ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่373 คุณชายสามเย่ ภรรยาของคุณกำลังจะไปแล้ว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่373 คุณชายสามเย่ ภรรยาของคุณกำลังจะไปแล้ว (1)
บทที่373 คุณชายสามเย่ ภรรยาของคุณกำลังจะไปแล้ว (1)
งั้นต่อไป เธอก็จะสามารถพิจารณาและดำเนินการเรื่องหย่าได้แล้วใช่ไหม?
อันที่จริงก่อนหน้านี้เธอหยิบข้อตกลงการแต่งงานระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินมาด้วย คิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์ แต่ว่าเรื่องราวกลับราบรื่นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องหยิบสัญญานั้นออกมา
“เธอสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?” เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงไม่ตอบคุณปู่เย่ก็ยิ่งร้อนใจ
เวินลั่วฉิงจึงได้เงยหน้ามองคุณปู่เย่ เมื่อเห็นสีหน้าของคุณปู่เย่ดูร้อนใจ เธอแอบขำอยู่ในใจแต่ก็ยังตอบกลับไป: “ได้ค่ะ”
เดิมทีเรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างเธอกับเย่ซือเฉิน ทุกอย่างก่อนหน้านี้คือความตึงเครียดที่เธอจงใจสร้างขึ้นสำหรับคุณปู่เย่ เย่ซือเฉินไม่ใช่ว่าจะไม่อยากได้บริษัทตระกูลเย่กรุ้ป
ดังนั้นไม่มีปัญหาแน่ รับรองว่าไม่มีปัญหา
เวินลั่วฉิงเก็บเอกสารและคิดในใจ รอเย่ซือเฉินกลับมาจะได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
ทันทีที่เวินลั่วฉิงออกมาจากห้องหนังสือโทรศัพท์ของเธอก็ดังเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเธอก็ตกตะลึงและรีบรับสาย
“ฉิงฉิง ตอนนี้เธอสะดวกรึเปล่า?” น้ำเสียงของเยว่หงหลิงฟังดูร้อนใจเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ?” เวินลั่วฉิงกำมือโทรศัพท์มือถือแน่น จู่ ๆ ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
“จื่อโม่ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล เป็นไส้ติ่งอักเสบ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรเพียงแต่ว่าจื่อโม่ยังเด็ก ตอนนี้เลยหวังว่าเธอจะอยู่ข้าง ๆ เขาได้ เธอลองดูว่าจะกลับมาสักรอบได้ไหม?” เยว่หงหลิงรู้สถานการณ์ของเวินลั่วฉิงดี แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยป่วยเธอก็รู้สึกปวดใจ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะโทรหาไปหาเวินลั่วฉิง
“ได้ ฉันจะรีบกลับ” เวินลั่วฉิงตอบรับทันทีมือที่กำโทรศัพท์มือถือแน่นขึ้นกว่าเดิม เจ้าเด็กน้อยจื่อโม่เข้าโรงพยาบาล เธอจะต้องกลับไปอยู่แล้ว เธอต้องรีบกลับไปทันที
“เธอไม่ต้องรีบมากนะสถานการณ์ไม่ได้รุนแรง หมอบอกต้องตรวจดูก่อน ดูว่าต้องผ่าตัดหรือไม่ต้องผ่าตัด หากได้รับการรักษาอย่างระมัดระวังการอักเสบอาจลดลงได้ ไม่ต้องผ่าตัด เขายังเด็กอยู่ถ้าไม่ผ่าตัดได้ก็จะไม่ผ่า” เยว่หงหลิงกลัวว่าเวินลั่วฉิงจะเป็นกังวลมากเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะอธิบายก่อน
หลังจากวางสาย เวินลั่วฉิงเร่งฝีเท้าเดินออกไปข้างนอก ในขณะที่เดินก็ใช้โทรศัพท์มือถือหาตั๋วเครื่องบินไปด้วย
วันนี้ยังมีตั๋วเครื่องบินจากเมือง A ถึงประเทศ M เหลืออยู่ ไฟล์ทช่วงห้าโมงเย็นตอนนี้ยังไม่ถึงเที่ยงยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมง แต่เวินลั่วฉิงไม่มีหนทางอื่น ทำได้เพียงจองตั๋ว
เวินลั่วฉิงเดินทางออกจากบ้านของตระกูลเย่โดยที่ยังไม่สามารถทำจิตใจให้สงบลงได้ เธอปลอบใจตัวเองอยู่ตลอดว่าจื่อโม่จะไม่เป็นอะไร ไส้ติ่งอักเสบเป็นการผ่าตัดเล็ก ยิ่งกว่านั้นไม่แน่ว่าอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แม่เคยบอกว่าตอนเธอเด็ก ๆ ก็เคยเป็นไส้ติ่งอักเสบ ในตอนนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างระมัดระวังและเธอไม่เคยมีอีกเลยหลังจากผ่านไปหลายปี
แต่ไม่ว่าจะปลอบใจตัวเองแค่ไหนเธอก็อดที่จะเป็นกังวลและเจ็บปวดใจไม่ได้ เพียงแต่ว่าไม่ได้ไม่สบายใจเหมือนเมื่อครู่แล้ว
ในตอนนี้เองโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีก เมื่อเวินลั่วฉิงเห็นว่าเป็นสายของเย่ซือเฉินเธอก็นิ่งไปเล็กน้อย
เย่ซือเฉินโทรหาเธอตอนนี้เพราะรู้ว่าเธอช่วยให้เขาได้มาซึ่งหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปงั้นเหรอ? เวินลั่วฉิงคิดว่ามีความเป็นไปได้
จากความสามารถของเย่ซือเฉิน ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขาอยากรู้ก็ต้องรู้ให้ได้
เวินลั่วฉิงคิด เขารู้แล้วแล้วโทรหาเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรบ้าง?
แต่ว่าการช่วยให้เขาได้มาซึ่งบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจและรับสายอย่างรวดเร็ว: “ฮัลโหล”
เสียงของเธอแผ่วเบาอารมณ์ของเธอในตอนนี้สงบลงแล้วและไม่มีอะไรผิดปกติ
เดิมทีเวินลั่วฉิงอยากจะรอให้เขากลับมาก่อนแล้วค่อยบอกข่าวดี แน่นอนว่าถ้าเขารู้ในตอนนี้ก็คงยินดีเหมือนกัน
ตอนนี้จื่อโม่ป่วยเธอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนจื่อโม่ ยังไมรู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ เวินลั่วฉิงคิดว่าควรจะต้องอธิบายให้เขาฟัง
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เวินลั่วฉิงจะเอ่ยปาก เสียงของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมา: “ฉิงฉิง ตอนนี้คุณช่วยไปที่บริษัทในตู้เซฟผมมีแฟลชไดรฟ์ คุณช่วยส่งข้อมูลภายในนั้นให้ผมที”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเย่ซือเฉินจะนิ่งแต่เวินลั่วฉิงก็ฟังออกว่าเขากำลังรีบ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้เธอไป ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วตอบรับ: “ค่ะ”
“ผมส่งอีเมล์ไปที่โทรศัพท์ของคุณ คุณทำเสร็จแล้วโทรบอกผมด้วย” เย่ซือเฉินบอกกับเธอช้า ๆ
“ค่ะ” เวินลั่วฉิงกะพริบตาแล้วตอบรับเบา ๆ
“ไม่ต้องรีบนะ ระหว่างทางก็ระวังด้วย” เย่ซือเฉินสั่งการเบา ๆ ขึ้นมาอีก
“ค่ะ” เดิมทีที่เวินลั่วฉิงคิดว่าเย่ซือเฉินกำลังรีบมาก แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ จึงรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้รีบมาก
“ไม่เจอแค่ครึ่งวัน กลายเป็นเด็กดีขนาดนี้แล้วเหรอ? ถ้าทุกคืนคุณเป็นเด็กดีแบบนี้ก็ดีสิ” เสียงหัวเราะที่คลุมเครือของเย่ซือเฉินดังออกมาจากโทรศัพท์
เวินลั่วฉิง: “…”
เมื่อครู่เธอคิดว่าเขากำลังรีบร้อนได้ยังไงนะ? เหลวไหลสิ้นดี
คนคนนี้ขนาดในโทรศัพท์ก็ยังไม่ลืมจะลวนลามเธอ!
เมื่อคิดถึงว่าเขาช่างโหดร้ายและพยายามทรมานเธออยู่ทุกคืน เวินลั่วฉิงรีบวางสายและไม่อยากจะสนใจเขาอีก
อีกฟากหนึ่ง เย่ซือเฉินมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายทิ้งแล้วมุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเสี่ยวลิ่วจื่อ เห็นรอยยิ้มของเจ้านายของตนเอง ราวกับได้เห็นสัตว์ประหลาด ในสถาการณ์แบบนี้อีกนิดเดียวฝ่ายตรงข้ามก็จะเอาปืนจ่อหัวพวกเขาอยู่แล้ว
เจ้านายของเขายังมีอารมณ์หยอกเอินกับผู้หญิง แถมยังยิ้มได้อยู่อีก?
แต่ว่าเสี่ยวลิ่วจื่อ เองก็รู้ มีเจ้านายอยู่ไม่มีทางมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีพวกเยอะดูแล้วน่ากลัวแต่พวกเขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเจ้านายแน่
คนพวกนี้ก็เพียงต้องการอะไรบางอย่างจากเจ้านายเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้ที่จับพวกเขา เจ้านายจะไม่มีทางนั่งอยู่ที่นี่และเจรจากับพวกเขา
ดังนั้นจึงไม่มีใครจะห้ามไม่ให้เจ้านายพูดคุยหยอกล้อได้ แน่นอนว่าเสี่ยวลิ่วจื่อ รู้สึกว่าเจ้านายทำแบบนี้เป็นไปได้ไหมว่าไม่อยากจะให้ปลายสายได้ยินอะไรบางอย่าง ไม่อยากให้คนที่ปลายสายต้องเป็นกังวลใจ
เสี่ยวลิ่วจื่อ เดาถูกแล้ว! !
ที่จริงก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินได้ให้เลขาหลิวกลับเข้าไปทำเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่ว่าไฟล์ทของเลขาหลิวเกิดดีเลย์ คนของอีกฝ่ายจึงขู่ว่าหากไม่ได้ของจะฆ่าคนของพวกเขา
เย่ซือเฉินจึงต้องโทรหาเวินลั่วฉิง และเขาไม่อยากให้เวินลั่วฉิงเป็นกังวลจริง ๆ
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เย่ซือเฉินมองข้ามไปหนึ่งเรื่อง เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะให้เลขาหลิวไปไกล ๆ เพราะไม่อยากให้เลขาหลิวเจอเวินลั่วฉิง! !