ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 968 เทพธิดาเวินออกโรง เปิดเผยความจริง (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 968 เทพธิดาเวินออกโรง เปิดเผยความจริง (1)
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เด็กหญิง เพื่อรอคำตอบจากเด็กหญิง
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้สำหรับเด็กอายุสิบกว่าปีนั้นมันเป็นเรื่องที่โหดร้าย และไร้มนุษยธรรม
เพราะฉะนั้นเด็กหญิงจึงหวังมากกว่าใครๆอยากที่จะนำตัวคนชั่วที่ทำร้ายเธอมาลงโทษให้ได้
และเกือบทุกคนที่ดูการถ่ายทอดสดต่างก็คิดว่าเด็กหญิงน่าจะสนับสนุนแนวทางวิธีการของแม่เธอ
“คุณไปซะ คุณเป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่อยากเห็นหน้าคุณ” แต่แล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ จู่ๆเด็กหญิงก็กระโดดลงจากเตียง แล้วตรงมายังคุณหลิว จากนั้นก็ผลักเธอออกอย่างแรง
เด็กหญิงยังมีแผลที่ร่างกาย จู่ๆก็กระโดดลงมาแบบนี้ คงกระทบกระเทือนกับบาดแผลที่มีอยู่ไม่น้อย และหลังจากที่ผลักคุณหลิวแล้วเด็กหญิงก็ล้มลงไปบนเตียง
ทุกคนต่างตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้ ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าเด็กหญิงจะมีพฤติกรรมแบบนี้ !!
“เสี่ยวยวี่ หนู หนูเป็นอะไรไป ?” คุณหลิวที่ถูกลูกสาวผลัก เพราะเด็กหญิงผลักเธอจากเตียง และแรงที่ใช้ก็มีอยู่มาก จนคุณหลิวเซถอยหลังไปหลายก้าว
คุณหลิวมองดูลูกสาวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง สีหน้าเจ็บปวด:“เสี่ยวยวี่ หนูเองก็รู้ว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งหนูไว้แล้วไม่สนใจ แม่อยากจะพาหนูไปด้วย และมีหลายครั้งที่แม่อยากจะพาหนูหนีไปด้วยกัน ……”
“คุณทิ้งหนูไว้ คุณเป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”เสี่ยวยวี่ล้มลงกับพื้น อาจเพราะเจ็บที่แผล เด็กหญิงไม่ได้กระโดดขึ้นมาอีก แต่สายตาที่เธอมองมาที่คุณหลิวนั้น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เสี่ยวยวี่ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งหนูเอาไว้ เพราะพ่อหนูทำร้ายเรา แม่เองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นแม่อยากจะพาหนูหนีไปด้วยกัน แต่พ่อขู่แม่เอาไว้ ว่าจะฆ่าหนู แม่จึงต้องหนีไปก่อน อยากจะหาโอกาสที่จะมาพาหนูหนีไปอย่างเงียบๆ……”ร่างของคุณหลิวเห็นได้ชัดว่ากำลังสั่นไหว คงเพราะเสียใจกับความเกลียดชังของลูกสาว
“พ่อทุบตีคุณเพราะคุณมันเลว มันเป็นความผิดของคุณ ไม่ใช่ความผิดของพ่อ”เด็กหญิงพูดขัดคุณหลิวขึ้นมาทันที และคำพูดของเด็กหญิงก็สร้างความสงสัยให้กับผู้คนไม่น้อย
“เสี่ยวยวี่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดของแม่ มันไม่ใช่ความผิดของแม่จริงๆ” คุณหลิวส่ายหัวไปมา เธอก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าไปใกล้เตียงนอน อยากจะดึงร่างลูกสาวเข้ามา
แต่เด็กหญิงกลับสะบัดมือเธอออก ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง :“ มันเป็นความผิดของคุณ เพราะคุณมีชู้ พ่อถึงได้ทุบตีคุณ มันเป็นความผิดของคุณ คุณเป็นผู้หญิงที่หน้าไม่อาย ”
คำพูดของเด็กหญิงสร้างความแปลกใจขึ้นมาอีกครั้ง และที่เด็กหญิงด่าทอแม่ตัวเองนั้นก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก
“ไม่นะ แม่ไม่เคย หนูต้องเชื่อแม่นะ นั่นเป็นเรื่องที่พ่อพูดเหลวไหล แม่ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อพ่อ และยิ่งไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อลูก ”ร่างของคุณหลิวสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้จะสะเทือนใจมาก แต่เธอก็ยังพยายามที่จะอธิบายให้ได้มากที่สุด
“ยังไงหนูก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณ คุณรีบไปซะ เรื่องของหนูคุณก็ไม่ต้องยุ่ง ” เด็กหญิงไม่ฟังคำอธิบายของแม่ และเริ่มออกปากไล่คุณหลิวเช่นเดียวกับคนเป็นพ่อ
“เสี่ยวยวี่ แม่มาเพื่อช่วยหนูนะ แม่มาช่วยหนูจริงๆ หนูต้องเชื่อแม่ ” คุณหลิวไม่คิดว่าลูกสาวจะออกปากไล่ตัวเอง ท่าทีก็ยิ่ง เจ็บปวดมากขึ้น
“ก็หนูบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมายุ่ง เรื่องของหนูพ่อจะจัดการเอง คุณไม่ต้องห่วง คุณไปซะ รีบไปเลย” เด็กหญิงในตอนนี้ไม่ฟังคำอธิบายใดๆ จากแม่ของเธอ เอาแต่ไล่คุณหลิวให้ไปพ้นๆเท่านั้น
“ตอนนี้เธอก็เห็นแล้ว ว่าลูกไม่ต้องการให้เธอเข้ามายุ่ง เธอยังไม่รีบไปอีก ” หลี่หมิงตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้น และออกปากไล่แม่ของเด็กพร้อมกับลูกสาว
“หลี่หมิง คุณพูดอะไรกับลูก ? คุณพูดโกหกลูกได้ยังไง ? ” คุณหลิวหันไปหาหลี่หมิง ดวงตาแดงก่ำ
“ฉันก็แค่พูดความจริง และลูกก็โตแล้ว รู้ความแล้ว เธอรู้เรื่องดี และเธอก็แยกแยะได้ว่าใครดีใครเลว ” หลี่หมิงแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ และมีท่าทีที่พึงพอใจ
“ตอนนี้ลูกไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวาย เพราะฉะนั้นเธอพาคนที่มาด้วยกลับไปซะ อย่าพูดเหลวไหลมากไปกว่านี้ ”หลี่หมิงได้รับการหนุนจากลูกสาว คราวนี้จึงได้เอ่ยปากไล่อย่างเต็มปากเต็มคำ
“เสี่ยวยวี่ ฟังแม่นะ แม่หวังดีกับลูก และอยากจะช่วยลูกจริงๆ……”คุณหลิวเข้าใจดีว่าเรื่องที่ผ่านมาจะพูดกันตอนนี้ก็คงจะเข้าใจยาก ยังไม่อยากที่จะพูดในตอนนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้เธอจะทำเป็นไม่สนใจมันไม่ได้
“หนูเชื่อพ่อ ไม่เชื่อคุณ คุณพาคนของคุณกลับไปเถอะ”เด็กหญิงก็พูดขัดแม่ตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับหลี่หมิง
เด็กหญิงหันไปหาเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติ :“หนูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ หนูไม่เชื่อพวกคุณ พ่อพูดถูก พวกคุณไม่ได้ช่วยหนูอย่างจริงใจ พวกคุณช่วยคนเลวมาทำร้ายหนู”
“หนูน้อย ฟังฉันนะ พวกเรามีหน้าที่ให้ความคุ้มครองสตรีและเด็ก ช่วยเหลือเด็กแบบหนู เราไม่มีทางช่วยคนเลวแน่นอน”เจ้าหน้าที่โจวเท่อไม่คิดว่าเด็กหญิงจะปฏิเสธพวกเขาแบบนี้
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ไม่รู้ว่าเด็กหญิงได้รับอิทธิพลมาจากพ่อของเธอหรือเปล่า ?
ความคิดของเด็กนั้นมักจะถูกชักจูงจากผู้ใหญ่ได้ง่าย เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่โจวเท่อคิดว่าเขาต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ ไม่ให้เด็กต้องเข้าใจผิดได้อย่างเด็ดขาด
“พวกคุณไปเถอะ หนูไม่เชื่อพวกคุณ หนูไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกคุณ ไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกคุณ ”เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงไม่ฟังคำอธิบายอะไรเลย
เด็กหญิงครุ่นคิด จากนั้นก็หันไปหานักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์ว่า :“หนูไม่เชื่อพวกเขา และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถมายุ่งวุ่นวายเรื่องของหนูได้ ? หนูไล่พวกเขาไปได้ใช่ไหมคะ ? ”
นักข่าวตะลึง และมองเด็กหญิงด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านักข่าวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหญิงถึงต้องทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าเด็กหญิงคิดอะไรอยู่
แต่หาก เด็กหญิงยืนกรานที่จะไม่ให้มูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติเข้ามาช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิก็คงจะไม่ดันทุรังที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เพราะเด็กหญิงคือผู้เสียหาย แม้ว่าเด็กหญิงจะอายุยังน้อย แต่ในตอนนี้เด็กหญิงมีท่าทียืนกรานที่หนักแน่นมาก
เพราะฉะนั้นในกรณีแบบนี้ ต่อให้แม่ของเด็กจะขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติ และตัวเด็กหญิงเองก็ไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติก็ไม่สามารถจะบังคับได้
“หากหนูไม่ยินยอม โดยหลักแล้วพวกเขาก็บังคับไม่ได้” แม้นักข่าวจะไม่เข้าใจว่าเด็กหญิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในฐานะนักข่าว ก็ต้องพูดความจริง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กน้อยก็ตาม เขาก็โกหกไม่ได้เช่นกัน