ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 940 เด็กชนะคนแก่ตระกูลเย่อย่างขาดลอย ช่างตื่นตาตื่นใจโดยแท้ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 940 เด็กชนะคนแก่ตระกูลเย่อย่างขาดลอย ช่างตื่นตาตื่นใจโดยแท้ (3)
ดังนั้นเวลานี้คุณปู่เย่เป็นกังวล จึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนคำเอง ซึ่งเดิมทีเขาก็คิดจะทำอย่างนี้อยู่แล้ว
“ไม่ต้องแล้ว ลูกสาวของผมไม่รบกวนผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสองหรอก”ความหมายของเย่ซือเฉินคือจะแบ่งขอบเขตกับตระกูลเย่อย่างชัดเจน
“เย่ซือเฉิน นายเป็นลูกหลานตระกูลเย่ ฉันเป็นปู่ของนาย นายพูดอย่างนี้กับผู้ใหญ่เหรอ……”คุณปู่เย่บันดาลโทสะ โกรธจนเกือบกระอักเลือดออกมา
“ซือเฉิน ฉันเป็นย่านะ ย่ากับปู่ทำอย่างนั้นก็เพื่อหลานนะ ไม่ใช่พวกเรายอมรับเวินลั่วฉิงไม่ได้ เพียงแต่มันเชื่อมโยงถึงตระกูลเย่ในอนาคต ต่อบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย อีกหน่อยหลานต้องรู้ความหวังดีของพวกเราใแน่นอน”คุณย่าเย่เห็นสถานการณ์เริ่มไม่เข้าท่า จึงรีบออกมาเคลียร์ แน่นอนคุณย่าเย่ใช้มีดอ่อนจนถนัดแล้ว
เย่ซือเฉินที่อยู่ในสายแม้แต่เสียงหัวเราะก็คร้านจะให้แล้ว อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับคนแก่ทั้งสองท่านแล้ว สำหรับพวกท่านมีแต่ผลประโยชน์ ไม่มีทางคิดเพื่อเขาอย่างจริงใจเลยสักครั้ง
เมื่อก่อนเพราะเวินลั่วฉิงมีลูกไม่ได้ พวกท่านจึงตามบีบเค้นให้เวินลั่วฉิงเลิกกับเขา ตอนนี้พวกท่านรู้ว่าเวินลั่วฉิงมีลูกสาวแล้ว ท่าทางพวกท่านยังไม่เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงฝืนใจเขาอยู่ร่ำไป!
ใช่ พวกท่านกำลังบีบบังคับเขา!
“เย่ซือเฉิน ฉันขอบอกนายเลยนะ บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมอบให้เด็กผู้หญิงไม่ได้”คุณปู่เย่ยังไม่หายโกรธ สิ่งที่ท่านกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องนี้
“ตอนนี้บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปอยู่ในมือของผม ผมจะให้ใครก็ไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคุณปู่เย่”ความหวังสุดท้ายที่เย่ซือเฉินมีต่อพวกท่านก็ถูกพวกท่านทำลายทิ้งแล้ว หรือเขาไม่ควรตั้งความหวังกับพวกท่านตั้งแต่แรก
“ผมมอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ลูกสาวก็ยิ่งไม่ต้องการความยินยอมจากคุณปู่เย่เลย”ทันใดนั้นท่าทางของเย่ซือเฉินเย็นยะเยือกกะทันหัน แน่นอน เขาไม่เพียงแต่พูดแค่ปาก แต่ทำได้จริงๆ
“เย่ซือเฉิน ถ้านายทำตัวเหลวไหล ฉันจะเอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคืน ตระกูลเย่ของพวกเราก็ไม่ได้มีหลานชายเพียงคนเดียว”ใบหน้าคุณปู่เย่มีความโหดร้ายหลายส่วน เขาไม่มีทางปล่อยให้เย่ซือเฉินทำแบบนั้นเด็ดขาด เขายังมีหลานชายอีกคน ถึงแม้เย่ซือฉุนจะไม่ได้เรื่องก็ตาม
แต่อย่างน้อยๆเย่ซือฉุนก็สามารถมีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูลให้พวกเขาได้ มากสุดก็แค่รอให้เย่ซือฉุนคลอดลูกชายแล้ว ท่านมาชุบเลี้ยงเอง ฝึกฝนทักษะเอง จากนั้นก็ให้สานงานในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปต่อ
“ตระกูลเย่ของพวกเราก็ไม่ใช้ต้องมีแต่นายเท่านั้น”คุณปู่เย่เกิดความคิดอื่น ดังนั้นจึงพูดคำแรงๆออกไป
ถึงแม้เย่ซือเฉินไม่ได้หวังจะได้รับไออุ่นรักจากครอบครัวอีก แต่ได้ยินคุณปู่เย่พูดเช่นนี้หัวใจก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างช่วยไม่ได้
ดังนั้น เขาเป็นตัวอะไรในตระกูลเย่?ตอนที่มีประโยชน์ก็กอบโกยอย่างเต็มที่ พอตอนนี้เขาไม่เชื่อฟังคุณปู่เย่ เขาก็โดนขับไสไล่ส่งอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ายังมีครอบครัวอย่างนี้อยู่บนโลกนี้!
“งั้นท่านก็ลองดู”เย่ซือเฉินไม่เคยเห็นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปอยู่ในสายตา แต่ตอนนั้นเขาเพียรพยายามที่จะเอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็เป็นเพราะแม่ของเขา และสุดท้ายได้ครอบครองบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปโดยมีภรรยาของเขาช่วยเหลือ
ตอนนี้คุณปู่เย่ข่มขู่เขา อยากไล่เขาออกไป ยิ่งไปกว่านั้นยังอยากเอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมอบให้กับสองแม่ลูกนั่น?
คิดว่าเย่ซือเฉินอย่างเขาอ่อนแอนักหรือ?!
เมื่อก่อนเขาไม่ได้เอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมาครอบครองโดยตรง ไม่ใช่เขาไม่มีฝีมือ ไม่ใช่เขาไม่มีเล่ห์กล ไม่มีอะไรที่เย่ซือเฉินอย่างเขาทำไม่ได้
สาเหตุที่เมื่อก่อนเขาไม่ใช่ไม้แข็ง เพราะเขาคำนึกถึงคำว่าครอบครัว
แต่ตอนนี้ท่านทั้งสองทำลายความรู้สึกอันน้อยนิดนั้นทิ้งหมดแล้ว
ความรักของครอบครัว?พวกท่านไม่เคยมีเลย
แม่เขาในอดีตไม่ได้ผิดอะไรเลย แม่ของเขาเป็นฝ่ายถูกทำร้ายแท้ๆ แม่ของเขาช่วยตระกูลเย่แบกรับแทน ช่วยเย่โป๋เหวินแบกรับแทนแท้ๆ
แต่ในเวลาที่คุณแม่เขาลำบากที่สุด ไร้ที่พึ่งพิงที่สุด อนาถที่สุด ตระกูลเย่กลับขับไล่คุณแม่ออกไป
คุณปู่เย่ยังบังคับแม้กระทั่งให้คุณแม่รับปากว่าจะไม่เจอหน้าเขาอีก ทำให้คุณแม่กับเขาต้องพลัดพรากจากกัน
เรื่องโหดเหี้ยมปานนั้น คุณปู่เย่กลับทำได้อย่างไม่ละอายใจ โดยที่รู้สึกถูกต้องมีเหตุผล
ตอนนั้นเขาอายุเพียงเก้าขวบ ตอนนั้นเขาช่วยคุณแม่ไม่ได้ เพราะเขาต่อต้านตระกูลเย่ไม่ไหว ต่อต้านคุณปู่เย่ไม่ไหว
ต่อมาเมื่อเขามีอำนาจความสามารถก็รีบไปหาคุณแม่ทันที คุณแม่บอกเขาว่าอย่าโกรธ อย่าแค้น คุณแม่หวังให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่อยู่ในบ้านตระกูลเย่ เขาจะมีความสุขได้หรือ?
“ท่านลองดูสิ ถึงมือผมแล้ว ท่านจะเอาคืนได้ไหม”ไม่มีความรู้สึกของคนในครอบครัวหลงเหลืออยู่ เย่ซือเฉินรู้สึกว่าตนไม่มีอะไรให้เป็นห่วงอีกแล้ว
เขาไม่ใช่อยากได้บริษัทตระกูลเย่จนตัวสั่น แต่ถึงจะบริจาคบริษัทตระกูลเย่ทั้งหมดเป็นการกุศล เขาก็ไม่มีทางให้คนพวกนี้
ความเจริญรุ่งเรืองในตอนนั้นเป็นผลงานของคุณแม่เขา ตอนที่คุณแม่แต่งเข้ามา บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปยังเป็นบริษัทเล็กๆอยู่เลย ซึ่งคุณแม่เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน สินเดิมของคุณแม่ที่นำเข้าบ้านตระกูลเย่นั้นมีไม่น้อย โดยแต่ละอย่างล้วนเป็นของล้ำค่าที่สืบทอดกันมาของตระกูลเมิ่ง
ตระกูลเย่เอาสินเดิมของคุณแม่ไปขายเป็นเงิน แล้วใช้มาขยายบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ซึ่งการพัฒนาของบริษัทในขณะนั้นส่วนมากจะเป็นไอเดียของคุณแม่ทั้งหมด
นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาจะเอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปกลับคืนมาเพื่อคุณแม่ของเขา
และเวลาต่อมา บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นด้วยฝีมือของเขา
ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นในตระกูลเย่มากนัก
เมื่อก่อนคุณแม่บอกเขาไม่ให้โกรธไม่ให้เกลียด เขาไม่ติดใจพวกท่านได้ แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้พวกท่านมารังแกข่มเหงภรรยากับลูกสาวเด็ดขาด
“เย่ซือเฉิน นายหมายความว่ายังไง?นายอยากทำอะไร?”คุณปู่เย่ตกใจ คาดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะทำอย่างนี้กับท่าน
“เมื่อกี้ผมพูดแล้ว ผมจะเอาหุ้นส่วนทั้งหมดในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมอบให้ลูกสาวของผม คุณปู่เย่ลองดูได้ว่าจะห้ามผมได้หรือเปล่า”อะไรที่เย่ซือเฉินตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด เขาบอกจะมอบให้เจ้าหญิงน้อย งั้นก็จะให้จริงๆ ไม่ใช้แค่พูดเอาใจเจ้าหญิงน้อยของเขาเล่นๆ
เรื่องนี้ใครก็ขัดไม่ได้
“เย่ซือเฉิน นาย นาย นายจะทำให้ฉันโกรธตายเหรอ?”คุณปู่เย่อยากพูดคำรุนแรง อยากข่มขู่เย่ซือเฉิน แต่ความจริงเขารู้ความสามารถของเย่ซือเฉินดี
อย่าว่าแต่ท่านมอบหุ้นส่วนของตนให้เย่ซือเฉินเลย ลำพังที่เย่ซือเฉินมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็เกินร้อยละห้าสิบแล้ว ถึงแม้ท่านจะไม่เอาส่วนของท่านให้เย่ซือเฉิน
หากเย่ซือเฉินอยากได้บริษัทตระกูลเย่ขึ้นมาก็ไม่มีใครขัดขวางได้
เป็นเพราะเข้าใจจุดนี้ดี บัดนี้คุณปู่เย่จึงร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
เย่ซือเฉินหัวเราะเสียงเย็น ทำให้ท่านโกรธตาย เวลาด่าเขายังเสียงดังขนาดนี้ จะโกรธตายง่ายๆเหรอ?
เย่ซือเฉินไม่อยากพูดมากกับคุณปู่เย่แล้ว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าหญิงน้อยยังอยู่ในห้องทำงานของเขา น้ำเสียงก็อ่อนโยนทันที:“จื่อซีสุดที่รักของพ่อ หนูรอพ่อเดี๋ยวนะ พ่อจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณพ่อทำงานเลยค่ะ ไม่ต้องรีบกลับมา หนูมีคนขับรถส่งมา หนูกลับเองได้ค่ะ”ถังจื่อซีเป็นคนรู้ความ เธอฟังออกว่าคุณพ่อมีธุระสำคัญอยู่
ตอนนี้เธอมั่นใจว่าคุณพ่อไม่ได้โกรธเธอ อย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เย่ซือเฉินหัวเราะเบาๆ เจ้าหญิงน้อยของเขาช่างเข้าอกเข้าใจเขาจริงๆ แต่เมื่อเขามอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ถังจื่อซี เวินลั่วฉิงก็ต้องรู้แน่ๆ ถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าเธอจะตอบสนองเช่นไร?
เวลาเดียวกัน คุณชายหานถือผลตรวจดีเอ็นเอเข้าห้องของลุงเหลียง ก่อนจะยื่นผลตรวจไปยังด้านหน้าลุงเหลียง:“ผลตรวจออกมาแล้วครับ ท่านดูเองเลยครับ”