ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่401 คุณชายสามเย่ไ ด้เจอลูกสาวแล้ว(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่401 คุณชายสามเย่ไ ด้เจอลูกสาวแล้ว(1)
บทที่401 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว(1)
แต่ที่ทำให้เยซือเฉินแปลกใจคือ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ถังไป๋เชียนได้รับข่าวแล้วจนถึงตอนนี้ ทางด้านประเทศOกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลยสักนิด
แน่นอน ถังไป๋เชียนไม่เคลื่อนไหว เขาก็มีวิธีที่สามารถตรวจสอบเรื่องทั้งหมดได้เช่นกัน
บนรถ จู่ๆเสียงโทรศัพท์เย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมา เย่ซือเฉินมองดูแวบหนึ่ง แล้วหรี่ตาลง แต่ก็ยังรับโทรศัพท์
“พี่สาม คนที่ลงมือกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคือมู่หรงซือถูู”เมื่อรับโทรศัพท์ เสียงจี้หซีก็ลอยมา เสียงจี้หซีมีความผิดปกติไปจากเดิมเล็กน้อย
“อือ”เย่ซือเฉินตอบรับเสียงเบา ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“พี่สาม คือพี่ใช่ไหม พี่เป็นคนที่ให้มู่หรงซือถููมาลงมือจัดการกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปใช่ไหม “คำพูดนี้ของจี้หซี ถึงแม้จะเป็นการสงสัย แต่แท้จริงแล้วในใจของเขามีคำตอบอยู่แล้ว
หลายปีก่อนมู่หรงซือถููเคยมีการปะทะกับพี่สามมาก่อน แต่เป็นไม่ตีกันไม่รู้จักกัน ต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างพี่สามกับมู่หรงซือถููนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่มู่หรงซือถููจะลงมือกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปอย่างไร้สาเหตุ
เพราะฉะนั้น ปฏิกิริยาการตอบสนองอย่างแรกตอนที่จี้หซีรู้ว่าเป็นคนมายุ่งกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นก็นึกได้เลยว่านี่อาจเป็นแผนของพี่สาม
“อือ”เย่ซือเฉินไม่ได้ปฏิเสธ ยอมรับตรงๆ น้ำเสียงยังคงแผ่วเบาเช่นเดิม
“พี่สาม ทำเพื่อเวิน……”จี้หซีนึกอยากจะพูดว่าเวินลั่วฉิง แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงคำเตือนพี่สามได้ เลยรีบพูดแก้ไขทันที “เป็นเพราะพี่สะใภ้สามใช่ไหมครับ”
ครั้งนี้ เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบ แต่จี้หซีรู้ว่าเขาเดาไม่ผิด
“พี่สาม ผมเคยดูสัญญาข้อตกลงของพวกพี่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมถึงเข้าใจว่าพี่คิดยังไง พี่คิดจะทำลายบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ย่อยยับ เพื่อไม่ให้บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นตกมาอยู่ในมือพี่ได้ตลอดไป งั้นข้อตกลงของพวกพี่นั้นพี่สะใภ้สามก็จะไม่สามารถทำสำเร็จได้อีก พี่สะใภ้สามก็ไม่สามารถหย่ากับพี่ได้”จี้หซีรู้จักเย่ซือเฉินเป็นอย่างดี ดังนั้นเพียงชั่วแวบหนึ่ง ก็สามารถคาดเดาความคิดของเย่ซือเฉินได้อย่างแม่นยำ
จี้หซีพูดเว้นจังหวะสักพัก จากนั้นก็เริ่มพูดต่อ “แต่ว่าพี่สาม พี่เคยคิดรึเปล่า ว่าถ้าหากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปไม่เหลือแล้ว งั้นเงื่อนไขที่พวกพี่ได้ตกลงกันในก่อนหน้า
นี้จะไม่มีอะไรแล้วสิ พี่สะใภ้สามยังจำเป็นต้องทำตามเงื่อนไขอะไรอีกเหรอครับ”
เย่ซือเฉินได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาก็ประกายแวววาวอย่างรวดเร็ว มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ก็กำแน่ขึ้นมาทันที
เงื่อนไขก่อนหน้านี้ไม่มีแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาแล้วเหรอ
“เพราะฉะนั้น ผมกลับรู้สึกว่า หากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปไม่มีแล้ว ตรงกันข้ามพี่สะใภ้สามจะยิ่งมีเหตุผลในการหย่ากับพี่นะครับ”จี้หซีรู้ดีว่าเย่ซือเฉินนั้นไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป และจี้หซียิ่งรู้ดี ว่าในปีนั้นที่คุณปู่เย่รวมไปถึงเย่โป๋เหวินเคยทำเรื่องร้ายแรงกับมารดาของเย่ซือเฉินไว้ เรื่องนั้นได้ทำสร้างบาดแผลที่ลึกมากไว้กับเย่ซือเฉิน
ดังนั้น สำหรับตระกูลเย่แล้วอันที่จริงเย่ซือเฉินจึงไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรมากมาย
แต่ ถึงยังไง เย่ซือเฉินก็เป็นคนในตระกูลเย่ หากคนอื่นรู้ว่าเป็นเย่ซือเฉินเองที่ทำลายตระกูลเย่กรุ้ป……
“เป็นไปได้เหรอ”สายตาเย่ซือเฉินกะพริบอย่างรวดเร็ว จู่ๆก็ถามประโยคแบบนี้ขึ้นมา ไม่พูดไม่ได้เลยว่าประโยคคำถามนี้ของเย่ซือเฉินนั้นมีความน่าเหลือเชื่อเล็กน้อย
“ผมคิดว่าเป็นไปได้”จี้หซีตะลึงเล็กน้อย มุมปากอดที่จะยิ้มออกเบาๆมาไม่ได้ พี่สามของเขาโดนความรักบังตาแล้วใช่ไหม ถึงได้ถามคำถามที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ออกมาได้
นี่ยังเป็นพี่สามคนนั้นที่เขารู้จักอยู่ใช่ไหม
“ฉันขอคิดดูก่อน”หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงความคิดแล้ว
“ได้ครับ”จี้หซีตอบรับอย่างรวดเร็ว ในใจกลับอึ้งเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พี่สามของเขาเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างง่ายดายเช่นนี้
พี่สามต้องการทำลายตระกูลเย่กรุ้ปให้ย่อยยับเป็นเพราะเวินลั่วฉิง อยากปล่อยตระกูลเย่กรุ้ปไปก็เพราะเวินลั่วฉิงเช่นกัน
และในตอนนี้ เวินลั่วฉิงก็ถึงเมืองAแล้ว ถึงสถานที่นัดหมายเรียบร้อย เธอจึงส่งข้อความให้กับอีกฝ่าย: ฉันถึงแล้วนะคะ”
“โอเค โอเค หัวหน้าพวกผมได้ออกไปรับคุณแล้วนะครับ คุณไม่เห็นเหรอครับ ” ฝั่งนั้นรีบตอบกลับทันที
เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางเธอ
ตอนที่เห็นอีกฝ่าย เวินลั่วฉิงก็นิ่งอึ้งไปทันที ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้างอย่างรวดเร็ว ทำไม
ทำไมถึงเป็นเขา
ที่คนนั้นบอกในข้อความว่าเป็นหัวหน้านั้นคือเขางั้นเหรอ เขามารับเธอด้วยตัวเองเหรอเนี่ย
และสภาพเธอในตอนนี้
เวินลั่วฉิงนิ่งอึ้งไปสักพัก โลกนี้ช่างเล็กมากจริงๆ
เวินลั่วฉิงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เธอได้ลบเมคอัพที่ปลอมตัวในเมืองAพวกนั้นออกไปหมดแล้ว เป็นหน้าตาที่แท้จริงทั้งหมด ซึ่งหน้าตาที่แท้จริงของเธอ คนในเมืองAไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน แม้แต่เย่ซือเฉิงก็ไม่เคยเห็น เพราะฉะนั้น คนๆนั้นก็คงจะจำเธอไม่ได้
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
คนๆนั้นก้าวเดินอย่างว่องไว ดังนั้น ทั้งสองจึงเผชิญหน้ากันอย่างรวดเร็ว
“คุณคือคุณถังหรอครับ”เล้งหรงจ้องมองเวินลั่วฉิง แววตาสลดลงเล็กน้อย และเสียงก็มีความเย็นชาเบาๆ เป็นน้ำเสียงเหินห่างราวกับไม่รู้จักกันเลยสักน้อย
เวินลั่วฉิงแอบหัวเราะในใจ ดูเหมือนเล้งหรงจะจำเธอไม่ได้จริงๆ
แน่นอน ใบหน้าเวินลั่วฉิงไม่เผยพิรุธอะไรออกมาทั้งสิ้น ใบหน้าเรียบเฉย พร้อมกับตอบอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ”
เพราะคนตรงหน้าคือเล้งหรง ตอนที่เธออยู่เมืองAเคยพูดคุยกับเล้งหรงอยู่หลายครั้ง ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงจงใจเปลี่ยนน้ำเสียงในการพูด
“ประวัติคุณเขียนไว้ว่าอายุสี่สิบเจ็ดนี่ครับ”ตอนนี้เล้งหรงไม่เพียงน้ำเสียงเหินห่าง แต่ท่าทางก็เข้มงวดเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาสงสัยเล็กน้อยว่าคนที่มาจะเป็นตัวปลอม
ตอนที่เขาพูดประโยคนี้นั้น ได้เงยหน้าไปมองเวินลั่วฉิงแวบหนึ่ง ตอนที่เห็นใบหน้าของเวินลั่วฉิง ไม่ตะลึงความงามเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเกิดความสงสัยเล็กน้อย
ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาแบบนี้เหรอจะมาช่วยเขาไขคดี
ข้างบนแน่ใจนะว่าไม่ได้กลั่นแกล้งเขา
“ที่ฉันลงไว้นั้นคือข้อมูลของแม่ฉันเองค่ะ ตอนแม่ฉันอายุห้าขวบถูกคนลักพาตัวไปขายที่หมู่บ้านซิงหู แม่ของฉันอยากตามหาญาติของตัวเองมาตลอด ดังนั้นฉันจึงทิ้งข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของพวกคุณ”นี่กลับเป็นครั้งแรกของเวินลั่วฉิงที่เพิ่งเคยเห็นด้านนี้ของเล้งหรง ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จริงจังขึ้นมาจะดูเคร่งขรึมมากขนาดนี้
แต่ว่า สำหรับท่าทีเช่นนี้ของเล้งหรงนั้นเธอกลับรู้สึกชื่นชม
จริงเวินลั่วฉิงไม่ชอบคนพวกที่เห็นเธอครั้งแรก ก็จ้องเธอไม่กะพริบอย่างนั้น
แต่เล้งหรงนั้นกลับไม่ได้สนใจที่จะจ้องมองเธออะไรมาก ซึ่งเป็นเพราะเช่นนี้เองเล้งหรงจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ
“เป็นแม่เธอที่รู้เรื่องอาชญาวิทยาใช่ไหม”เล้งหรงจ้องมองเธออีกครั้ง รู้สึกว่าวัยนี้ของเธอน่าจะรู้เรื่องพวกนั้นไม่ค่อยเยอะอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ไม่ค่ะ เป็นฉันเอง ฉันคือผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาค่ะ”เสียงเวินลั่วฉิงแผ่วเบา และนิ่งมาก แต่กลับพูดให้เข้าใจอย่างชัดเจน
หัวคิ้วเล้งหรงขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในชั่วแวบหนึ่ง ราวกับมีความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก
เขาไม่ใช่พวกที่ดูคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่อาจเป็นเพราะคนอื่นมีหน้าตาดีก็ดูถูกคนอื่น รู้สึกว่าคนอื่นไม่มีความสามารถจริงๆ
“เธอตามฉันเข้ามา”แต่ว่า ครั้งนี้เล้งหรงไม่หันไปมองเวินลั่วฉิงเลย ก็หมุนตัวเดินกลับไปทันที
แม้เล้งหรงไม่ใช่พวกที่มองคนจากภายนอก แต่สำหรับหญิงสาวที่อ่อนเยาว์มากๆ และสวยมากๆที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขาไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น