมภาษณ์ทนมองไม่ได้ เธอหันไปมองพ่อของเด็ก:“คุณหมอได้ช่วยรักษาบาดแผลบนกายเด็กหรือยังคะ?”
“รักษาแล้วครับ แต่ลูกบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่อาจหายได้ในเวลาอันสั้น คุณหมอยังบอกว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของลูกจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตข้างหน้าด้วยครับ”ใบหน้าเด็กผู้หญิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ยังคงเจือความแค้นเคืองเข้ากระดูกเอาไว้ด้วย
“ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตเหรอคะ?ประโยคนี้หมายความว่ายังไงคะ?”นักข่าวหญิงอึ้ง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันทีทันใด
“ช่วงล่างสาหัสมากครับ และลูกก็ยังเด็กมากด้วย คนนั้นเลวกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกครับ โหดร้ายเกินไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาทำอะไรกับลูกสาวบ้างครับ ลูกสาวของผมบาดเจ็บอย่างรุนแรงมากๆครับ”หลี่หมิงอาจจะเสียใจมากๆ ถึงขั้นกุมขมับร้องไห้
นักข่าวสาวเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าถามอะไรต่อ
“เขาไม่เพียงแต่ละเมิดทางเพศ ยังเป็นการทารุณกรรมด้วยครับ ลูกสาวผมบอกว่าตอนนั้นเขายังเอามีด……”หลี่หมิงกุมขมับ แต่สุ้มเสียงของเขายังคงส่งออกมา ถึงแม้จะมีความคับอกคับใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเปล่งได้ชัดถ้อยชัดคำ
“คุณหลี่ความหมายของคุณคือตอนนั้นเขาเอามีดทำร้ายลูกสาวของคุณเหรอคะ?”นักข่าวสาวตะลึงงัน เบิกตากลมโต อดกล่าวเสียงดังไม่ได้
“ผมไม่รู้ครับ ตอนนั้นลูกสาวผมกลัวมาก แถมตอนนั้นลูกยังไม่สบายอยู่ด้วยครับ ลูกเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ค่อยชัดเจน แต่ร่างกายลูกสาวผมมีแต่แผลเต็มไปหมดเลยครับ”หลี่หมิงยังคงยกมือกุมขมับ ครั้งนี้ตอบอย่างเลือนราง สองแง่สองมุม
ทว่าคำพูดนี้ยิ่งทำให้ผู้คนสงสารเด็กผู้หญิงมากขึ้น
“คุณหมอพูดอย่างไรหลังจากที่ตรวจอาการเสร็จคะ?”ดวงตานักข่าวสาวเปล่งประกาย คุณหมอน่าจะตรวจรู้ว่าร่างกายเด็กมีรอยแผลจากของมีดคมหรือไม่?
“คุณหมอบอกว่า……เป็นแผลที่เกิดจากสิ่งของครับ”หลี่หมิงหยุดพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
นักข่าวสาวชะงักพูดอะไรไม่ได้ไปชั่วขณะ
“เสี่ยวยวี่ หนูยังจำได้ไหมว่าตอนนั้นเขาใช้อะไรทำร้ายหนู?หนูบอกนักข่าวเลยครับ พวกเขาจะได้ช่วยพวกเราจับคนชั่วได้ครับ”หลี่หมิงเงยหน้าในที่สุด เขามองหน้าลูกสาวของตน ให้ลูกสาวมีกำลังใจพูดออกมา
“พ่อค่ะ จับคนร้ายได้หรือยังคะ?”ร่างกายเสี่ยวยวี่หดงออีกครั้ง ความหวาดกลัวบนใบหน้ายิ่งฉายชัดมากขึ้น:“ทำไมคนร้ายยังไม่ถูกจับคะ?”
“คนร้ายไม่ยอมรับความผิดครับ แถมเขายังเป็นใหญ่เป็นโต พวกเราเป็นประชาชนสามัญชนทั่วไป ไม่ได้ทางเอาเขามาลงโทษตามกฎหมายเลย”ใบหน้าหลี่หมิงยิ่งมีความปวดร้าวมากขึ้นหลายส่วน แน่นอนความแค้นเคืองก็เด่นชัดตามมาด้วย
นักข่าวสาวมาเพื่อสัมภาษณ์ แต่เวลานี้เธอไม่รู้ควรถามอย่างไร เพราะเรื่องจับกุมตัวถังหยุนเฉิงหรือไม่ เธอไม่มีสิทธิ์ในหน้าที่นี้
อีกทั้งหลังถังหยุนเฉิงกลับมาจากไห่เฉิง เมื่อคืนถังหยุนเฉิงก็ให้สัมภาษณ์ แล้วเล่าเรื่องเมื่อคืน ถึงแม้คำพูดของถังหยุนเฉิงจะไม่ได้แก้ต่างกับสิ่งที่เด็กผู้หญิงเล่า แต่ตอนนั้นถังหยุนเฉิงมีใบหน้าไร้กังวล สุขุมและน่าเกรงขาม ทำให้ผู้คนรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นทางเด็กผู้หญิงก็ไม่ได้แจ้งความ ยิ่งไม่ได้ฟ้องร้องถังหยุนเฉิง ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ได้ถึงเป็นคดีความ ทำให้ไม่มีใครไปจับถังหยุนเฉิง
นักข่าวสาวรู้สึกคลางแคลงใจต่อเรื่องที่เด็กผู้หญิงไม่ได้แจ้งความ หลี่หมิงพูดตลอดเวลาว่าจะจับผู้ร้ายเพื่อลูกสาว แต่กลับไม่ได้แจ้งความ ไม่กลายเป็นคดีความ แค่หาสื่อมาเปิดโปงเรื่องนี้
หลี่หมิงลืมแจ้งความ?หรือยำเกรงในอำนาจของถังหยุนเฉิงจนไม่กล้าแจ้งความ?
ถ้าเกิดบอกว่ายำเกรงในอำนาจอิทธิพลของถังหยุนเฉิงแล้วไม่กล้าแจ้งความ เรื่องนี้ก็พูดไม่ถูกหลัก เพราะหลี่หมิงได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสื่อสารมวลชนแล้ว
นักข่าวสาวละเอียดรอบคอบ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามมากนัก
การไลฟ์สดของเด็กผู้หญิงในครั้งนี้ จากที่ผู้คนไม่กล้าด่าทอและเหน็บแนมถังหยุนเฉิง ตอนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งแต่ละคนใช้คำพูดที่ฟังไม่ได้เลย
ไป๋หยิงเห็นรายงานข่าว เห็นเสียงครหาของชาวโซเชียลต่อถังหลินเฉิงอย่างกำเริบเสิบสาน ในที่สุดเธอก็หัวเราะออกมา หัวเราะอย่างพอใจและกระหยิ่มใจ
แน่นอนเวินลั่วฉิงก็เห็นข่าวนี้แล้ว และเห็นความคิดเห็นที่ชาวเน็ตมีต่อถังหยุนเฉิงแล้วด้วย
มุมปากเวินลั่วฉิงค่อยๆยกขึ้น เห็นที ละครเด็ดใกล้จะฉายแล้ว!!