ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 932 ชายขี้หึงเผยความองอาจ โอหัง (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 932 ชายขี้หึงเผยความองอาจ โอหัง (1)
เวินลั่วฉิงก็เห็นรายงานข่าวใหม่กับความคิดเห็นของชาวโซเชียลแล้ว
มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้นช้าๆ เห็นทีละครเด็ดใกล้จะฉายแล้ว!!
จากนั้นเด็กผู้หญิงก็ให้การสัมภาษณ์กับสื่ออีกสองบริษัท การให้สัมภาษณ์ของแต่ละครั้งเด็กผู้หญิงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงว่าเธออนาถแค่ไหน น่าสงสารเพียงใด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่อถังหยุนเฉิงยิ่งรุนแรงและเกินขอบเขตมากขึ้นทุกที เขาได้สมญานามว่า สัตว์เดรัจฉาน
เด็กผู้หญิงเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม เธอแสดงความอ่อนแอ เผยความอนาถที่ได้พบต่อสาธารณะ อีกทั้งยังสร้างความสงสารเห็นอกเห็นใจได้ดีมากๆ
ด้วยปัจจัยที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ เกิดเรื่องเช่นนั้น บวกกับกระแสครหาที่ถล่มทลาย สถานะของถังหยุนเฉิงอย่าว่าแต่เอาตัวรอดเลย แค่อยากทำอะไรสักนิดก็ยังไม่ได้เลย
ต้องชมว่าผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังวางแผนอุบายได้อย่างแยบยลมาก
เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าผู้ที่จู่โจมเธออยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร ทว่าเธอไม่กลัวอีกฝ่ายสร้างเรื่องสร้างกระแสใหญ่โต อีกฝ่ายยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ จุดรั่วไหลก็ยิ่งมากเท่านั้น
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเริ่มจัดการเรื่องนี้ในตัวเด็กผู้หญิงไม่ได้ เพราะด้วยคำพูดของเด็กผู้หญิงอายุสิบเอ็ดถึงสิบสองปี แถมยังมีหลักฐานยืนยันอาการบาดเจ็บจากโรงพยาบาลอีก และสถานะตระกูลถังก็พิเศษอีกต่างหาก
หากว่าเธอจะเริ่มสะสางเรื่องกับเด็กผู้หญิงด้วยวิธีใดก็ตาม จะทำให้ประชาชนโกรธเคืองได้ ทำให้ถูกโจมตีอย่างไรที่ย่อยยับ
ดังนั้นเวินลั่วฉิงไม่คิดจะแก้ไขปัญหาจากตัวเด็กผู้หญิงตั้งแต่ต้น เธอจะทำเรื่องเหนือความคาดหมายออก
เวินลั่วฉิงมองไป๋หยูหนิงที่อยู่ในห้อง ซึ่งตอนนี้ไป๋หยูหนิงเชื่อฟังราวกับลูกแมวตัวน้อย หลังจากคนที่เย่ซือเฉินส่งมาเดินทางมาถึงไป๋หยูหนิงก็เชื่อฟังราวกับเป็นลูกแมวไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
ไป๋หยูหนิงที่ช่างพูดช่างจากลายเป็นลูกไก่ที่เงียบกริบ นอกเสียจากไม่จำเป็นไป๋หยูหนิงก็จะไม่พูดเด็ดขาด
เธอรู้จักไป๋หยูหนิงมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นไป๋หยูหนิงเงียบขนาดนี้มาก่อน
เธออยู่ที่นี่ก็สองชั่วโมงแล้ว ไป๋หยูหนิงยุ่งอยู่กับงานของตัวเองโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ตอนเธอมาไป๋หยูหนิงก็แค่มองเธอแวบเดียวไม่ได้ทักทายกับเธอ ยิ่งไปต้องถามถึงการพูดพล่ามในยามปกติเลย
ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย!
ตอนนี้ไป๋หยูหนิงจดจ่ออยู่กับงานอย่างเดียว สองหูไม่รับรู้ต่อสิ่งเร้าใดๆ ซึ่งผลดีของเรื่องก็คืองานดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น
ไม่รู้ว่าไป๋หยูหนิงกลัวผู้ชายที่เย่ซือเฉินหามาคนนี้ขนาดไหน
สายตาของเวินลั่วฉิงย้ายไปอยู่กับผู้ชายที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี แถมดูแล้วยังอ่อนโยน มีไมตรีจิตน่าคบหาอีกด้วย ซึ่งยามที่เธอมองใบหน้าผู้ชายประดับรอยยิ้มไว้เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมไป๋หยูหนิงถึงกลัวเขาขาดนี้ ไป๋หยูหนิงเห็นผู้ชายคนนี้ก็เหมือนหนูเห็นแมวอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วค่ะ คุณลองดูเลยค่ะ”ไป๋หยูหนิงยื่นเอกสารที่ทำเสร็จแล้วให้ผู้ชายด้วยเสียงเบาจนไม่มีทางเบากว่านี้แล้วเพราะเวินลั่วฉิงอยู่ห่างจากพวกเขาเล็กน้อย ดังนั้นหากเธอไม่แคะขี้หูฟังดีๆคงฟังไป๋หยูหนิงพูดไม่รู้เรื่องแน่
ไป๋หยูหนิงที่ปกติเหมือนผู้ชายมา‘อ่อนโยน’ในตอนนี้ เวินลั่วฉิงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“อืม”ผู้ชายวางถ้วยกาแฟลง มือข้างหนึ่งยื่นไปรับเอกสารในมือของไป๋หยูหนิง ดวงตาสวยงามดุจดอกท้อมองไป๋หยูหนิงด้วยรอยยิ้มที่เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เดิมทีผู้ชายก็หน้าตาดีอยู่แล้ว มายิ้มละมุนละไมเช่นนี้อีก บวกกับดวงตาคู่งามราวดอกท้อยกขึ้นเล็กน้อย จึงเป็นการเย้ายวนอย่างไม่อาจต้านทาน กระทั่งเวินลั่วฉิงก็รู้สึกอยากมองให้นานขึ้น
ต่างเล่ากันว่าดวงตาคล้ายดอกท้อหว่านเสน่ห์เก่งที่สุด ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!
มือที่จับเอกสารของไป๋หยูหนิงสั่นสะท้านอย่างแรง จากนั้นเอกสารในมือพลันร่วงหล่นสู่พื้น
“เหนื่อยแล้วเหรอ?”มุมปากผู้ชายยกขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง สุ้มเสียงอ่อนนุ่งราวกับต้นวิลโลว์พัดไหวไปตามแรงลมอย่างบางเบา
ดวงตาเวินลั่วฉิงเปล่งประกาย เหนื่อยแล้ว?พูดอย่างนี้ในเวลาเช่นนี้?
เวินลั่วฉิงมองผู้ชายคนนี้ อืม เป็นจอมเล่ห์เหลี่ยมขนานแท้เลยละ
“ไม่เหนื่อยค่ะ ไม่เหนื่อย”ไป๋หยูหนิงก้มหน้าด้วยความลุกลน แล้วโค้งตัวลงไปเก็บเอกสาร
ตอนแรกผู้ชายไม่ได้ขยับ แต่เมื่อไป๋หยูหนิงเก็บเอกสารเสร็จเตรียมจะลุกขึ้น ร่างกายผู้ชายก็โน้มไปด้านหน้ากะทันหัน
จากนั้นริมฝีปากผู้ชายก็โดนใบหน้าของไป๋หยูหนิงอย่าง‘ไม่ระวัง’
ริมฝีปากผู้ชายเคลื่อนย้ายจากหน้าผาก จากนั้นก็มาแตะริมฝีปากของไป๋หยูหนิงนิดๆ ราวกับกบเลียน้ำดื่ม
ซึ่งจังหวะทุกอย่างเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างพอดิบพอดี
พริบตานั้นไป๋หยูหนิงร่างกายแข็งทื่อ คิดอยากหลบด้วยจิตใต้สำนึก แต่ตอนนี้เธอนั่งยองๆอยู่ เมื่อเธอหลบไปด้านหลัง ผลที่ตามมาก็คือล้มอย่างเดียว
เดิมทีเวินลั่วฉิงคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะจับตัวไป๋หยูหนิงไว้ และอาจจะโอบกอดไป๋หยูหนิงไว้ด้วย ถึงเป็นการฉวยโอกาสที่เหมาะสมมากๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เวินลั่วฉิงประหลาดใจก็คือ ผู้ชายคนนี้มองไป๋หยูหนิงล้มไปนั่งอยู่ที่พื้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ถึงแม้พื้นในโรงแรมจะมีพรมปูไว้ ไป๋หยูหนิงทิ้งตัวลงไปเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แต่ปล่อยให้ผู้หญิงล้มอย่างนี้จะดีหรือ?
ทำไมผู้ชายคนนี้ไม่ทำตามกฎทั่วไป?
เขากำลังจีบอยู่แท้ๆ แถมวิธีจีบอย่างเป็นยอดฝีมืออีกด้วย การจูบเมื่อกี้เป็นการวางเล่ห์กลอย่างเห็นๆ
แต่ทำไมเวลาที่ควรลงมือกลับไม่ทำซะงั้น?
เวินลั่วฉิงเปลี่ยนไปคิดอีกแง่หนึ่งก็เข้าใจทันที หากเป็นผู้หญิงปกติ วิธีการจีบทั่วไปก็ไม่เป็นปัญหา
แต่ไป๋หยูหนิงไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป หากหลังจากเขาจูบไป๋หยูหนิงแบบ‘ไม่ระวัง’แล้ว ยังไปกอดไป๋หยูหนิงไว้ในอ้อนแขนอีก ด้วยนิสัยห้าวๆของไป๋หยูหนิงคงแตะเขากระเจิดกระเจิงแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอาจโดนลูกแตะบนหน้าก็เป็นได้
เธอยอมรับก็ได้ ผู้ชายคนนี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าเลยแหละ เจ้าเล่ห์เพทุบายกว่าเย่ซือเฉินสักอีก
“เหนื่อยมากแล้วจริงๆใช่ไหม ผมเห็นมือคุณไม่มีแรง แม้แต่ขาก็ไม่มีแรง”ผู้ชายยังคงนั่งอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม ดวงตาดอกท้อคู่งามไป๋หยูหนิงที่นั่งติดพื้นอยู่ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ใบหน้าจริงใจ
หากไม่ใช่เวินลั่วฉิงมองทะลุปรุโปร่งผู้ชายคนนี้หมดแล้ว เกรงว่าคงถูกความไร้เดียงสาความจริงใจของเขาหลอกสักแล้ว
เพียงแต่ได้ยินคำพูดของผู้ชาย เวินลั่วฉิงก็กระตุกมุมปาก มือไม่มีแรง?ขาไม่มีแรง?
คนนี้มีเทคนิคการพูดไม่ธรรมดาจริงๆ!!
ใบหน้าไป๋หยูหนิงแดงก่ำทันที ไม่รู้เป็นเพราะเขินอายหรือรู้สึกอึดอัดใจ:“ฉันไม่เหนื่อย”
ไป๋หยูหนิงโต้กลับด้วยจิตใต้สำนึก เพียงแต่ระดับเสียงยังคงเบาจนฟังไม่ชัดเจน
ไป๋หยูหนิงในตอนนี้ไม่ได้พูดฉอดๆเหมือนปกติเลย
“เฮ้อ”ครั้งนี้ผู้ชายไม่ได้พูดอะไร แค่ถอนหายใจเบาๆ ซึ่งการถอนหายใจครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดผันเปลี่ยน อัดแน่นไปด้วยความรู้สึก
ดวงตาเวินลั่วฉิงเปล่งประกายวาววับ เธอเคยเห็นผู้ชายแหย่สาว แต่กลับเพิ่งเห็นผู้ชายที่แหย่เก่งขนาดนี้เป็นครั้งแรก แค่ถอนหายใจเบาๆจำเป็นต้องแสดงถึงเพียงนี้ไหม?