ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่421 คุณชายสามเย่โมโหแล้ว(4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่421 คุณชายสามเย่โมโหแล้ว(4)
บทที่421 คุณชายสามเย่โมโหแล้ว(4)
เขาก็แค่อยากให้เธอเรียกชื่อเขา เขาไม่ยอมให้เธอแกล้งทำเหมือนไม่รู้จักเขา
แต่ว่า เย่ซือเฉินนึกไม่ถึงเลยว่า ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังทนเอาไว้ได้ ผู้หญิงคนนี้ บางเวลาก็ไม่น่ารักเอาซะเลย
ร่างกายของเวินลั่วฉิงถอยไปด้านหลังอีกครั้ง พยายามเว้นระยะห่างกับเขา พอหันไปมองเขาอีกครั้ง ใบหน้าก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม มุมปากขยับเล็กน้อย เรายังช้าๆชัดๆทีละคำว่า:”คุณเย่คะ กรุณาช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ”
เมื่อเย่ซือเฉินเห็นว่าเธอสามารถทนเอาไว้ได้ ในใจก็รู้สึกผิดหวัง เมื่อเห็นท่าทีของเธอแบบนี้แล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกโมโห
เพราะฉะนั้น เขาก็ยังคงจับมือเธอไว้ ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ และยังต้องมองเธอ จงใจกล่าวว่า:”ถ้าผมไม่ปล่อยแล้วครับ?”
เวินลั่วฉิงรู้สึกหงุดหงิด ถ้าเขาไม่ปล่อยงั้นเหรอ?
ถ้าเขาไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรได้ล่ะ?
แรงของเธอ ไม่สามารถยื่นมือออกมาได้แน่ๆหากเขาไม่ยอมปล่อย เขาเมื่อกี้นี้เธอก็ได้ลองไปหลายครั้งแล้ว
สู้กับเขา? แน่นอนว่าเธอคงสู้ไม่ไหวเขาแน่ และมันก็ไม่เหมาะสมเลยในสถานที่แบบนี้
ด่าเขา? ก็ไม่ได้แน่ เธอด่าคนไม่เป็น รักเขาก็หน้าด้านมาก คำพูดที่ไม่น่าฟังทั่วไป มันไม่สะทกสะเทือนเขาเลยสักนิด
ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงพบว่า ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะหย่ากันแล้ว ระหว่างเธอกับเย่ซือเฉิน เธอก็ยังคงเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี
เวินลั่วฉิงจ้องมองเขา ไม่พูดอะไร เพราะว่าตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเธอยังพูดอะไรได้อีก
“คุณจ้องหน้าผมแบบนี้ ผมจะนึกว่าคุณชอบผมนะครับ”เย่ซือเฉินมองท่าทีของเธอในตอนนี้ ก็รู้สึกน่าสนใจเป็นพิเศษ
เธอดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็พยายามทนเอาไว้ เวลานี้เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธเขา แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย
ความรู้สึกแบบนี้เขาก็เคยมีต่อเธอเหมือนกัน
“หน้าหนาจริงๆเลย”เวินลั่วฉิงเป็นคนที่นิ่งมาตลอด โดยปกติแล้วเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ เธอจะไม่สนใจอะไรเลย ตามเวลานี้เมื่อได้ยินเย่ซือเฉินเป็นคนพูด เธอกลับพูดโต้กลับไปโดยอัตโนมัติ
“ไม่หนาเลยสักนิด ถ้าไม่งั้น คุณลองสัมผัสดูสิ”เย่ซือเฉินยิ้มเบาๆ เขาจับมือเธอไม่ปล่อยตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะที่เขาพูดคำนี้ ก็ยกมือของเธอขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังจะนำมือของเธอไปสัมผัสใบหน้าของเขา
เวินลั่วฉิงตะลึง ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน คนๆนี้ทำไมกลายเป็นคนไร้ยางอายแบบนี้?
ผิวหน้าหนาหรือไม่วันสามารถสัมผัสได้จริงๆเหรอ?
ไม่ นี่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือตอนนี้เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
เธอกับเขาได้หย่ากันแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ มันเหมาะสมเหรอที่ทำแบบนี้?
เย่ซือเฉินกำลังคิดอะไรกันแน่?
เวินลั่วฉิงพยายามดึงมือเธอกลับ แต่เย่ซือเฉินก็ไม่ยอมปล่อยสักที ทีแรกเวินลั่วฉิงยังคิดว่า เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ ไม่นึกเลยว่า จู่ๆเย่ซือเฉินก็ออกแรง ดึงมือของเธอไป จากนั้นก็นำมือสัมผัสใบหน้าของเขาตรงๆ
ในขณะนั้น ร่างกายของเวินลั่วฉิงแข็งคือไปหมด จู่ๆก็มีความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเลย
เย่ซือเฉินบ้าไปแล้ว นี่คือผลสรุปของเวินลั่วฉิงในตอนนี้
เธอคิดว่า เย่ซือเฉินต้องถูกอะไรกระทบกระเทือนแน่ๆ จากนั้นก็ถูกกระทบกระเทือนจนเป็นบ้าไปเลย ถ้าไม่งั้นคงไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ
ในขณะที่ เวินลั่วฉิงรู้สึกว่ากำลังถูกฟ้าผ่า แล้วรู้สึกว่ากำลังจะถูกฟ้าผ่าจนไหม้ไปหมดแล้วนั้น เย่ซือเฉินก็ได้จับมือเธอ ขยับไปมาบนใบหน้าของเขาหลายที นั่นก็หมายความว่า ให้เธอได้สัมผัสใบหน้าของเขาตรงๆหลายที
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ เวลานี้ กับแรงที่เขาจับมือเธอไว้นั้น เธอดิ้นไม่ออก แม้เวลานี้เธอจะไม่ยอมจับสัมผัสใบหน้าของเขาแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งในเวลานี้ในใจของเวินลั่วฉิงอัดอั้นไปด้วยความโมโห
“หนาเหรอ? ไม่หนาใช่ไหมล่ะ?ฉะนั้นต่อไปก็ไม่ควรใส่ร้ายผมนะ” เย่ซือเฉินยังคงจ้องมองเธอ มีรอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้า ซึ่งสีหน้าท่าทางของเย่ซือเฉินในตอนนี้ ดูเป็นทางการอย่างมาก
ในขณะนั้น เวินลั่วฉิงรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
แม่ง เธอชักอยากจะต่อยเขามากเลยต้องทำยังไงดีเนี่ย?
“คุณปล่อยฉันก่อน อยากเอาแต่มือไม้อยู่ไม่เป็นสุขเลื้อยไปทั่วแบบนี้สิ ได้มั้ย?”เวินลั่วฉิงถอนหายใจ พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลง และพยายามทำให้เสียงของตนฟังดูปกติเหมือนเวลาทั่วไป
ก็คิดว่า เย่ซือเฉินต้องโทรอะไรบางอย่างกระทบกระเทือนแน่ๆ เพราะฉะนั้นเวลานี้เธอจะไม่พูดกระเทือนอะไรเขาอีก มีเรื่องอะไร เธอค่อยๆเจรจากับเขาดีกว่า
“แต่ว่า ผมชอบแบบนี้อ่ะ”ใบหน้าของเย่ซือเฉินยิ่งยิ้มใหญ่เลย เขาให้เธอแกล้ง แกล้งทำเป็นอีกต่อ? เขาจะคอยดูว่าเธอจะสามารถแกล้งได้ถึงเมื่อไหร่กัน?
ไง? ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสภาพตัวจริง ก็แกล้งทำเหมือนไม่รู้จักเขางั้นหรอ?
เพราะอะไร?ทำไมเขาถึงไม่ได้ใจเธอ
เวินลั่วฉิงไอเบาๆทีนึง สำลักน้ำลายของตนเอง เอาเหอะ เวลานี้ เธอแน่ใจแล้วว่า เย่ซือเฉินต้องโดนอะไรที่ทำให้สะทกสะท้านแน่ๆ สมองของเขาในตอนนี้ถึงมีปัญหาแบบนี้
เขาถูกกระทบกระเทือนสมอง ก็ควรจะไปหาหมอสิ มารังควานเธอแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน ?
เธอยังมีเรื่องสำคัญต้องทำนะ
โทรศัพท์สามารถตีให้เขาสลบไป แล้วเรียกให้คนส่งเขาไปโรงพยาบาลได้ไหม?
เวลานี้ เวินลั่วฉิงมีความคิดแบบนี้จริงๆ แต่เสียดายที่เธอไม่มีความสามารถแบบนั้น
ความสามารถของเธอนั้น การจะตีให้เย่ซือเฉินสลบไป นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ผมยังชอบ……”เย่ซือเฉินจ้องมองหน้าเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆหายลับไป จู่ๆใบหน้าของเธอก็โน้มมาเข้าใกล้เธอ ในขณะที่เวินลั่วฉิงยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็จูบลงบนริมฝีปากของเธอทีนึงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็กล่าวเพิ่มอีกคำนึงด้วยความพึงพอใจว่า:”ผมยังชอบแบบนี้ด้วยครับ”
ในขณะที่เขาพูดคำนี้ ก็ทำท่าทีเม้มริมฝีปากราวกับว่ายังคงรู้สึกเคลิบเคลิ้มมาก
เวลานี้จู่ๆเวินลั่วฉิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะจูบเธอในสถานที่แบบนี้
เย่ซือเฉินป่วยจนหนักขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่ เขาไม่ได้ป่วย แววตาของเขาสดใส สมองความคิดก็ปกติดี ดูไม่เหมือนป่วยเลย
เขา เขาจงใจแกล้งชัดๆ เมื่อกี้นี้น้ำเข้าสมองเธอหรือไง ถึงได้คิดว่าเขาถูกอะไรกระทบกระเทือน จนป่วยหนัก
เมื่อกี้นี้เขากำลังฉวยโอกาสเธอชัดๆ ไอ้ผู้ชายบ้า ยิ่งอยู่ยิ่งอันตรายจริงๆ ยิ่งอยู่ยิ่งไร้ยางอาย
เวินลั่วฉิงถึงกับถอนหายใจทีนึง สายตาที่กำลังมองเย่ซือเฉินก็กลับดึกเล็กน้อย เธออยากรู้ว่า เย่ซือเฉินต้องการทำอะไรกันแน่?
เวินลั่วฉิงเพิ่งจะอยากปิดปากพูด
“ที่รัก ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ?” และทันใดนั้นเอง เสียงของถังไป๋เชียนก็ส่งมาทางนี้ ในขณะที่เวินลั่วฉิงหันหน้าไปมองตามทิศใต้สำนึกนั้น ก็ได้เห็นถังไป๋เชียนกลับมาแล้ว และได้เดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้ว
แล้วเมื่อกี้นี้เธอกลับไม่รู้สึกตัวเลย
ตอนนี้เธอมีภารกิจอยู่ ก่อนที่ลูกพี่จะไปก็ได้มอบภารกิจให้เธอ ว่าต้องสังเกตดีๆ แต่สุดท้ายล่ะ?
สุดท้ายรุ่นพี่กลับมาแล้ว โดนมายืนตรงหน้าเธอแล้ว เธอยังไม่รู้เลย แล้วเธอยังจะสังเกตอะไรได้อีกล่ะ?
เวินลั่วฉิงโอนไม่ได้ที่จะจ้องหน้าเย่ซือเฉิน ถ้าวันนี้เธอทำแผนของรุ่นพี่แตก เย่ซือเฉินก็คือคนตัวจริง
และเวลานี้ เย่ซือเฉินยังคงจับมือเธออยู่ ไม่เคยปล่อย