ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่468คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ(2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่468คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ(2)
บทที่468คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ(2)
“นั้นคุณลองว่ามาซิ คนเป็นแฟนควรจะเป็นอย่างไร?”คุณชายสามเย่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดง่ายมาก และไม่ได้ตามถามแบบไม่ยอมจบ แต่ตนเองเปลี่ยนเรื่องคุยเอง
“แม้ว่าจะเป็นแฟนกัน มันก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ด้วยกันทั้งวัน ว่ากันว่ายิ่งห่างไกล หัวใจยิ่งผูกพันกัน” คู่รักทุกคู่เข้ากันได้ไม่เหมือนกัน เวินลั่วฉิงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่ เธอรู้สึกว่าสามารถใช้หัวข้อนี้เพื่อทำให้คุณชายสามเย่เข้าใจความจริงของประโยคที่ว่ายิ่งห่างไกล หัวใจยิ่งผูกพัน
ใช่ ยิ่งห่างไกล หัวใจยิ่งผูกพัน ตอนนี้เธอกับคุณชายสามเย่เจอกันบ่อยจนเกินไปแล้ว!
“ยิ่งห่างไกล หัวใจยิ่งผูกพัน?เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เราหย่ากัน พอเอาเวลาในหนึ่งเดือนนั้นที่เราเจอกันมารวมๆกันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ เรายังห่างกันไม่พอเหรอ?”แต่คุณชายสามเย่ปิดกั้นคำพูดทั้งหมดของเวินลั่วฉิงโดยตรงด้วยประโยคเดียว
ริมฝีปากของเวินลั่วฉิงกระตุก กลับพูดไม่ออกเลย
“คุณปู่ยังอยู่โรงพยาบาล ฉันจะไปดูคุณปู่ ”เวินลั่วฉิงคิดว่า นี่ก็ไม่ได้ไปดูคุณปู่ทั้งวันแล้ว แม้ว่าตอนนี้คุณปู่จะหายดีแล้วก็ตาม แต่แบบนี้มันไม่ดีเลยที่คนเป็นหลานสาวอย่างเธอยังไม่ไปเยี่ยมคุณปู่
“อืม ผมส่งคุณไป ”ในครั้งนี้ เย่ซือเฉินไม่ได้คัดค้าน
เวินลั่วฉิงถอนหายใจอย่างลับๆ ในที่สุดวันนี้ก็จะได้ยุติลงสักทีสินะ?
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เย่ซือเฉินก็จอดรถ
เวินลั่วฉิงลงจากรถ เย่ซือเฉินก็ลงจากรถตาม เวินลั่วฉิงเดินไปที่โรงพยาบาล เย่ซือเฉินก็เดินตามไปด้วย
“คุณส่งถึงที่นี่พอ ฉันเข้าไปเองคนเดียวก็ได้แล้ว ”เวินลั่วฉิงรู้ดี หัวใจของคุณปู่อยากจะให้เธอแต่งงานในตอนนี้มากกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า ร้อยเท่า
หากเป็นเช่นนั้นถ้าคุณปู่เห็นเธอกับเย่ซือเฉินอยู่ด้วยกัน เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณปู่จะทำอะไร?
เย่ซือเฉินเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เธอแค่ไม่ต้องการให้คุณปู่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และจ้องมองเธอ “ เวินลั่วฉิง การพาผมไปเจอหน้าด้วยมันเป็นเรื่องที่อับอายขนาดนั้นเลยหรอ?”
เวินลั่วฉิงตะลึง คุณชายสามเย่พูดอะไรกัน?คนมีฐานะอย่างเขาเนี่ยนะจะทำให้อับอาย?
ไม่อับอายเลยสักนิด แต่เธอกลัวว่าคุณปู่จะอาการหนักเมื่อเจอเขา
ดังนั้นเธอเลยไม่กล้าพาเขาเข้าไป
“ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว ถ้าตอนนี้ฉันพาคุณเข้าไป ก็จะอธิบายได้ยากหน่อย ใช่มั้ย?”เวินลั่วฉิงคิดว่าถ้าตอนนี้เธอพาเย่ซือเฉินไปพบคุณปู่ ไม่แน่อาจทำให้คุณปู่สะดุ้งตกใจได้
คุณปู่เป็นโรคหัวใจ โดนทำให้ตกใจมากไม่ได้
เย่ซือเฉินจ้องหน้าเธอ สีหน้าไม่พอใจมากขึ้น “เมื่อก่อนตอนที่ผมมีความสัมพันธ์กับคุณอย่างเป็นทางการ ก็ไม่เห็นคุณจะพาผมไปที่บ้านนิ”
เวินลั่วฉิง “……”
แต่ก่อน เป็นการแต่งงานแบบซ่อนเร้นไม่เปิดเผยไม่ใช่หรอ? แต่เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว
เขายังทำเหมือนตนเองเป็นฝ่ายลำบาก? !
ผู้ชายนะ กะล่อนจริงๆ
ในตอนนี้ จู่ๆเวินลั่วฉิงก็เห็นผู้ดูแลบ้านกำลังพาคุณปู่มาชั้นล่าง เหอซิ่วผิงเดินตามคุณปู่อย่างใกล้ชิด
ดูเหมือนไม่ใช่แค่ลงไปชั้นล่าง แต่เหมือนจะออกจากโรงพยาบาล
เวินลั่วฉิงตะลึงเล็กน้อย แล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “คุณปู่ นี่คุณปู่จะไปทำอะไรคะ?”
“คุณหนูใหญ่ ดีจังเลยที่คุณอยู่ที่นี่ คุณปู่บอกว่าจะออกจากโรงพยาบาล” เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลบ้านรู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นเวินลั่วฉิง
“ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาลกะทันหันละคะ? เวินลั่วฉิงตะลึง เมื่อวานคุณปู่บอกยังจะอยู่อีกหลายวัน ทำไมจู่ๆตอนนี้ถึงจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
“คุณหนูใหญ่ คือ……” ผู้ดูแลบ้านเห็นเวินลั่วฉิงถาม ก็รีบอธิบายให้
“ไม่เป็นอะไร แค่อยู่ในโรงพยาบาลแล้วรู้สึกไม่สบาย ปู่เลยอยากกลับบ้าน วันนี้ที่บ้านได้เตรียมงานเลี้ยงฉลองไว้ กำลังรอปู่กลับไปทานอาหาร”
ผู้ดูแลบ้านกำลังจะพูด คุณปู่ก็ปริปากพูดแทรกผู้ดูแลบ้านโดยตรง
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จัดเตรียมงานเลี้ยงไว้ฉลองแล้ว? กำลังรอคุณปู่?
ทำไมเธอไม่รู้?
ใครเป็นคนจัดงานเลี้ยง?
“ตอนแรกคุณปู่ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับหนู แต่เมื่อหนูกลับมาแล้ว นั้นก็ไปกับคุณปู่ด้วยเลยละกัน ” คุณปู่เวินรู้ว่าเวินลั่วฉิงกลับมาแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังเธอได้แล้ว
แต่เธอกลับมาแล้วก็ดี เรื่องนี้พูดต่อหน้าฉิงฉิงจะดีกว่า
“คุณปู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?” เวินลั่วฉิงรู้ได้ถึงมีบางอย่างผิดปกติ นี่ต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ๆ
“กลับไปก่อน กลับไปถึงค่อยพูด”คุณปู่เวินไม่ได้อธิบาย ในที่นี้ก็ไม่สะดวกที่จะอธิบายด้วย
เวินลั่วฉิงก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม แล้วพยุงคุณปู่ออกไป
เวินลั่วฉิงหันกลับมา แล้วเห็นเย่ซือเฉินยังไม่จากไป ไม่เพียงแต่เขายังไม่จากไป แล้วยังไม่รู้ด้วยว่าเดินตามหลังเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เวินลั่วฉิงตะลึง ส่งสายตาให้เขา เพื่อไล่ให้เขาไปก่อน
เย่ซือเฉินเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรอยู่แล้ว เขาโกรธนิดหน่อย นี่ต่อหน้าคุณปู่ แม้แต่พูดก็ไม่กล้าพูดกับเขาแล้ว
เธออยากให้เขาไป แต่เขาไม่ยอมไป
“นี่คุณปู่เวินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอครับ? ” เย่ซือเฉินยิ้ม จากนั้นก็ทักทายคุณปู่เวินทันที
เพราะคุณปู่เวินมีเรื่องในใจ เลยไม่สังเกตเห็นเย่ซือเฉิน จู่ๆเย่ซือเฉินก็ทักทายเขา โดยปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือมองไปดู
แวบแรก คุณปู่เวินรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนไม่เลวจริงๆ หน้าตาดี มีมารยาทดี ช่างดูหล่อและเก่งดูดีจริงๆ เป็นเด็กบ้านใครกันช่างดูเพลินตา และทำให้คนหลงชอบมากจริงๆ
คุณปู่เวินมองชัดๆ รู้สึกคุ้นตา เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ไม่ค่อยคุ้นเคย แต่คนอื่นเขาทักทายกับเขาแล้ว คงรู้จักกันมั้ง?
จากนั้น ดวงตาของคุณปู่เวินเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว นี่ เขาจำชายหนุ่มคนนี้ได้ นี่เย่ซือเฉินใช่ไหม?
ก็ว่าทำไมเขาดูเพลินตาจัง ที่แท้ก็ประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนี่เอง
นั้นประธานบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมีแนวโน้มที่ดีจริงๆ มีความสามารถ! !
แต่ คุณปู่เวินคิด เขาและเย่ซือเฉินเคยพบกันมาก่อน แต่เหมือนไม่เคยพูดคุยกัน แต่ครั้งนี้เย่ซือเฉินทักทายเขาก่อนนี่มันหมายความว่าอย่างไร?
แม้ว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะเคยลงทุนในธุรกิจของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปมานานแล้ว แต่ในเวลานั้นเวินลั่วฉิงเป็นคนจัดการทั้งหมด คุณปู่เวินไม่สนใจเรื่องในบริษัทนานแล้ว อีกอย่าง แม้ว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป จะลงทุนในบริษัทเวินซื่อกรุ้ป แต่ในฐานะอย่างเย่ซือเฉินเป็นไปไม่ได้ที่จะไปที่บริษัทเวินซื่อกรุ้ป
“ที่แท้คือประธานเย่นี่เอง บังเอิญจริงๆ ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับประธานเย่ที่นี่” แม้ว่าคุณปู่เวินจะงงในใจ แต่ต่อหน้าควรทำยังไงก็ควรทำอย่างงั้น
มุมริมฝีปากของเย่ซือเฉินยกขึ้นเล็กน้อย มองไปที่เวินลั่วฉิง แล้วพูดว่า “จริงๆแล้ว ผมมากับ……”
“อแฮ่ม……” เวินลั่วฉิงได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็ตกใจ แล้วไม่สามารถห้ามเขาได้โดยตรง ได้แค่ส่งเสียงไอดังๆ
“ฉิงฉิง เป็นอะไรหรอ? ไม่สบายเหรอ? เป็นหวัดหรือเปล่า? ” คุณปู่เวินได้ยินเสียงเวินลั่วฉิงไอ ใบหน้าก็มีความกังวลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เย่ซือเฉินก็หยุดพูดเช่นกัน มองเธอด้วยดวงตาคู่นั้น ราวกับมีรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้งอยู่